เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน คิมนัมจุน (Kim Nam-Joon) หรือ อาร์เอ็ม (RM) ได้ให้สัมภาษณ์กับ Weverse Magazine เขาได้พูดถึงอนาคตและเหตุผลที่เขาคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดยังเดินทางมาไม่ถึง

เมื่อถามว่าทำไมเพลงเปิดตัวอัลบั้ม Proof ถึงเป็นเพลง Yet to come อาร์เอ็ม อธิบายว่า “ผมคิดถึง ความหวังสูงเอาไว้ตอนที่ทำ เพลง Yet to come มันเหมือนกับความปรารถนา อะไรประมาณนั้นครับ วันที่โชติช่วงของเรายังมาไม่ถึง ยังคงรอเราอยู่ในอนาคต”

“ผมไม่เชื่อว่าเราสามารถคงสภาพที่เราเป็นอยู่ได้ คุณไม่ได้ปีนขึ้นไปบนยอดแล้วอยู่ที่นั่นเพื่อรักษาปัจจุบันเอาไว้ ผมรู้สึกว่าอยากได้สิ่งที่ดีขึ้น แต่ผมยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร ผมคิดเสมอว่าเราเป็นวงที่ทันสถานการณ์เสมอ แต่ว่าไม่ว่าช่วงไหนก็อาจกลายเป็นสถานการณ์ที่เราต้องเผชิญหน้า และเรารู้เสมอว่าเราต้องทำให้ดีในทุกเวลา แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมไม่แน่ใจในความคิดนั้นแล้ว”

อัลบั้ม Proof ยังมีเพลง Persona ซึ่ง อาร์เอ็มบอกว่าเขาไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นคนนิสัยแบบไหน “ผมคิดว่าผมต้องออกห่างตัวเองมาซักพัก ตอนนี้ผมเริ่มกังวลเรื่องที่หากต้องทำอะไรที่ได้รับมอบหมายแล้วผมจะสูญเสียตัวตนของตัวเองไป ผมไม่ได้ตั้งใจจะใช้ชีวิตโดยคิดถึงเรื่องนี้ และผมอยากจะใช้ชีวิตอย่างอิสระและเป็นชีวิตที่ไม่หยุดนิ่ง แต่ตอนนี้ผมเริ่มสงสัยว่าชีวิตของผมกลายเป็นผู้รับไปมากขึ้นหรือเปล่าเพราะว่าโรคระบาด และมันแทบทนไม่ไหวครับ”

อาร์เอ็มยังได้พูดถึงความคิดของเขาที่มีต่ออนาคตของ บีทีเอส (BTS) ว่า “ผมมักจะมองย้อนกลับไปในอดีตของวงเสมอ และตอนนี้ดูเหมือนว่าผมจะมาถึงจุดที่คิดว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้สำหรับวงหรือตัวผมในตอนนี้ บีทีเอสควรจะบอกอะไรกับโลกนับจากนี้? บีทีเอสควรได้รับการจดจำแบบใดหลังจากนี้? เราจะก้าวต่อไปข้างหน้าไปอย่างไร? ผมอยากได้แรงบันดาลใจเรื่องเหล่านี้จากคนอื่น”

อาร์เอ็มมักจะโพสภาพงานแสดงศิลปะ เมื่อถามว่างานศิลปะเชื่อมโยงกับดนตรีอย่างไร เขาอธิบายว่า “ผมคิดว่าความสวยงามที่ผมได้พบเห็นเป้นแรงบันดาลใจและสะท้อนผ่านดนตรีของผม แต่สิ่งที่ผลคิดว่าเท่ที่สุดคือทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ มันเกิดขึ้นเองจนเราไม่แน่ใจว่ามันถูกสร้างขึ้นหรือเปล่า แต่ว่าไม่เคยรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นเลยครับ”

อาร์เอ็มปิดท้ายด้วยการบอกว่าเรากำลังอยู่ในโลกที่เสียงเพลงสั้นลงและศิลปะช่วยให้เกิดบางสิ่งที่ใกล้เคียงกับคำว่านิรันดร์

“ผมคิดว่าผมควรทำบางอย่างที่แม้ว่าเวลาจะผ่านไปก็ยังคงสว่างไสวอยู่ ผมคิดว่าต้องรู้จักบางสิ่งที่ไม่ขึ้นอยู่กับเวลา ผมรู้สึกว่าทุกอย่างถูกโยนทิ้งไปหลังจากผ่านไปไม่กี่ปีเพราะว่าโลกเราเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผมคิดว่าอยากจะทำอะไรซักอย่างที่เป็นนิรันดร์

สำหรับเพลงอาจจะเป็น หรือไม่ได้เป็นสำหรับทุกคน แต่ถ้าคุณมองศิลปินและนักสร้างสรรค์ที่ได้ทำอะไรซักอย่าง พวกเขาสามารถรักษาสไตล์ของพวกเขาเอาไว้ได้ไม่ว่าเทรนด์จะเปลี่ยนไปอย่างไร แม้จะทำให้พวกเขาดูโดดเดี่ยว เหมือนเป็นคนที่ปกป้องตัวเองจากสิ่งที่ทำให้โลกเปลี่ยนไปได้”

ที่มา  weverse