กลุ่มรณรงค์เพื่อสิทธิของคนรักร่วมเพศ ได้ประกาศขอแบน และเรียกร้องให้คนไม่ซื้อ, ไม่ดูหนังไซไฟ Ender's Game ที่มีกำหนดเข้าฉายในเร็ว ๆ นี้ เพราะหนังสร้างมาจากนิยายของนักเขียนผู้มีจุดยืนต่อต้านการแต่งงานของเพศเดียวกัน
       
       

       
       กลุ่ม Geeks Out ที่เป้าหมายรณรงค์เพื่อสิทธิของคนรักร่วมเพศ ได้เริ่มต้นโครงการประท้วงต่อต้านหนัง Ender's Game ของLionsgate แล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่าหนังดัดแปลงมาจากหนังสือของ ออร์สัน สก็อต คาร์ด ผู้มีจุดยืนต่อต้านเกย์
       
       "อย่าซื้อตั๋วที่โรงหนัง, อย่าซื้อแผ่นดีวีดี อย่าดูสั่งหนังมาดูทางออนไลน์ ไม่ต้องซื้อของเล่น หรือสินค้าใด ๆ ถึงคุณจะชอบหนังสือแค่ไหน ก็อย่าเพิ่มเงินในกระเป๋าของ ออร์สัน สก็อต คาร์ด เลยจะดีกว่า" ทาง Geeks Out ประกาศพร้อมเปิดเผยว่าพวกเขาจะจัดกิจกรรมรณรงค์ขึ้นทั้งที่ชิคาโก้ และนิวยอร์กในวันที่หนังเข้าฉายด้วย
       
       โดยพวกเขายังเชื่อว่าการไม่ไปดู Ender's Game จะถือว่าเป็นการส่งสารที่หนักแน่นจริงจังไปถึง คาร์ด และคนในวงการที่มีจุดยืนต่อต้านคนรักร่วมเพศได้เป็นอย่างดี ... "ไม่ว่าเขาขายอะไรเราจะไม่ซื้อ" ตัวแทนของกลุ่มยืนยัน
       
       ก่อนหน้านี้ ออร์สัน สก็อต คาร์ด คือตัวตั้งตัวตีในการเคลื่อนไหว เพื่อต่อต้านการแต่งงานของคนเพศเดียวกัน โดยในปี 2009 เขาได้ร่วมเป็นกรรมการของ องค์การแห่งชาติเพื่อการแต่งงาน (NOM) ที่รวมตัวกันขึ้นเพื่อค้านกระแสการอนุญาตให้คนเพศเดียวกันจดทะเบียนสมรสได้
       
       ครั้งหนึ่งนักเขียนวัย 61 ปี ยังเคยเขียนบทความตีพิมพ์ใน Mormon Times ถึงประเด็นดังกล่าวว่า "การแต่งงานมีเพียงความหมายเดียว และไม่ว่ารัฐบาลใดที่พยายามจะเปลี่ยนความหมายของมัน ก็จะถือเป็นศัตรูของเรา ผมจะเคลื่อนไหวเพื่อทำลายรัฐบาล และโค่นพวกมีแนวคิดแบบนี้ลงมา"
       
       สำหรับ Ender's Game หนังทุน 110 ล้านเหรียญฯ ของผกก. เกวิน ฮูด ที่ดัดแปลงมาจากนิยายสุดดังของ คาร์ด ที่เขียนขึ้นในปี 1981 เล่าถึงเหตุการณ์ในอนาคตที่มนุษย์ต่างดาวบุกโลก จนกลุ่มผู้รอดชีวิตต้องคัดเลือกเด็กจำนวนหนึ่ง ที่มีความสามารถพิเศษมาฝึกฝนเพื่อเป็นกองกำลังในการต่อสู้กับศัตรูจากนอกโลกโดยเฉพาะ
       
       หนังยังประกอบไปด้วยนักแสดงชื่อดังคับคั่ง อาทิ แฮริสัน ฟอร์ด, เบน คิงสลีย์, อรามิส ไนท์, เฮลี สไตน์เฟล, จิมมี พินเชค, วิโอลา เดวิส และอลิเกล เบรสลิน เป็นต้น โดยEnder's Game จะมีกำหนดเข้าฉายที่สหรัฐฯ 13 ต.ค. ที่จะถึงนี้

http://www.manager.co.th