อัศจรรย์ 44 ปี ไม่เปื่อยเน่า ไม่เหม็น นอนแห้งๆ ใน "เรือนผี"
2012-05-06 08:08:51
Advertisement
คลิก!!!

นายดีงหืวจิ (?inh H?u Trí) น้องชาย อาศัยอยู่ภายในบ้านกับศพที่ไม่เปื่อยไม่เน่าของนายดีงกงหวะ (?inh Công H?o) พี่ชายมานานกว่า 10 ปีแล้ว นับตั้งแต่คุณพ่อคุณแม่เสียชีวิตไป ผู้ตายเกิดปี 2494 เสียชีวิตตอนอายุ 17 บิดาได้ขุดศพขึ้นมาจากสุสานตามความฝัน หลังจากฝังไป 1 คืนและได้พบว่าศพไม่เน่า ไม่เหม็น ยังคงมีเลือดฝาดสมบูรณ์ กายยังดูนุ่มนิ่ม เพียงแต่เริ่มแห้งลงในอีก 4 สัปดาห์ต่อมาและยังอยู่มาในโลงฝาแก้วถึงวันนี้ หรือ.. 44 ปีให้หลัง นับเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ยิ่ง.-- ภาพ: เดิ๊ดเหวียด (Báo ??t Vi?t)
ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งนอนนิ่งอยู่ในโลงฝาแก้วที่ครอบครัวเก็บไว้ภายในเรือนตลอด 44 ปีที่ผ่านมา ยังคงไม่เน่าเปื่อย เพียงแต่แห้งลง และไม่มีกลิ่นเหม็นใดๆ ซึ่งเป็นที่น่าอัศจรรย์ใจแก่ผู้ที่ได้เห็น
บ้านหลังนี้ตั้งอยู่โดดเดี่ยวจากหลังอื่นๆ ในหมู่บ้านเดียวกัน และบัดนี้ก็เหลือเพียงน้องชายของผู้ตายเพียงคนเดียวที่ยังอาศัยอยู่กับศพ หลังจากพ่อแม่เสียชีวิตไปเมื่อกว่า 10 ปีก่อน ชาวบ้านใกล้เคียงเรียกบ้านหลังนี้ว่า "เรือนผี" เนื่องจากหลายปีมานี้ เจ้าของบ้านปฏิเสธที่จะให้ใครเข้าไปดูคนตายในโลงฝาแก้ว
นายดีงกงหวะ (?inh Công H?o) ชาว อ.ฝูเติน (Phú Tân) จ.อานซยาง (An Giang) เกิดปี พ.ศ. 2494 และ เสียชีวิตลงตอนอายุได้ 17 ปี ในบ้านหลังเดียวกันนี้ นายดีงหืวจิ (?inh H?u Trí) ผู้เป็นน้องยังจำได้ดี พี่ของเขาหายใจเฮือกสุดท้ายในวันที่ 19 ธ.ค. 2511
นายจิกล่าวอีกว่าสถานที่ๆ นายหวะนอนนิ่งอยู่นี้ เป็นบ้านของครอบครัวที่อาศัยติดต่อกันมานานถึง 120 ปี จนกระทั่งถึงรุ่นพ่อ ซึ่งตอนพี่เสียชีวิตนั้นครอบครัวก็นำไปฝังในสุสานประจำตระกูลที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน ไม่มีใครคิดที่จะทำให้เป็นมัมมี่ และ 44 ปีก็คงไม่นานพอที่จะทำให้ใครเป็นมัมมี่ได้
"ผมยืนยันได้เลยว่า 44 ปีทีผ่านมาครอบครัวไม่เคยฉีดยาหรือใช้ยาอะไรกับศพพี่ผม อวัยวะก็ไม่ได้บริจาคให้กับทางการ สมัยโน้นการผ่าตัดยังไม่เจริญเท่าทุกวันนี้ ร่างของเขาเพียงแต่แห้งลง เราได้ปฏิเสธเพื่อนบ้านไปจำนวนมากที่อยากจะเข้ามาดู ซึ่งส่วนใหญ่มาด้วยจุดประสงค์ทางไสยศาสตร์" นายจิกล่าวกับผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ออนไลน์เดิ๊ดเหวียด (Báo ??t Vi?t) ที่เดินทางจากนครโฮจิมินห์ไปที่นั่นเพื่อทำรายงานเรื่องนี้
นายจิกล่าวอีกว่า กว่า 40 ปีมานี้ไม่เคยมีกลิ่นใดๆ ออกจากศพของพี่ชาย ไม่เคยมีของเหลวชนิดใดซึมออกมาแม้แต่น้อย และไม่เคยเห็นแมลงชนิดใดแม้แต่มดเข้าไปรบกวน
"ก่อนปี 2518 (ปีที่สงครามในภาคใต้สงบลง) มีแพทย์จากสหรัฐฯ มาที่บ้าน มาขอดู และเสนอเงินก้อนใหญ่ให้ แลกกับนำศพพี่ผมกลับไปเพื่อศึกษา แต่ครอบครัวเราไม่ตกลง ตั้งแต่นั้นก็ไม่เห็นกลับมาอีก" นายจิกล่าว
ตอนยังเล็กนายหวะเป็นเด็กหน้าตาดีเรียนเก่งและฉลาด เขียนกลอนเป็นตั้งแต่เรียนชั้นประถม คุณพ่อของพวกเขาศึกษาลัทธิขงจื่อและเป็นครู
พออายุ 10 ปีนายหวะเริ่มป่วยด้วยโรคที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่ยอมกินไม่ยอมนอน และ ผอมลงเรื่อยๆ ครอบครัวรักษาทุกวิถีทางทั้งแพทย์ทางเลือกและแพทย์สมัยใหม่ แต่ไม่มีอะไรช่วยได้ สุขภาพก็เสื่อมลงเรื่อยๆ แต่ก็อยู่ต่อมาได้อีก 7 ปี จึงจากไปและ ครอบครัวจัดพิธีศพตามประเพณีก่อนจะนำไปฝังที่สุสานของตระกูล 3 วันหลังจากนั้น
.
ด.ช.ดีงกงหวะ (?inh Công H?o) ตอนอายุ 10 ปี ก่อนจะเริ่มป่วยด้วยโรคประหลาดไม่ยอมกินยอมนอน และสิ้นชีวิตลงในอีก 7 ปีต่อมา ศพของเด็กหนุ่มแห้งลง แต่ไม่เน่าไม่เปื่อยและไม่มีกลิ่นเหม็น ปัจจุบันยังนอนอยู่ในโลงฝาแก้วที่บ้านหลังเก่าในนิคมฝูแทง (Phú Th?nh) อ.ฝูเติน (Phú Tân) จ.อานซยาง (An Giang) ในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขง ทุกอย่างเป็นความลี้ลีบมา 44 ปีแล้ว. -- ภาพ: เดิ๊ดเหวียด (Báo ??t Vi?t)
.
แต่พิธีฝังผ่านไปได้วันเดียว นายดีงไดบืว (?inh ??i B?u) ผู้เป็นพ่อฝันว่าบุตรชายยังไม่ตายเพียงแต่นอนหลับไปเท่านั้น จึงเริ่มคิดจะขุดนายหวะขึ้นมา ถึงแม้ว่าญาติๆ จะคัดค้านก็ตาม เพราะทุกคนเชื่อว่านายหวะอาจจะเน่าเปื่อยไปแล้วหลังจากถูกฝัง และอาจจะส่งกลิ่นเหม็นรบกวนชาวบ้านด้วย
หลังจากครุ่นคิดและนอนไม่หลับทั้งคืน วันรุ่งขึ้นนายบื๋วจึงตัดสินใจขุดศพลูกชายขึ้นมาพิสูจน์ ในนาทีนั้นทุกคนใช้สำลีอุดจมูกไว้พร้อม แต่แล้วก็ต้องแปลกใจ เนื่องจากไม่มีกลิ่นเน่าเหม็นใดๆ ผู้ที่นอนอยู่ในโลงก็ยังดูสดใส มีเลือดฝาดสมบูรณ์เหมือนคนนอนหลับ มือและแขนยังคงอ่อนนุ่ม มีเพียงมุมปากที่ถูกมดกัดแทะหลังจากถูกฝังมา 1 คืน ทุกคนในครอบครัวร้องไห้โฮเมื่อเห็นสภาพของนายหวะ
"ตอนนั้นผมอายุ 13 ตอนที่พ่อนำศพหวะกลับเข้าบ้าน มีคนไปดูกันเนืองแน่น ทางการได้ส่งแพทย์มาที่บ้านถึง 5 คนเพื่อตรวจพิสูจน์ รวมทั้งยังมีแพทย์ชาวต่างชาติคนหนึ่งด้วย แพทย์ได้ยืนยันว่าพี่ผมตายแล้ว แต่ก็แปลกใจที่ศพไม่เน่าและไม่มีกลิ่นเหม็นใดๆ หมอยังอยู่กับเราอีก 1 วันต่อมา สอบถามเรื่องราวต่างๆ และ ข่าวคราวการตายแล้วฟื้นของน้องชายผมแพร่สะพัดไปทั่ว" นายจิย้อนความทรงจำ
เขากล่าวอีกว่า 3 สัปดาห์ต่อมาศพก็ยังนอนอยู่ในบ้าน ร่างของพี่ยังอ่อนนุ่ม คุณพ่อจะไปนั่งข้างๆ ศพทุกวัน พูดคุยกับลูกชาย และนำน้ำชาไปหยอดใส่ปากของศพเป็นระยะๆ ญาติช่วยกันนำน้ำเทใส่ปาก ทำทุกอย่างโดยหวังว่าเขาจะฟื้น แต่ก็ไม่สำเร็จ
จนกระทั่งวันตรุษปีต่อมาพ่อของเขาจึงตัดสินใจปิดฝาโลง รอให้หมอกลับไปตรวจอีกครั้งหลังเทศกาลขึ้นปีใหม่ประเพณีผ่านไป
อย่างไรก็ตามเมื่อแพทย์กลับไปตรวจอีกครั้งหนึ่งก็พบว่า ร่างที่นอนอยู่ในโลงศพเริ่มแห้งลง แต่ก็ไม่มีกลิ่นเหม็นใดๆ เช่นเคย ทำให้พ่อตัดสินใจเปลี่ยนฝาโลงใหม่ให้เป็นแก้วและเก็บศพเอาไว้ในบ้านสืบมาตั้งแต่นั้น ซึ่งสมาชิกในบ้านจัดธูปบูชาติดต่อกันมาทุกๆ วันมิได้ขาด กระทั่งแม่ถึงแก่กรรมไปก่อนและพ่อได้เสียไปอีกคน
"หลายปีที่ครอบครัวของเรารอคอย ให้ใครสักคนช่วยค้นหาคำตอบว่าเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร" นายจิกล่าวกับเดิ๊ตเหวียด.
ข้อมูลจาก
http://www.manager.co.th
onlyfans leaked xxx onlyfans leaked videos xnxx 2022 filme porno filme porno
.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X