มาดูแลเส้นผมและสีผมหลังทำสีกันดีกว่า (HairWorld)
เรื่อง : นวพล เรื่องอมรกิจ ภาพ : Alfaparf Milano

หลังจากสระผมเรียบร้อยแล้ว การหวีผมกับการเป่าผมก็สำคัญเช่นกัน การเลือกหวีควรจะเลือกใช้หวีที่ซี่หวีไม่คมเกินไปและ ซี่หวีไม่ควรที่จะถี่เกินไป เพราะหวีที่มีซี่ถี่และคมจะมีแรงดึงมาก โอกาสที่เกล็ดผมจะเกิดการฉีกขาดและหนังศีรษะลอกจนเกิดแผล ส่วนวัสดุควรเป็นไม้จึงจะดีที่สุด เพราะซี่หวีไม้จะไม่มีความหยาบกระด้างที่ไปทำลายเส้นผม แต่ในปัจจุบันการหาหวีไม้มาใช้นั้นยากเต็มที เนื่องจากวัสดุหายากขึ้น รวมถึงคุณภาพก็ด้อยลงด้วย

ดังนั้นจึงมีการนำวัสดุอื่นเข้ามาแทน เช่น คาร์บอนไฟเบอร์ หรือคาร์บอนผสมไนลอน ซึ่งทั้ง 2 ชนิดจะเป็นวัสดุที่เหมาะที่สุดสำหรับเส้นผม ซึ่งนอกจากจะไม่ทำให้ผมของเราฉีกขาดแล้ว ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งคือ จะช่วยให้หนังศีรษะของเราผลิตน้ำมันธรรมชาติออกมาช่วยให้ผมแข็งแรง มีประกายเงางาม และยังช่วยลดไฟฟ้าสถิตบนเส้นผมได้อีกด้วย หรือถ้าใครจะเลือกใช้เป็นแปรงที่มีตุ่มอยู่ตรงปลายซี่หวีก็ได้ แต่ตุ่มตรงปลายหวีควรจะเป็นตุ่มกลม ๆ ขนาดใหญ่สักหน่อย เพราะตุ่มพวกนั้นนอกจากจะช่วยถนอมหนังศีรษะไม่ให้ถูกเสียดสีแรงเกินไปขณะหวีแล้ว ตัวตุ่มยังจะไปช่วยนวดหนังศีรษะทำให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้นหนังศีรษะก็จะมีสุขภาพด้วย

สุดท้ายขั้นตอนการเป่าไดร์ ก่อนการเป่าไดร์ก็ควรจะมีการใส่ตัวบำรุงก่อนเพื่อช่วยป้องกันความร้อนไม่ให้เข้ามาทำลายเส้นผม และช่วยให้สีผมคงอยู่ไม่ซีดจางไป และตัวบำรุงที่เหมาะสำหรับผมทำสีควรจะมีส่วนผสมของ Antioxidant เพราะปฏิกิริยา Oxidation เป็นสาเหตุที่ทำให้สีซีดจางหรือสีเพี้ยนภายหลังได้ และนอกจากนั้นควรมีส่วนผสมของ UV Filter ช่วยป้องกันเส้นผมจากแสงแดด ความร้อนจากการหนีบ การไดร์ รวมถึงควันและฝุ่นละอองด้วย

ส่วนความร้อนในการเป่าไดร์ ถ้าเราไม่ได้ต้องการเซ็ททรง หรือแค่ต้องการให้ผมแห้งเท่านั้น ควรใช้เป็นลมเย็นธรรมดาจะดีกว่า เพราะอย่างที่กล่าวไปแล้วว่า ความร้อนจะไปทำให้เกล็ดผมเปิดอ้าออก และเมื่อเกล็ดผมเปิดอ้าออกสีผมก็จะหลุดออกมาได้ง่าย สีผมก็จะซีดจางได้เร็ว และผมก็จะแห้งกรอบด้วย

เมื่อได้รู้ถึงวิธีการดูแลผมที่ผ่านการทำสีมาแบบนี้แล้ว ก็ขอให้หันมาดูแลเส้นผมกันอย่างจริงจังเพื่อให้สีผมอยู่ติดทนอยู่บนเส้นผมได้อย่างยาวนาน พร้อมทั้งมีสีที่เปล่งประกายเงางาม

ข้อมูลจากกระปุกดอดคอม