ดร.อาจอง ฟันธง โลกไม่แตก ห่วงก๊าซมีเทน-เปลือกโลกขยับ ทำเกิดภัยพิบัติ
2012-12-17 10:51:07
Advertisement
คลิก!!!
วันสิ้นโลก


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สปริงนิวส์

            ดร.อาจอง ฟันธง โลกไม่แตก แต่ห่วงเรื่องก๊าซมีเทน-เปลือกโลกขยับ อาจทำให้เกิดสึนามิ ประเทศญี่ปุ่นหาย ชี้แกนโลกสลับฝั่งเกิดขึ้นได้ เพราะตอนนี้เริ่มเบี่ยงจากแนวเดิมแล้ว ขณะที่กรมอุตุฯ พ้อรัฐไม่ให้เงินสนับสนุน ทำให้พยากรณ์อากาศได้เพียงระดับจังหวัด ส่วนด้าน ดร.สมิทธ ลั่น ไม่ถึง 10 ปี น้ำท่วมกรุงเทพฯ แน่

            วานนี้ (16 ธันวาคม) ในงานสัมมนาโครงการ "ถอดรหัสภัยพิบัติ พลิกวิกฤตให้เป็นคำเตือน" โดยมีนักวิชาการจากหลายแขนงมาแสดงความคิดเห็นมากมาย นำโดย ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรไฟฟ้า ซึ่งได้แสดงถึงความเป็นห่วงเกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติ 2 เรื่องด้วยกัน

            โดยเรื่องแรก ดร.อาจอง ระบุว่า เป็นเรื่องของการตรวจพบก๊าซมีเทน ซึ่งมีพลังงานความร้อนสูงกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 21 เท่า ผุดขึ้นมาจากใต้พื้นโลก บริเวณไซบีเรีย ใกล้ขั้วโลกเหนือ โดยก๊าซมีเทนนี้ จะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาภาวะโลกร้อนให้เร็วและรุนแรงมากขึ้น สำหรับผลกระทบที่ตามมา คือ น้ำแข็งขั้วโลกจะละลายลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งพอมวลน้ำในมหาสมุทรมีน้ำหนักมาก ก็จะส่งผลต่อการหมุนของแกนโลกทำให้ขาดสมดุล และแกนโลกต้องทำการสลับขั้วเพื่อสร้างสมดุลใหม่ ทำให้เกิดยุคน้ำแข็งฉับพลัน เหมือนที่เกิดขึ้นในยุคดึกดำบรรพ์ ส่วนประเด็นแกนโลกสลับขั้วนั้น มีความเป็นได้ เพราะแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นเพียงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ก็ส่งผลให้แกนโลกเบี่ยงออกจากแนวเดิมแล้ว




            นอกจากเรื่องก๊าซมีเทนแล้ว ดร.อาจอง ยังกล่างถึงเรื่องการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกใต้อินโดนีเซีย และใต้แปซิฟิก ที่เคลื่อนมาชนกับแผ่นเปลือกโลกใต้ทวีปเอเชีย-ยุโรป ส่งผลให้ฝั่งตะวันออกของทวีปเอเชียเกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง และมีโอกาสที่ญี่ปุ่นจะหายไปจากแผนที่โลก ส่วนฟิลิปปินส์กับอ่าวไทยก็มีโอกาสเกิดสึนามิ และในขณะเดียวกัน ตอนนี้แผ่นเปลือกโลกใต้อินเดียและออสเตรเลีย ก็เริ่มเคลื่อนตัวมาทางฝั่งอันดามันแล้วเช่นกัน

            ดร.อาจอง เปิดเผยอีกว่า จากการที่ได้พูดคุยกับชนเผ่ามายาในเม็กซิโก เรื่องการสิ้นสุดของปฏิทิน 5,200 ปี ของชนเผ่ามายา ซึ่งชาวมายาเองก็ยืนยันว่า วันที่ 21 ธันวาคม ไม่ใช่วันสิ้นโลกแต่อย่างใด แต่กลียุคจะจบสิ้น โลกจะเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคใหม่ ซึ่งเป็นยุคแห่งความสุข แต่ปัญหาก็คือว่า กลียุคที่ว่านี้จะจบลงอย่างไรก็ไม่มีใครทราบได้

            ขณะที่ ดร.สมชาย ใบม่วง รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ได้กล่าวถึง "อนาคตของอุตุฯ ไทยกับการเตือนภัยธรรมชาติ" ว่า หน้าที่ของกรมอุตุนิยมวิทยา คือแจ้งเตือนให้ทุกคนทราบถึงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้น แต่ในขณะนี้ปัญหาที่มีก็คือเรื่องงบประมาณ ที่ทางรัฐบาลไม่ได้จัดสรรให้กรมอุตุฯ เลยแม้แต่บาทเดียว จึงทำให้กรมอุตุฯ พยากรณ์ได้ตามแค่เครื่องมือที่อยู่เท่านั้น ซึ่งพยากรณ์ได้แค่ระดับจังหวัด

            ดร.สมชาย กล่าวต่อว่า เทคโนโลยีในปัจจุบันสามารถระบุได้ถึงระดับตำบล และบอกได้แม่นยำในระยะ 7-10 เดือน และถ้าให้มีความถูกต้องมาก็ต้องใช้เทคโนโลยีที่สูงขึ้น ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราพยายามเสนอรัฐบาล เพื่อจะได้เตือนภัยแก่ประชาชนในยามที่มีภัยพิบัติ ทั้งนี้ หากรัฐบาลจะ เจียดเงินจาก 1.44 ล้านบาท ที่เป็นเยียวยาน้ำท่วม สัก 0.11 เปอร์เซ็นต์ ก็จะสามารถพัฒนาระบบพยากรณ์อากาศได้ดียิ่งขึ้น และความเสียหายก็จะลดลง ประชาชนก็จะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล

            ส่วนทางด้าน รศ.ดร.ปัญญา จารุศิริ  ได้กล่าวถึง "14 รอยเลื่อน สัญญาณอันตรายที่คนไทยควรรู้" ว่า เป็นที่ทราบดีว่าหลายส่วนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีโอกาสเกิดแผ่นดินไหว ได้มาก และในประเทศไทย รอยเลื่อนที่ควรจับตามองมากที่สุดในขณะนี้ ก็คือ รอยเลื่อนแม่จัน ซึ่งนับวันจะมีพลังรุนแรงและมีเส้นรุกรานมากขึ้น

            แต่ทั้งนี้ ในปี 2550 และ 2553 ที่ผ่านมา ประเทศไทยเกิดแผ่นดินไหวมาแล้ว ทั้ง 6.3 ริกเตอร์ และ 7 ริกเตอร์ ซึ่งหากเกิดในลักษณะนี้บ่อย ๆ ก็เป็นการปลดปล่อย ทำให้ไม่เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ตามมาอย่างแน่นอน แต่หากถามว่าโลกจะแตกหรือไม่ ตนตอบได้เลยว่า ถึงแม้ประเทศไทยมีภัยพิบัติต่าง ๆ มีโอกาสจะเกิดภัยพิบัติมหาศาล แต่โลกจะไม่แตกอย่างแน่นอน

            ขณะเดียวกัน ด้าน ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ได้กล่าวถึงเรื่องโลกแตกว่า เรื่องโลกแตกหรือไม่นั้น อยู่ที่วิจารณญาณและความเชื่อ แต่หน้าที่ของนักวิชาการทั้งหลายคือให้ความรู้แก่ประชาชนเพื่อเตรียมรับมือ กับภัยพิบัติต่าง ๆ แต่เรื่องที่สำคัญมากกว่า "โลกแตก" นั่นก็คือเรื่องน้ำท่วม ที่ตนบอกได้เลยว่าอีก 8-9 ปี น้ำท่วม กทม. แน่ แต่ไม่มีคนสนใจ เพราะมัวทะเลาะกันในเรื่องการเมืองอยู่ ซึ่งเราก็เคยแนะนำให้สร้างเขื่อน ป้องกันไม่ให้น้ำทะเลเข้ามา แต่ก็ยังเฉย ไม่สนใจ

            ด้าน  ดร.กัญจิรา กาญจนเกตุ ประธานศูนย์พัฒนาศักยภาพมนุษย์ ฉายา "นอสตราดามุสหญิงเมืองไทย" ได้ กล่าวถึงสถานการณ์ภัยพิบัติว่า ในปีหน้าระหว่างวันที่ 18 มกราคม - 25 กุมภาพันธ์ จะเกิดภัยธรรมชาติในเรื่องของลมพายุที่ค่อนข้างรุนแรง และไฟไหม้ โดยเฉพาะทางใต้อาจจะเจอลมมรสุมประมาณ 2 ลูก ส่วนในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนมิถุนายน อาจจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้นในประเทศไทย นอกจากนี้ ตนยังห่วงเรื่องภัยแล้ง และน้ำท่วม ซึ่งปัจจุบันมีหลายพื้นที่ฝนตกไม่ถูกต้องตามฤดูกาล

            ส่วนกระแสเรื่องวันสิ้นโลกนั้น ดร.กัญจิรา กล่าวว่า ในอดีตก็เคยเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้มาแล้ว แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ยังไม่ทันสมัยมนุษย์เลยอาจไม่รับรู้ แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีพัฒนาไปมาก ทำให้มนุษย์รู้เหตุการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ จึงทำให้มีความหวาดกลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อโลก อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะฝากบอกไปยังประชาชนว่า อย่าได้ตื่นตระหนก และตื่นตูมกับภัยธรรมชาติ แต่ควรจะตื่นตัวและพร้อมรับมือไว้ทุกเมื่อ

 

 

 

ข้อมูลจากกระปุกดอทคอม

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X