เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ทุกครั้งที่ได้ยินคนพูดถึงเด็ก ๆ เราก็มักคิดถึงความสนุกสนาน ความไร้เดียงสา และความร่าเริงสดใส จนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเด็ก ๆ ของเราก็มีโอกาสเกิดภาวะซึมเศร้าได้เหมือนกัน และอาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับเด็กทุกคน ฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ก็ควรระวังเอาไว้หน่อยก็ดีนะคะ วันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยนำอาการเบื้องต้นของภาวะซึมเศร้าในเด็กมาฝากคุณพ่อ คุณแม่ จะได้ช่วยกันดูแลลูกได้อย่างถูกวิธีค่ะ

        1. หากสังเกตได้ว่าเด็ก ๆ มักจะนั่งซึม หน้าตาเหม่อลอย หรือรู้สึกเศร้าบ่อย ๆ โดยไม่มีสาเหตุ ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่า ลูกของคุณอาจจะมีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้า แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูปัจจัยอื่น ๆ ประกอบไปด้วยนะคะ เพราะบางทีที่เด็ก ๆ เศร้าอาจจะเกิดจากการโดนเพื่อนที่โรงเรียนกลั่นแกล้ง หรือโดนคุณครูดุก็ได้ ฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ก็อย่าตีโพยตีพายไปนะคะ

        2. นอกจากอาการเศร้าซึมแล้ว ถ้าเด็ก ๆ ชอบร้องไห้หนัก ๆ บ่อย ๆ แบบไม่มีที่มาที่ไป จากนี้คุณพ่อคุณแม่ก็น่าจะสละเวลางานสักนิด มาดูแลเด็ก ๆหน่อยก็ดี เพราะเด็ก ๆ อาจจะกำลังต้องการความช่วยเหลืออยู่ก็ได้

        3. ถ้าอยู่ ๆ เด็ก ๆ กลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจากเด็กที่เคยร่าเริงแจ่มใส แต่มาตอนนี้กลับไม่มีภาพเหล่านั้นให้เห็นอีกแล้ว แถมยังชอบปลีกตัวออกไปอยู่คนเดียว ไม่ยอมออกมาเล่นกับคุณพ่อคุณแม่ หรือแม้กระทั่งเพื่อนสนิทของตัวเอง มีโอกาสเป็นไปได้สูงเลยว่าลูกของคุณอาจจะกำลังตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า ยกเว้นว่าเด็ก ๆ ที่กำลังเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น พวกเขาก็อาจจะอยากอยู่ในโลกของตัวเองบ้างก็ได้

        4. เด็ก ๆ ที่อยู่ภาวะซึมเศร้านั้น ไม่ได้มีอาการซึมเศร้า เซื่องซึมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่พวกเขายังมีอารมณ์เกรี้ยวกราด และก้าวร้าวอีกด้วย เนื่องมาจากความกดดันต่าง ๆ จึงทำให้พวกเขาต้องแสดงอาการเช่นนั้นออกมาเพื่อระบาย หรือเรียกร้องความสนใจจากคุณพ่อคุณแม่ยังไงล่ะ

        5. ภาวะซึมเศร้านั้น นอกจากจะทำให้นิสัยของเด็ก ๆ เปลี่ยนไปแล้ว ยังทำให้การกระทำต่าง ๆ ของเด็ก ๆ เปลี่ยนไปด้วย อันได้แก่ ท่าทางในการนอน หากเขานอนกระสับกระส่ายบ่อยครั้ง หรือพฤติกรรมการนอนแปลกไปจากเดิม อย่างเช่น นอนน้อยเกินไป ตื่นเร็ว หรือนอนมากเกินไป เด็ก ๆ ก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้เช่นกัน

        6. นอกจากนี้เด็ก ๆ ที่เกิดอาการภาวะซึมเศร้า บางรายก็ยังเกิดอาการเบื่ออาหารอีกด้วย ซึ่งอาการเบื่ออาหารนี้ ก็สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ โดยการดึงดูดความสนใจของลูก ไปที่ของเล่น โทรทัศน์ หรือสิ่งอื่น ๆ ที่เขาจะช่วยให้เด็ก ๆ ทานอาหารได้มากขึ้น 

        7. อาการซึมเศร้านั้นไม่ได้มีผลกระทบต่อจิตใจของเด็ก ๆ เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีผลกระทบต่อระบบอื่น ๆ ในร่างกายของเด็ก ๆ อีกด้วย จึงทำให้เกิดโรค และมีอาการอื่น ๆ ตามมาด้วย เช่น อาการปวดหัว อาการปวดท้อง หรืออื่น ๆ ซึ่งอาการแทรกซ้อนเหล่านี้อาจจะทำให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมา ดังนั้นในสถานการณ์แบบนี้คุณพ่อคุณแม่ควรพาเด็ก ๆ ไปพบแพทย์โดยด่วนเลย

         8. โดยปกติเด็ก ๆ ก็มีเรื่องที่ตัวเองชอบกันทุกคน และเมื่อได้เวลาเล่น หรืออยู่กับสิ่งที่พวกเขาชอบ คุณพ่อคุณแม่แทบไม่ต้องเคี่ยวเข็ญให้เมื่อยปากเลย เพราะเด็ก ๆ จะเข้าไปหาเอง แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณพ่อคุณแม่พบว่าช่วงนี้ ลูกไม่ค่อยให้ความสนใจเหมือนก่อน เห็นเด็ก ๆ เล่นก็ไม่ได้รู้สึกว่าพวกเขาสนุกเลย แต่ในทางกลับกัน หากเขาเอาแต่หมกตัว และใช้เวลาอยู่กับเรื่องที่เขาสนใจมากเกินไป ก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นภาวะซึมเศร้าได้เหมือนกัน เพราะเนื่องมาจากกลไกการป้องกันตัวเอง เพื่อสั่งให้สมองสร้างความสุขให้กับตัวเอง แทนเรื่องที่เขากำลังเครียดอยู่

        9. เด็ก ๆ มักจะเก็บเรื่องราวต่าง ๆ ที่ตัวเองพบเจอมาเล่าให้คุณพ่อคุณแม่ฟังเป็นปกติแล้ว ซึ่งเรื่องราวเหล่านั้นก็อาจจะมีเรื่องร้ายบ้างดีบ้างปะปนกันไป แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เด็ก ๆ เริ่มพูดแต่ด้านลบของสิ่งรอบตัว รู้สึกเบื่อ หรือพูดถึงแง่ร้ายของตัวเอง ดูถูกตัวเองบ่อย ๆ คุณพ่อคุณแม่ก็ควรให้กำลังใจลูก เล่าประสบการณ์ดี ๆ ให้เขาฟังบ้าง พูดชื่นชมเขาบ้าง ก็จะช่วยให้เด็กมีความมั่นใจมากขึ้น แต่หากคุณพ่อคุณแม่ยิ่งตอกย้ำความคิดของลูก ก็จะยิ่งทำให้เขาตกอยู่ในภาวะเครียด และเข้าสู่โหมดซึมเศร้ามากขึ้น

        10. ถ้าคุณพ่อคุณแม่พบว่าเด็ก ๆ ของคุณมักจะพูดว่า จะหนีออกบ้านบ่อย ๆ หรือร้ายแรงถึงขั้นขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย ต้องรีบพาไปพบแพทย์โดยด่วนเลย ก่อนที่เด็กจะทำอะไรลงไปโดยขาดการยั้งคิด

          ปัจจุบันนั้นพบว่าเด็กไทยมีอาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเพิ่มมากขึ้น ฉะนั้นหาคุณพ่อคุณแม่ไม่อยากให้เด็ก ๆ ของคุณเป็นหนึ่งในจำนวนเด็กที่มีอาการซึมเศร้าก็อย่าลืมดูแล และเอาใจใส่พวกเขาให้มาก ๆ นะคะ เพราะไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความรัก ความอบอุ่นจากพ่อแม่อีกแล้วล่ะค่ะ

ข้อมูลจากกระปุกดอทคอม