เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ไมค์ ภิรมย์พร โวยแหลก! ถูกขโมยสูบน้ำเกือบหมดบ่อ เผยไร่ข้าง ๆ เป็นคนสูบ ขณะที่เจ้าของไร่ข้าง ๆ อ้อนวอน จน ไมค์ ภิรมย์พร เห็นใจ เพราะเคยเป็นชาวนามาก่อน จึงยอมความได้ในที่สุด

         เมื่่อวันที่ 21 ตุลาคม  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพรภิรมย์ พันทะปะกัง หรือ ไมค์ ภิรมย์พร อายุ 47 ปี ได้โทรศัพท์แจ้งไปที่ศูนย์วิทยุร่มโพธิ์ทอง ว่า ถูกขโมยสูบน้ำจนหมดบ่อไปหลายหมื่นลิตร ทางศูนย์วิทยุฯ จึงติดต่อประสานไปยังเจ้าหน้าที่ สภ.ย่อยนาข่า เพื่อไปตรวจสอบยังสถานที่ดังกล่าว โดยบ้านของ ไมค์ ภิรมย์พร ตั้งอยู่ที่ หมู่บ้านนาคำแก้ว ม.13 .นาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี บริเวณท้ายไร่เป็นบ่อดินขุดลึกประมาณ 4 เมตร กว้าง 15 เมตร และยาว 20 เมตร มีเนื้อที่ประมาณ 1 งานเศษ ซึ่งมีน้ำขังอยู่ในบ่อเพียง 1 เมตร เท่านั้น

          ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบ ไมค์ ภิรมย์พร กำลังยืนทำหน้าเซ็งและมีอาการหงุดหงิดเล็กน้อย ซึ่ง ไมค์ ภิรมย์พร ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตนกลับมาบ้าน จ.อุดรธานี เพื่อมาดูไร่ที่เตรียมปลูกข้าวโพด และเมื่อมาดูยังบ่อเก็บน้ำก็ต้องแปลกใจเพราะเมื่อประมาณต้นเดือนยังมีน้ำ อยู่เต็มบ่อ แต่ทำไมมาคราวนี้ถึงเหลือน้ำเพียงก้นบ่อเท่านั้น ตอนแรกตนก็สงสัยว่าอากาศอาจจะร้อนเลยทำให้น้ำแห้ง แต่เมื่อเดินสำรวจดูรอบ ๆ แล้ว ก็พบว่ามีร่องรอยของการสูบน้ำออกไปยังไร่นาข้าง ๆ

          ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินไปยังไร่นาข้าง ๆ ดังกล่าว ก็พบ นายสิทธิพล ลาชินลา อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของไร่ และเจ้าตัวก็ยอมรับแต่โดยดีว่า สูบน้ำจากบ่อของ ไมค์ ภิรมย์พร ไปใช้ โดยกล่าวว่า นา ของตนกำลังจะแห้งตาย ประกอบกับเคยขออนุญาตกับพ่อของไมค์ ภิรมย์พร แล้วว่า หากนาของตนขาดน้ำก็จะขอสูบไปใช้บ้าง ซึ่งทางพ่อของไมค์ ภิรมย์พร ก็กล่าวว่า ไม่เป็นไร หากนาขาดน้ำจริง ๆ ก็สูบไปใช้ได้ ทั้งนี้ ตนจึงสูบน้ำไปใช้ เพราะคิดว่าไม่มีปัญหาอะไร แต่ตนยอมรับว่าสูบน้ำของเขามากเกินไป

          ขณะที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวว่า ตอนแรก ไมค์ ภิรมย์พร ไม่ยอม และจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะคิดว่านายสิทธิพลนั้น แอบสูบขโมยน้ำและอ้างชื่อพ่อของเขา เนื่องจากพ่อของเขาไม่สบายไม่ได้มาดูไร่นานานแล้ว จึงไม่ทราบว่าจะออกมาอนุญาตให้สูบน้ำได้ตอนไหน แต่ถึงอย่างไร นายสิทธิพลก็อ้อนวอนของให้ ไมค์ ภิรมย์พร ยอมความ เพราะกลัวต้นข้าวตายจริง ๆ และไม่ได้สูบน้ำไปขายที่ไหน จนกระทั่ง ไมค์ ภิรมย์พร ใจอ่อน ยอมถอนแจ้งความ และกล่าวเห็นใจ เพราะเคยเป็นชาวนามาก่อน ส่วนทางด้านนายสิทธิพลก็รับปากว่า จะสูบน้ำมาคืนให้เท่าที่จะทำได้ ทั้งสองจึงยอมความกันในที่สุด

ข้อมูลจากกระปุกดอทคอม