ในโลกเรามีสถานที่ลึกลับที่ยังไม่สามารถหาข้อพิสูจน์ได้อีกเป็นจำนวนมาก อาทิ โบราณสถานต่างๆ หรือดินแดนลี้ลับ ซึ่งพื้นที่ ''แอเรีย 51'' ก็เป็นหนึ่งในนั้น หลายคนเฝ้าตั้งประเด็นถึงความน่าสงสัยของพื้นที่นี้มาโดยตลอดว่า สหรัฐอเมริกา เอาสิ่งที่เป็นเรื่องระดับโลกอย่างเช่น ยูเอฟโอ หรือมนุษย์ต่างดาวมาซ่อนไว้ที่นี่หรือเปล่า

 

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น สหรัฐอเมริกา ปฏิเสธการมีอยู่ของ ''แอเรีย 51'' มาโดยตลอด พวกเขาพร่ำบอกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นสิ่งที่หลายคนจินตนาการกันไปเองทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีเอกสารฉบับใหม่ที่ระบุว่า หน่วยสืบราชการลับกลางแห่งสหรัฐอเมริกา หรือที่รู้จักกันในชื่อ ''ซีไอเอ'' ได้ยอมรับแล้วว่า ''แอเรีย 51'' มีอยู่จริง!

 

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมานั้น หน่วยงานเก็บเอกสารแห่งชาติของมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน ได้เปิดเผยรายงานที่มีชื่อว่า ''The Secret History of the U-2'' ซึ่งเป็นแผนลับสุดยอดที่เน้นไปในทางพัฒนาโปรแกรมของเทคโนโลยีเครื่องบินสอดแนม ''ยู-2'' ที่จะบินได้สูงสุดๆ ของซีไอเอ ระหว่างช่วงสงครามเย็น ซึ่งสถานที่พัฒนาเทคโนโลยีตัวนี้ก็ไม่ใช่ที่ใดอื่น แต่เป็นฐาน ''แอเรีย 51'' ที่ตั้งอยู่ในรัฐเนวาดานั่นเอง

 

งานนี้หากทางการของแดนลุงแซมยังคิดที่จะปฏิเสธแล้วละก็ มันก็คงเป็นไปได้ยากพอตัว เพราะในเอกสารนั้นมีการระบุชื่อของ ''แอเรีย 51'' ออกมาตรงๆ เลยทีเดียว แถมยังมีแผนที่ของฐานลับอย่างดีอีกต่างหาก ซึ่งก่อนหน้านี้แผนที่อย่างเป็นทางการของพื้นที่ดังกล่าว มักจะถูกแสดงให้เป็นเหมืองแร่ที่ไม่ถูกใช้งานแล้ว หรือพื้นที่ต้องห้ามใหญ่ๆ เท่านั้น

 

นักทฤษฎีต่างๆ รวมถึงผู้ที่เชื่อว่า ยูเอฟโอ มีอยู่จริงนั้น ต่างพร่ำบอกมาหลายทศวรรษแล้วว่า สถานที่ดังกล่าวมีอยู่จริง และนี่ก็เป็นเหมือนการประกาศชัยชนะของพวกเขาไปในตัว อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้ที่หลงใหลในสิ่งลี้ลับจากนอกโลกอย่างมนุษย์ต่างดาวอาจจะรู้สึกผิดหวังเล็กๆ กับการเปิดโปงความจริงของ ''แอเรีย 51'' เมื่อในรายงานของซีไอเอ จำนวน 400 หน้าที่เพิ่งถูกเผยแพร่สดๆ ร้อนๆ นั้น มีการกล่าวถึงจานบินลึกลับแค่ครั้งเดียวเท่านั้นเอง และมีการระบุว่า ''แอเรีย 51'' ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทดสอบ ''ยู-2'' รวมถึงสร้างอาวุธที่เป็นความลับสุดยอดเท่านั้น

 

''การทดสอบ ยู-2 ทำให้เกิดผลข้างเคียงอย่างไม่คาดคิด มันมีรายงานระบุถึงจานบินที่ไม่สามารถระบุได้ (ยูเอฟโอ) เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการทดสอบครั้งนี้ เมื่อ ยู-2 เริ่มบินที่ระดับความสูงเกิน 60,000 ฟุตแล้วนั้น ผู้ที่ทำหน้าที่ควบคุมน่านฟ้าก็จะได้รับรายงานถึง ยูเอฟโอ เพิ่มมากขึ้น ในตอนนั้นไม่มีใครเชื่อว่า จะมีเครื่องบินที่มนุษย์ควบคุมได้ลำไหนที่จะบินได้สูงกว่า 60,000 ฟุต ดังนั้นจึงไม่มีใครที่คิดว่าจะได้เห็นอะไรบางอย่างบินสูงขนาดนั้น'' รายงานของซีไอเอระบุ

 

จอร์จ แน็ปป์ นักข่าวรุ่นใหญ่ที่เป็นคนเริ่มขุดคุ้ยเรื่องราวเกี่ยวกับ ''แอเรีย 51'' ในปี 1989 นั้น กล่าวว่า ตนรู้สึกขำจนท้องแข็งเลยทีเดียว ที่ในที่สุด ซีไอเอ ก็ต้องมาก้มหน้ายอมรับว่า สิ่งที่เขาเคยรายงานเป็นเรื่องจริง ''มันค่อนข้างน่าขำสุดๆ ที่ก่อนหน้านี้ ซีไอเอ พยายามแทบเป็นแทบตายที่จะลบการมีอยู่ของมันไปจากความจำของประชาชน แต่ตอนนี้พวกเขาก็ต้องเอาข้อมูลกลับมานำเสนอ แล้วมันก็กลายเป็นข่าวใหญ่''

 

ทั้งนี้ ถึงแม้เรื่องราวที่ถูกเปิดเผยออกมาจะไม่มีข้อมูลอะไรที่น่าสนใจถึงขนาดเป็นการทำให้โลกเกิดการสั่นคลอนได้ แต่ เจฟฟรี่ย์ ริเชลสัน ผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานเก็บเอกสารแห่งชาติของมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน ที่เป็นคนค้นพบเอกสารชุดนี้ มองว่ามันจะเป็นการช่วยเปิดเผยความจริงเรื่องอื่นๆ ได้อีกมาก

 

''มันเป็นจุดจบของสิ่งที่ทางการเก็บงำความจริงเกี่ยวกับแอเรีย 51 เอาไว้ ซึ่งนี่เป็นการเปิดช่องของความเป็นไปได้ที่โปรเจกต์ทางอากาศอื่นๆ รวมถึงอีกหลายเรื่องในอนาคตจะถูกดัดแปลงความเป็นจริงน้อยลง และจะมีการอธิบายถึงการมีอยู่ของแอเรีย 51 มากกว่านี้'' ริเชลสัน ระบุ

 

ขณะที่ ออดรีย์ ฮิววินส์ หญิงผู้ที่เชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวมีอยู่จริง และยังสนับสนุนกลุ่มที่เชื่อว่า พวกเขาได้รับการติดต่อจากสิ่งมีชีวิตที่อยู่นอกโลกด้วยนั้น คิดว่า ซีไอเอ กำลังใกล้ที่จะเปิดเผยแล้วว่า มีเอเลี่ยนอาศัยอยู่บนโลกจริงๆ ''ฉันคิดว่าพวกเขาอาจจะลองหยั่งเชิงดูก่อน เพื่อดูว่าผู้คนจะตื่นตระหนกกับการโกหกครั้งใหญ่ และการปกปิดความจริงมากแค่ไหน''

 

 

 

http://www.siamdara.com