|
คิมโกอึน (Kim Go eun) เกิดเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 1991 เธอเป็นนักแสดงชาวเกาหลีใต้ ผลงานเรื่องแรกของเธอคือภาพยนตร์เรื่อง A Muse (2012) ซึ่งเธอได้รับรางวัลนักแสดงหญิงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมในเกาหลีหลายรางวัลจากผลงานชิ้นนี้ และเธอเป็นที่รู้จักถึงผลงานในซีรีส์เรื่อง Cheese in the Trap (2016) และ Guardian: The Lonely and Great God (2016)
ชีวิตก่อนเข้าวงการและการศึกษา
ในปี 1994 ตอนที่เธออายุได้ 3 ปี ครอบครัวของคิมโกอึนย้ายไปที่ปักกิ่ง ประเทศจีน และอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 10 ปี ผู้กำกับจองจีอู (Jung Ji woo) พูดถึงคิมโกอึนว่า “เธอเป็นคนอยากรู้อยากเห็นและกล้าหาญตามธรรมชาติ เธอเข้มแข็งในเรื่องที่เธอไม่ได้รับอิทธิพลอะไรง่ายๆ เธอไม่ทำอะไรเพียงเพราะคนอื่นทำ”
หลังจากคิมโกอึนดูภาพยนตร์เรื่อง Together ของ Chen Kaige หลายต่อหลายครั้งและร้องไห้ทุกครั้งที่ดู เธอก็ตัดสินใจว่าเธออยากจะทำภาพยนตร์และไปที่โรงภาพยนตร์บ้างเป็นครั้งคราว เธอเข้าศึกษาด้านการละครในมหาวิทยาลัยศิลปะแห่งชาติของเกาหลี
บทบาทอาชีพ
2012: A Muse กับการประสบความสำเร็จครั้งสำคัญ
ในปี 2012 คิมโกอึนแจ้งเกิดและได้รับความสนใจจากสื่อมากมายเมื่อเธอแสดงเป็นอึนกโย นักเรียนวัย 17 ปีที่ปลุกตัณหาในตัวของชาย 2 คนขึ้นมาในเรื่อง A Muse การแสดงของเธอทำให้เธอกวาดรางวัลนักแสดงหญิงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมไปได้มากมายในปีนั้น
คิมโกอึนอายุ 21 ปีในตอนนั้นและไม่เคยปรากฏตัวในภาพยนตร์หรือซีรีส์เรื่องใดมาก่อนแม้แต่กระทั่งในบทเล็กๆ เธอเคยแสดงแค่เพียงในการแสดงของโรงเรียนเท่านั้น เธอได้เจอกับผู้กำกับของเรื่อง A Muse จองจีอูผ่านเพื่อนและไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังมีการออดิชั่นของเรื่องนี้อยู่
“สุดท้ายฉันก็ไปออดิชั่นในเรื่องนี้หลังจากคุยกับผู้กำกับค่ะ ฉันไม่มีเวลาเตรียมตัวด้วยซ้ำค่ะ”
คิมโกอึนถูกเลือกให้แสดงในเรื่องนี้ท่ามกลางนักแสดงหญิง 300 คนที่มาออดิชั่น นอกจากความร้อนแรงของเนื้อเรื่องแล้ว ภาพยนตร์ก็ยังประกอบไปด้วยฉากเลิฟซีนที่คิมโกอึนยอมรับว่าเธอรู้สึกกังวลและประหม่ามากในการถ่ายทำ แต่เมื่อกล้องเริ่มถ่าย เธอบอกว่าเธอก็ซึมซับเข้ากับตัวละครอย่างเต็มที่ทันที จองจีอูบอกว่าคิมโกอึนเติบโตขึ้นจากภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาบอกว่า
“การแสดงออกทางสีหน้าของเธอในหลายๆ ฉากของเรื่องแตกต่างไปจากฉากในตอนเริ่ม ผมอยากจะจับภาพช่วงเวลาเหล่านั้นที่เธอรู้ตัวว่าเธอมีค่าต่อตัวเองและต่อคนอื่นมากแค่ไหนเอาไว้ครับ”
และเขายังบอกเพิ่มด้วยว่าเธอแสดงให้เห็นคุณภาพหลายๆ อย่างที่จะสามารถพบได้แค่เพียงในคนที่ยังไม่รู้ถึงความงามของตัวเองและยังไม่รู้ถึงสิ่งที่ตัวเองทำได้เท่านั้น
2013-2015: การพักงานและการกลับมารับงานภาพยนตร์
ถึงแม้จะมีข้อเสนอมากมายหลังจากการแสดงในเรื่อง A Muse มาที่เธอ คิมโกอึนก็ตัดสินใจที่จะพักจากการแสดงไป 2 ปี เธอกลับไปเรียนมหาวิทยาลัยจนจบและกลับมารับงานแสดงภาพยนตร์ในปี 2014 เธอเผยความสามารถรอบด้านในภาพยนตร์ระทึกขวัญเรื่อง Monster ที่เธอแสดงเป็นหญิงสาวพิการที่น้องสาวถูกฆาตกรรมจากฆาตกรต่อเนื่อง ความเศร้าโศกเสียใจและความแค้นของเธอทำให้เธอเกือบกลายเป็นบ้า และเธอจึงวางแผนการแก้แค้นของเธอ
ในปี 2015 คิมโกอึนและคิมฮเยซู (Kim Hye soo) ได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Coin Locker Girl ภาพยนตร์ระทึกขวัญที่สร้างมาจากนวนิยายของญี่ปุ่นเรื่อง Coin Locker Babies เธอได้รับเชิญให้ไปที่งาน Festival de Cannes 2015 กับผู้กำกับและทีมนักแสดงของเรื่องซึ่งเป็นครั้งแรกที่เธอได้มาร่วมงานนี้ ผลงานเรื่องต่อมาของคิมโกอึนคือซีรีส์การต่อสู้ย้อนยุคเรื่อง Memories of the Sword ซึ่งเธอแสดงเป็นศัตรูกับนักแสดงที่เธอนับถือเป็นต้นแบบมาอย่างยาวนาน จอนโดยอน (Jeon Do yeon) หลังจากนั้นคิมโกอึนก็มีผลงานภาพยนตร์เกี่ยวกับการพิจารณาคดีเรื่อง The Advocate: A Missing Body ที่เธอแสดงเป็นอัยการผู้เกรี้ยวกราด และผลงานภาพยนตร์เกี่ยวกับครอบครัวเรื่อง Canola ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการกลับมาเจอกันของเด็กสาวกับยายของเธอร่วมกับนักแสดงมืออาชีพอย่างยุนยอจอง (Youn Yuh jung)
2016-ปัจจุบัน: การเดบิวต์ทางหน้าจอทีวีและความนิยมที่เพิ่มขึ้น
คิมโกอึนเดบิวต์การแสดงนำในซีรีส์ด้วยเรื่อง Cheese in the Trap ที่สร้างมาจากเว็บตูนชื่อเรื่องเดียวกัน ซึ่งเธอได้ร่วมร้องเพลงประกอบซีรีส์ในเพลง "Attraction" ของ Tearliner ด้วย คิมโกอึนได้รับรางวัลนักแสดงหญิงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมทางจอโทรทัศน์ในงาน Baeksang Arts Award จากการแสดงของเธอ ต่อมาในปี 2016 เธอก็ได้ร่วมแสดงในซีรีส์แฟนตาซีของคิมอึนซุก (Kim Eun sook) เรื่อง Guardian: The Lonely and Great God
ในปี 2018 คิมโกอึนแสดงนำในซีรีส์เรื่อง Sunset in My Hometown ที่กำกับโดยอีจุนอิก (Lee Joon ik) สำหรับบทเด็กสาวชนบทของเธอ คิมโกอึนเพิ่มน้ำหนักตัว 8 กก.และเรียนรู้การพูดสำเนียงท้องถิ่น ในปีเดียวกันเธอก็มีผลงานภาพยนตร์ย้อนยุคโรแมนติกเรื่อง Tune in for Love ด้วย
ในปี 2019 คิมโกอึนได้ร่วมแสดงในซีรีส์แฟนตาซีเรื่อง The King: Eternal Monarch ร่วมกับอีมินโฮ (Lee Min ho) ซึ่งเธอได้ร่วมงานกับนักเขียนบทคิมอึนซุกเป็นเรื่องที่ 2 และซีรีส์มีกำหนดออกอากาศในปี 2020 ปีเดียวกับที่เธอจะมีผลงานภาพยนตร์เพลงเรื่อง Hero