|
ม็อบ สวนยาง ปิดทางรถไฟใต้อัมพาต ตั้งแต่จังหวัดพัทลุงลงไปไม่สามารถเปิดเดินรถได้ ด้านแกนนำเผยเตรียมดาวกระจายปิดเส้นทางเพิ่ม ขณะที่ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช จ่อขอเจรจาคืนพื้นที่ ยันไม่มีการสลายชุมนุมอย่างที่เป็นข่าว
วันนี้ (27 สิงหาคม 2556) ผู้สื่อข่าวรายงาน เหตุการณ์ความคืบหน้าล่าสุด กรณีม็อบสวนยางปิดทางรถไฟสายใต้ โดยระบุว่า การให้บริการรถไฟเส้นทางสายใต้ปั่นป่วนอย่างหนัก หลังจากที่เมื่อคืนนี้ (26 สิงหาคม) ม็อบชาวสวนยางและสวนปาล์ม รวมตัวปิดเส้นทางรถไฟสายใต้ บริเวณสี่แยกบ้านตูล ม.2 ต.บ้านตูล อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ระหว่าง สถานีชะอวด-บ้านตูล นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าได้มีการจุดไฟเผาบริเวณโดยรอบอีกด้วย
ทั้งนี้ ทำให้รถไฟสายใต้ขาขึ้นกรุงเทพฯ รวม 4 ขบวน ไม่สามารถเดินทางผ่านได้ ต้องตีรถกลับเข้าสู่สถานีชุมทางหาดใหญ่ 3 ขบวน คือ ขบวนรถด่วน 38 สุไหงโก-ลก - กรุงเทพฯ ขบวนรถเร็ว 172 สุไหงโก-ลก - กรุงเทพฯ และขบวน 42 สปรินเตอร์ ยะลา-กรุงเพทฯ รวมทั้งขบวนรถบัตเตอร์เวิร์ธ ซึ่งเป็นขบวนรถระหว่างประเทศต้องจอดอยู่ที่สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ มีเพียงขบวนรถเร็ว 170 ยะลา-กรุงเทพฯ เพียงขบวนเดียวที่สามารถขอผ่านทางได้
ด้าน นายพีระพล ทับเวช ผู้อำนวยการศูนย์ภาคใต้การรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การช่วยเหลือผู้โดยสารรถไฟ ทั้ง 4 ขบวน หากไม่มีที่พักก็จำเป็นต้องให้นอนบนขบวนรถไฟ และจะประเมินสถานการณ์อีกครั้งหนึ่งว่า กลุ่มผู้ประท้วงจะยอมเปิดเส้นทางหรือไม่ หากยังยืดเยื้อก็จะจัดขบวนรถไปส่งผู้โดยสารยังสถานีต้นทางและจะคืนเงิน เต็มจำนวนตั๋วโดยสาร
ขณะที่ทางตำรวจภูธร จ.สงขลา ได้วิทยุแจ้งไปยัง สถานีตำรวจในพื้นที่ จ.สงขลา เพื่อให้ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบสถานการณ์และเลี่ยงการเดิน ทางด้วยรถไฟเพราะสถานการณ์อาจจะยืดเยื้อ
ผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท. เผยรถไฟสายใต้ตั้งแต่พัทลุงอัมพาต-ตกค้างกว่า 500 คน
นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การชุมนุมของม็อบสวนยางในขณะนี้ ส่งผลให้เส้นทางรถไฟสายใต้ตั้งแต่จังหวัดพัทลุงลงไปไม่สามารถเปิดการเดินรถ ได้ โดยจะต้องรอผลการเจรจาของทางจังหวัดกับกลุ่มผู้ชุมนุมชาวสวนยาง เพื่อขอเปิดเส้นทางเดินรถในวันนี้ ส่วนผู้โดยสารที่ตกค้างซึ่งเป็นคนท้องถิ่น ทางการรถไฟฯ จะทำการคืนค่าโดยสารให้ทั้งหมด ส่วนนักท่องเที่ยว ที่ยังตกค้างกว่า 500 คน และเป็นชาวต่างชาติถึง 1 ใน 4 นั้น ขณะนี้ยังคงตกค้างและติดอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยเจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการ เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่
แกนนำเตรียมดาวกระจายอีกครั้ง ! จ่อปิดถนนเพิ่ม-กดดันรัฐ
ส่วน บรรยากาศการชุมนุมที่แยกควนหนองหงษ์ หมู่ 2 ต.ควนหนองหงษ์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เมื่อคืนวานนี้ (26 สิงหาคม) กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมันหลายพันคน ยังคงชุมนุมปิดถนนสายเอเชีย 41 ต่อเนื่อง โดยมีแกนนำปราศรัยบนเวทีสลับกับการเปิดเพลงปลุกเร้าผู้ร่วมชุมนุม และมีการปิดเวทีประมาณ 24.00 น. เพื่อให้ผู้ชุมนุมพักผ่อน จากนั้นจะเปิดเวทีขึ้นปราศรัยอีกครั้งในช่วงเช้า ซึ่งเป็นวันที่ 5 ของการชุมนุมแล้ว
สำหรับทิศทางการเคลื่อนไหว ในวันนี้ ทางแกนนำสายฮาร์ดคอร์เตรียมจะดาวกระจายอีกครั้ง ด้วยการปิดถนนเพิ่ม อาจจะปิดทุกเส้นทาง เพื่อกดดันภาครัฐมากขึ้น ในขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีการปรับแผนเพื่อรองรับ เพราะหากม็อบปิดทุกเส้นทาง จะทำความเสียหายอย่างมาก
นายกฯ สั่งประเมินสถานการณ์ใกล้ชิด ชี้ขอพื้นที่คืนต้องเป็นไปตามหลักสากล
พล.ต.ต. รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ได้เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวลือว่าเจ้าหน้าที่จะทำการสลายการชุมนุมนั้น โดย พล.ต.ต.รณพงษ์ ระบุว่า ตนได้รับคำสั่งจาก นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหากจำเป็นที่จะต้องขอพื้นที่คืนก็ต้องยึดปฏิบัติตามหลักสากล
ส่วนจะสลายการชุมนุมหรือไม่ ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจะประเมินสถานการณ์เป็นระยะ พร้อมกับยืนยันว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย ไม่ได้ประกาศปิดเส้นทางเดินรถแต่อย่างใด แต่กลุ่มผู้ชุมนุมนำรถบรรทุกมาจอดขวางทางรถไฟ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อขบวนรถไฟขาขึ้น
พล.ต.ต.รณพงษ์ ยันไม่สลายชุมนุม-เน้นเจรจาไม่ใช้ความรุนแรง
สำหรับ กรณีที่มีข่าวระบุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแถวเตรียมสลายการชุมนุมที่ควนหนอง หงส์นั้น พล.ต.ต.รณพงษ์ ออกมายืนยันว่า ไม่เป็นความจริง และจะไม่มีการสลายชุมนุมเกิดขึ้นแน่นอน ส่วนการตั้งแถวตำรวจดังกล่าว ก็เพื่อเตรียมพร้อมเข้าไปนัดหมายเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมเท่านั้น ไม่ใช่เตรียมสลายกลุ่มผู้ชุมนุมแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี พล.ต.ต.รณพงษ์ กล่าวต่อว่า พื้นที่ที่เราจะขอคืนคือพื้นที่ทางรถไฟและเส้นทางทางหลวง ที่กลุ่มผู้ชุมนุมเพิ่งจะปิดไป สำหรับพื้นที่ควนหนองหงส์ ซึ่งเป็นพื้นที่การชุมนุมนั้นก็ยังสามารถชุมนุมได้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าจะเน้นการเจรจาไม่ใช้ความรุนแรงอย่างแน่นอน