เลี่ยงอาหารสุกๆ ดิบๆ ปลอดภัย...ห่างไกลโรค
2012-10-21 13:55:40
Advertisement
คลิก!!!


เลี่ยงบริโภคอาหารสุกๆ ดิบๆ ปลอดภัย...ห่างไกลโรคร้าย (เดลินิวส์) 

         อีกปัจจัยที่ช่วยสร้างเสริม สุขภาพแข็งแรงไกลห่างจากสารพัดโรคภัยได้นั้น การบริโภคอาหารหลากหลาย ถูกสุขลักษณะ สิ่งนี้แม้จะเป็นที่ทราบแต่มักมองข้ามละเลยกัน


          อาหาร สุกๆ ดิบๆ หลากเมนูที่ชื่นชอบโปรดปราน บ่อยครั้งมีข่าวความเคลื่อนไหวให้ติดตามถึงความอันตรายการเจ็บป่วย ทั้งอาการอาหารเป็นพิษ ท้องเสีย ท้องร่วง อีกทั้งการบริโภคอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ ยังมีความเสี่ยงต่อโรคพยาธิต่างๆ ฯลฯ โดยบางรายอาจมีอาการรุนแรงถึงชีวิตและยิ่งฤดูร้อนอากาศอบอ้าวที่เริ่มสัมผัส ได้แล้วยังมีความเสี่ยงต่อโรคทางเดินอาหาร 

          การ บริโภคอาหารถูกสุขอนามัยปรุงสุกสะอาดสดใหม่ รู้เข้าใจในวิธีการเก็บรักษาอาหารยังมีส่วนสำคัญช่วยสร้างเสริมสุขภาพหลีก ไกลจากความเจ็บป่วย อ.นพ.ปริย พรรณเชษฐ์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ หน่วยโภชนวิทยาและชีวเคมีทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีให้ความรู้ว่า โรคที่มาจากการติดเชื้อทางอาหารมีทั้งพวกเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส รวมทั้งสารพิษที่สร้างจากเชื้อพวกนี้ อย่างที่พบบ่อยเชื้อแบคทีเรียซึ่งทำให้มีไข้ ท้องเสีย ปวดท้อง ฯลฯ เชื้อโรคพวกนี้มีอยู่ทั้งในลำไส้ของสัตว์ปีก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อีกทั้ง  ในอาหารทะเลพวกหอยหลายชนิด ฯลฯ ดังนั้นหากนำมารับประทานนำไปทำอาหารโดยไม่สุก ไม่สะอาดก็จะมีความเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส

          "อาหาร ที่ปรุงไม่สุกแน่นอนว่าย่อมนำมาซึ่งความเจ็บป่วย ทีนี้พอเข้าไปในร่างกายก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลา รวมทั้ง จำนวนเชื้อโรคที่เข้าไปร่วมด้วย ส่วนใหญ่เชื้อจะเข้าไปฟักตัวเป็นชั่วโมงหรือทั้งวันทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวน เชื้อที่ได้รับเข้าไป ความรุนแรงของเชื้อนั้นๆ ขึ้นอยู่กับสภาวะของคนไข้ที่รับเชื้อเข้าไป อย่างเช่น เด็ก ผู้สูงอายุ สตรีตั้งครรภ์ มีโอกาสเป็นรุนแรง มากกว่าคนปกติ อีกทั้งผู้ที่ภูมิคุ้มกันต่ำ อย่าง ผู้ที่เป็นมะเร็งหรือเป็นโรคเลือด ก็มีโอกาสเป็นได้เยอะกว่า"

          อาการ ที่ปรากฏจะคล้าย กันคือ ปวดท้อง มีไข้ คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย ส่วนใหญ่เชื้อพวกนี้มักจะหายเองได้ใน 2-3 วัน เว้นคนไข้ที่ภูมิคุ้มกันต่ำอาจจะเสียน้ำ เสียเกลือแร่ อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ 

          การ ดูแลสุขภาพจึงควรรับประทานอาหารที่สะอาดปรุงสุก หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ อย่างในต่างประเทศอาหารสุกจะมีแท่งวัดอุณหภูมิ ปักลงไปในเนื้ออุณหภูมิต้องเกิน 78 องศาเซลเซียสถึงจะปลอดภัย ขณะที่ด้านนอกต้องเกิน 100 องศาเซลเซียสและก่อนการปรุงอาหารต้องล้างให้สะอาด ทั้งเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ ในการล้างก็ต้องล้างแยกกัน การใช้เขียง ใช้มีด ฯลฯ หั่นแล้วก็ต้องล้างทำความสะอาด เป็นต้น

          อาหาร ที่ปรุงสุกเมื่อตั้งให้เย็นแล้วควรเก็บใส่ตู้เย็นภายใน 4 ชม. หากตั้งวางไว้เชื้อโรคอาจจะเพิ่มจำนวนหรืออาจจะสร้างสารพิษขึ้นมาในช่วงนั้น ได้ การเก็บควรแยกเป็นภาชนะเล็กๆ จะช่วยให้เย็นเร็วขึ้น การรับประทานก็ควรนำมาอุ่นซึ่งขณะการอุ่นอาหารควรทำให้เดือดไม่ใช่แค่ทำให้ ร้อน ส่วนพวก ผัก ผลไม้ ควรล้างให้น้ำไหลผ่านชะล้างเชื้อโรค

          นอก จากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัสที่มากับอาหารที่ปรุงไม่สุก พยาธิ ที่อยู่ในดินที่ติดมากับผัก สัตว์รวมทั้งหากสัมผัสขุดจับดินที่มีพยาธิโดยไม่ล้างมือให้สะอาด ก็อาจจะติดเข้าไปในร่างกาย  ติดกับอาหารที่รับประทาน อย่าง พยาธิกล้ามเนื้อ หากเข้าสู่ร่างกายจะไปฝังตามกล้ามเนื้อ พวกนี้ติดมากับพวกหมู กระรอก กระแต หนู  

          นอก จากนี้ยังมีพยาธิตัวจี๊ด ซึ่งจะไชเข้าไปตามผิวหนัง ก็จะมีอาการคัน พวกนี้จะอยู่ในพวกไรน้ำซึ่งกุ้ง ปู ปลา พวกนี้จะกินไรน้ำและหากกินกุ้งสุกๆ ดิบๆ ปลาดุก ปลาช่อน ปลาไหล กบ เขียด ฯลฯ ที่ปรุงไม่สุกก็มีโอกาสพยาธิเข้าไปในร่างกายได้ พยาธิใบไม้ในตับ ส่วนใหญ่พบทางอีสานอยู่ในพวกหอย ปลาที่นำมาทำปลาร้า ปลาส้ม ปลาก้อย พอไม่สุกเมื่อนำมาทานพยาธิพวกนี้ก็จะไปอยู่ที่ทางเดินน้ำดี เป็นสาเหตุทำให้เกิดมะเร็งทางท่อน้ำดี อาการที่พบ ก็จะมีตัวเหลือง ตาเหลือง ซึ่งถึงตอนนั้นอาจจะช้าเกินการรักษา

          "การ ทำให้สุกสะอาดจึงเป็นการตัดวงจรก่อนเกิดโรคซึ่งโดยมากมักละเลยมองข้ามกันไป บางคนอาจโชคดีก็ไม่เกิดอะไร แต่บางคนโชคร้ายหลีกไม่พ้นความเจ็บป่วยเกิดขึ้นมา ส่วนในความรุนแรงของเชื้อโรคตัวนั้นขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานของแต่ละคนที่ได้ รับเชื้อเข้าไป  เชื้อแต่ละชนิดมีความรุนแรงแตกต่างกัน แต่ที่ดีที่สุดควรเลี่ยงอาหารสุกๆ ดิบๆ"

          อย่าง ที่กล่าวมาการปรุงไม่สุกหากทิ้งไว้ข้างนอกนานเชื้อต่างๆ จะเจริญเติบโตในคำว่า สุก หากเป็นอาหารประเภท แกง ต้องเดือดอย่างน้อย 5 นาที ขณะที่อาหารปิ้งย่าง ไม่ควรที่จะมีเนื้อแดงและในการสังเกตดูแลตนเองหากเกิดการท้องเสีย อาเจียนต่อเนื่อง มีไข้ขึ้นควรรีบไปโรงพยาบาลพบแพทย์ แต่ที่เป็นอันตรายระยะยาวต่างจากพวกแบคทีเรีย ไวรัส หากเป็นพวกพยาธิส่วนใหญ่จะเข้าไปอยู่ในตัวจนกระทั่งแพร่กระจายรบกวน การทำงานของร่างกาย ส่วนพยาธิตัวกลมชนิดอื่นมักจะเข้าไปอาศัยอยู่ในลำไส้ทำให้เป็นโรคขาดอาหาร เป็นโรคท้องเสียเรื้อรังได้ ฯลฯ 

          ก่อน สายเกินแก้ไขการรู้เข้าใจในการบริโภคจึงเป็นสิ่งสำคัญและเมื่อทราบอันตราย การบริโภคอาหารสุกๆ ดิบๆ จึงควรเพิ่มความระมัดระวัง และไม่ว่าจะเป็นอาหารประเภทใดการปรุงสุกสะอาดเข้าไว้ ล้วนช่วยสร้างความปลอดภัยส่งผลดีต่อสุขภาพได้

 เคล็ดลับสุขภาพดี : ดื่มน้ำถูกหลักช่วยบำบัดโรค

          ธรรมชาติบำบัดกำลังเป็นที่กล่าวถึงมากในปัจจุบัน เพราะนอกจากจะเป็นการใช้ชีวิตแบบใกล้ชิดธรรมชาติ เพื่อการใส่ใจสุขภาพแล้วยังสามารถทำให้โรคภัยต่างๆ ห่างหายจนแทบไม่ต้องพึ่งยารักษาโรค เช่นเดียวกับ "การดื่มน้ำ" ซึ่งเราควรดื่มน้ำตามธรรมชาติ นั่นคือ น้ำธรรมดา ไม่เย็นและไม่ใช่สุราหรือน้ำอัดลม 

          ร่าง กายของเรานั้นเปรียบเหมือนนาฬิกาอวัยวะ ที่อยู่กับตัวเราตลอดเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่ อวัยวะในร่างกายของเราจะทำหน้าที่ตามเวลาอัตโนมัติ โดยช่วงที่ควรนอนหลับที่สุด คือ เวลา 21.00 น. ถ้าหากเข้านอนหลังจากนี้จะมีพลังงานไปช่วยเหลือกระบวนการสะสมพลังงานในร่าง กายไม่เต็มที่ ผลก็คือจะทำให้ร่างกายมีพลังงานสะสมไม่เพียงพอในการฟื้นฟูอวัยวะต่างๆ ให้สะอาดและแข็งแรงสำหรับวันต่อไป

          การ ตื่นนอนขึ้นมาพบกับวันใหม่เราควรดื่มน้ำเพราะสาเหตุใด วีระชัย วาสิกดิลก หรือหมอแดง แพทย์แผนไทย ผู้เชี่ยวชาญให้ความรู้เกี่ยวกับการดื่มน้ำว่า เราต้องดื่มน้ำให้สมดุลกับน้ำหนักตัว เพื่อให้เลือดไม่หนืดและข้นจะช่วยให้หัวใจที่เป็นตัวปั๊มเลือดไม่พัง ประการที่สองเมื่อตื่นมาเราควรดื่มน้ำเพื่อชำระล้าง เพราะตอนกลางคืนร่างกายจะขับสารพิษไปไว้ที่ลำไส้ ดังนั้นในช่วงเช้าเวลาประมาณ 07.00 น. เราควรตื่นนอนมาดื่มน้ำเพื่อขับของเสีย (อุจจาระ) ออกจากร่างกาย ถ้าหากไม่ดื่มจะมีผลเสียเพราะมันจะถูกดูดกลับไปใช้ใหม่ จึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าและเกิดไขมันที่เสียในร่างกาย

          ประการ ที่สาม แม้จะดื่มน้ำเพียงพอกับที่ร่างกายต้องการแล้วก็ตามแต่ถ้าเราดื่มน้ำผิดวิธี ก็ป่วยได้ เช่น อย่าดื่มน้ำเมื่อหิว แต่ให้หมั่นจิบน้ำบ่อยๆ ให้น้ำค่อยๆ ซึมเข้าร่างกาย และอย่าดื่มน้ำพรวดเดียวจนมากเกินไป เพราะจะทำให้ไตทำงานหนักในการขับปัสสาวะออก ที่สำคัญควรดื่มน้ำก่อนอาหาร 15 นาที ระหว่างรับประทานอาหาร และหลังทานอาหารใหม่ๆ อย่าเพิ่งดื่มน้ำมากนัก 

 ข้อแนะนำในการดื่มน้ำที่ถูกวิธีคือ

          1. ดื่มน้ำให้เพียงพอกับน้ำหนักตัว โดยใช้วิธีคำนวณดังนี้ 

          2. เมื่อตื่นนอนก่อนแปรงฟัน ควรดื่มน้ำประมาณ 2-5 แก้ว

          3. หลีกเลี่ยง น้ำเย็น น้ำอัดลม  สุรา เบียร์

          4. ระหว่างทานอาหารและทานอาหารอิ่มใหม่ๆ ทั้ง 3 ช่วงเวลานี้ ควรดื่มน้ำรวมทั้งหมดไม่เกิน 1 แก้ว หลังจากทานอาหาร 40 นาที จึงดื่มน้ำได้ตามปกติ เพื่อให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารเข้มข้นพอที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

          สุขภาพ ที่ดี สมบูรณ์และแข็งแรงจะอยู่คู่กับเราไปนานๆ หากเรารู้จักดูแลตัวเองในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ การดื่มน้ำที่บริสุทธิ์จากธรรมชาติอย่างถูกวิธีไม่เพียงช่วยให้เราลดความหิว กระหาย แต่ยังให้ความสดชื่นและช่วยบำบัดโรคต่างๆ ได้อีกด้วย

 

 

ข้อมูลจากกระปุกดอทคอม






เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X