เกรซ เผยเคล็ดลับผิวสวยธรรมชาติ ไม่ต้องฉีดผิว
2012-06-13 21:48:34
Advertisement
คลิก!!!
เกรซ กาญจน์เกล้า


“เกรซ” กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า ชีวิตไม่ติดหัวโขน (Lisa)

"อย่ายึดติดกับอะไรที่ไม่ใช่ตัวตนของเรา" คติสั้น ๆ ของนางเอกผิวดีที่เผยตัวตนอีกด้านให้รู้ว่า คุณค่าและจุดหมายในชีวิตของเธอนั้น ไม่ได้ผูกติดกับคำว่าดาราหรือนางเอกแม้แต่น้อย!

ก้าวสู่บทนางเอกละครหลังข่าวเต็มตัว หลังจากเฉิดฉายอยู่ในวงการมายามานานถึง 6 ปีเต็ม แต่สาวหมวยผิวโอโม่คนนี้กลับไม่ยินดียินร้ายในสิ่งที่ได้รับ เพราะเธอบอกว่าบทบาทอะไรก็เล่นได้ทั้งนั้น ขอแค่ถูกใจเป็นพอ นอกจากนี้ เป้าหมายในชีวิตยังมิใช่การเป็นนางเอกหรือดาวค้างฟ้า หากแต่เป็นครูสอนดนตรีที่ซุ่มเรียนมากว่า 10 ปี อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ เกรซ กาญจน์เกล้า กล้าคิดเช่นนี้ ติดตามได้ในถ้อยคำที่เธอแถลงให้ Lisa ฟังได้เลยค่ะ

icon เห็นว่าช่วงนี้งานชุกพอสมควร

เกรซ : ใช่ค่ะ ตอนนี้เกรซกำลังถ่ายละครอยู่ 3 เรื่อง มี ตำรวจเหล็ก, อุบัติรักเกาะสวรรค์ และ ทวิภพ ค่ะ โดย ตำรวจเหล็ก ที่กำลังออนแอร์อยู่รับบทเป็นนักข่าวสาวชื่อ ปัทมา เล่นคู่กับพี่กอล์ฟ อัครา ซึ่งก็เป็นบทบู๊แอ็กชั่นที่ได้รับอีกครั้งหนึ่ง แถมครั้งนี้ยังพ่วงตำแหน่งนางเอกมาด้วยค่ะ

icon สังเกตว่าหลัง ๆ ได้รับแต่บทบู๊นะ

เกรซ : จริง ๆ บทบาทที่ได้รับก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ นะ ส่วนบทบู๊คิดว่าผู้ใหญ่มองว่าเราเหมาะสมเลยให้เล่นค่ะ แต่ก็ตกใจที่เบี่ยงมาสายนี้เหมือนกัน เลยคิดซะว่าเป็นนักแสดงก็ต้องลองให้ครบละกัน ก็โอ.เค. ค่ะ เพราะได้ทำอะไรที่ฉีกและต่างออกไป เพียงแต่การเล่นแอ็กชั่นสำหรับเกรซค่อนข้างยาก เพราะต้องใช้สติมากกว่าละครธรรมดาค่อนข้างเยอะ หนึ่งคือต้องจำไดอะล็อก สองบล็อกกิ้ง สามคิวบู๊ และจังหวะ และต้องโพรเท็กต์ ฝ่ายตรงข้ามรวมถึงตัวเราเองด้วย คือจะเยอะกว่า แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรที่เหนื่อยใจ แต่เหนื่อยกายที่ต้องเดินทางมากกว่า เวลาเราเหนื่อยก็คิดว่าเป็นรสชาติใหม่ของชีวิต คนเราจะไปมีความสุขตลอดเวลาไม่ได้หรอก ปลอบใจตัวเองแบบนี้อยู่เสมอค่ะ

icon แล้วรู้สึกอย่างไร? ที่ได้รับบทนางเอกเป็นครั้งแรก

เกรซ : ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรเลยค่ะ คิดแค่เพียงว่าเป็นงานอีกชิ้นที่ต้องทำเต็มที่ ก็เหมือนละครทุกเรื่องที่ผ่านมา และไม่ได้คิดมากว่าเรื่องนี้ได้เป็นนางเอก แล้วจะต้องหยุดที่บทนี้ตลอดไปสำหรับเกรซไม่ว่าบทอะไรก็เล่นได้หมด ขอแค่ถูกใจ เหมาะสมอยากเล่น และมีคิวก็รับเล่นหมด คือเกรซมีความสุขที่ได้เล่นละครในทุกบทบาท และเราก็ผ่านมาหมดแล้ว ทั้งนางร้าย ตัวรองบู๊แอ็กชั่น คอเมดี้ ฯลฯ ซึ่งถ้าต่อจากนี้ต้องกลับไปเล่นบทรอง ก็เล่นได้ค่ะ ไม่มีปัญหา

icon นักแสดงหลายคนอยากขึ้นแท่นเป็นนางเอกกันทั้งนั้น แต่ทำไมเกรซไม่?

เกรซ : 6 ปีในวงการบันเทิง เราก็ทำงานไปเรื่อย ๆ ไม่ได้คาดหวังอะไร เพราะไม่ได้คิดว่าจะทำไปตลอด เกรซเติบโตมาจากเด็กโนเนม ถ่ายปกหนังสือ เป็นเด็กโมเดลลิ่ง แล้วก็ได้รับโอกาสเป็นมิสทีนไทยแลนด์ปี 2004 และก็ทำงานด้านการแสดงมาเรื่อยๆ ตรงนี้แหละถือว่าชีวิตคุ้มค่าแล้วได้ทำงานบันเทิงด้วย เรียนด้วย เป้าหมายในชีวิตของเกรซเลย ไม่โฟกัสที่บทนางเอก และเมื่อถึงจุดหนึ่งที่เรียนจบแล้วทำงาน อย่างเดียว จนรู้สึกว่าไม่คุ้มค่ากับเวลาชีวิต และเราอยากไปหาประสบการณ์อย่างอื่นบ้าง เราก็คงทำตามในสิ่งที่ใจต้องการคงไม่ได้อยู่บนถนนสายนี้ตลอด


icon ถ้าไม่คิดเป็นนักแสดงแล้วจะไปทำอะไร?

เกรซ : คงไม่ถึงขนาดทิ้งวงการไป ตอนนี้เลย แต่จริง ๆ แล้วเกรซถูกปลูกฝังพื้นฐานในเรื่องดนตรีมาตั้งแต่อายุ 3-4 ขวบ ทั้งเรียนแจ๊ซ บัลเลต์ หรือแม้แต่เปียโน ก็เล่นมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว และถ้าไม่ได้มาเล่นละคร ก็คิดไว้ว่าในอนาคตจะเป็นครูสอนเปียโน แต่ตอนนี้โปรเจ็กต์มันใหญ่ขึ้น อยากเปิดโรงเรียนสอนดนตรี สากลเป็นของตัวเองโดยหุ้นกับน้องสาว เป็นความฝันที่อยากทำคิดว่าภายใน 3 ปีจะเปิดให้ได้ ถ้าอิ่มตัวกับการแสดงแล้วก็จะผันตัวเองไปทำเต็มตัว เพราะอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ซึ่งเราเรียนมาทางด้านการตลาดก็น่าจะช่วยได้

icon ทำไมถึงเลือกเดินบนเส้นทางนี้ล่ะ

เกรซ : อย่างแรกเลยคือเป็นคนชอบดนตรีมาก มีความสุขทุกครั้งที่ได้ฟังเพลง ตื่นขึ้นมาก็จะเปิดไอพอดก่อนเลย ระหว่างวันก็ใส่ Over Ear ฟังเพลง และภารกิจสุดท้าย ก่อนเข้านอนก็คือปิดไอพอด ก็เลยอยากใช้ชีวิตอยู่กับดนตรี อย่างที่สองคือเรารู้สึกว่า ความสามารถพิเศษเป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับทุก ๆ คน ตอนเด็ก ๆ ก็ไม่ได้ชื่นชอบดนตรีมากขนาดนี้ ไม่ได้เห็นคุณค่าอะไร เพราะถูกกวดขันเยอะมาก เราก็โอ๊ยทำไมต้องเรียนนักหนา ทำให้ขาดชีวิตวัยเด็กไปเลย แต่พอมายืนอยู่จุดนี้ที่เราเป็นและมองกลับไปต้องขอบคุณ คุณพ่อคุณแม่มากที่กวดขันเรา ทำให้เรามีตัวเลือกในชีวิตมากกว่าคนอื่น และยังมีพื้นฐานด้านดนตรีที่ดี เวลาร้องเพลงก็จะไม่เพี้ยน ซึ่งตอนนี้ เกรซก็ได้ร้องเพลงประกอบละครด้วยค่ะ เรื่อง ตำรวจเหล็ก ก็ร้อง อืม...เกรซเลยอยากส่งต่อความสามารถนี้ไปให้คนอื่นบ้าง

icon แล้วไม่เสียดายเวลาในวงการบันเทิงเหรอ หากต้องทิ้งไป

เกรซ : ไม่เสียดาย เพราะเป็นระยะเวลาที่เรามีโอกาสได้ทำอะไรที่เหนือจากการเรียน ก็ยังนึกไม่ออกว่าถ้าไม่ได้ทำงานตรงนี้แล้วจะเป็นยังไงบ้าง ก็คงเหงาอยู่นะ แต่เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะเป็นครูสอนเปียโน แม้ว่าจะยังเป็นความคิดที่อยู่ในหัวก็ตาม แต่ก็อยากทำให้สำเร็จเพราะเป็นความมั่นคง ในชีวิตอีกด้านหนึ่ง อย่าลืมว่านักแสดงเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคง เราอยู่ตรงนี้ตลอดไปไม่ได้ คงค่อยเป็นค่อยไป และค่อย ๆ ไล่ตามฝัน แต่ระหว่างนี้ก็ยังยึดอาชีพนักแสดงอยู่ค่ะ หมดสัญญาก็ต่อกับช่อง 7 แน่นอน

icon เรียกได้ว่าเป็นคนไม่ยึดติด

เกรซ : คงใช่ เพราะเกรซเป็นคนที่ไม่ได้หวังความสุขอะไรมากมายกับอนาคต ไม่ได้ยึดติดว่าการเป็นนักแสดงต้องอยู่กับเราตลอดไป หรือจะต้องเป็นนางเอกเท่านั้นนะ ชีวิตของเราถึงจะประสบความสำเร็จ ชีวิตมันสั้น อย่าคิดอะไร ซับซ้อนมาก ขอแค่มีความสุขไปกับวันนี้ จงทำอะไรที่อยากทำ ปล่อยวางบางสิ่งบางอย่างลงบ้าง ถ้าเราปล่อยวางอะไรได้ง่าย เราก็จะมีความสุขกับการใช้ชีวิต แถมเวลาเจอปัญหาอะไรก็จะแข็งแรงและไม่ล้มง่ายค่ะ


icon แต่ก็มีเรื่องที่ยอมไม่ได้

เกรซ : เกี่ยวกับผิวของเกรซนี่แหละค่ะ ที่มีคนหาว่าเราไปฉีดผิวมา อันนี้ยังพอให้อภัยได้ เพราะเรารู้ว่าเราไม่ได้ทำ และที่จริงผิวก็ไม่ได้ขาวเว่ออย่างที่เขียนกันไป ก็เป็นผิวของคนที่มีเชื้อสายจีนธรรมดา ๆ แถมช่วงนี้ก็ดำขึ้นด้วย เพราะเล่นแต่บทบู๊ แต่กรณีที่มีคนเอาเกรซไปแอบอ้าง เป็นพรีเซ็นเตอร์ผลิตภัณฑ์ช่วยให้ผิวขาว อันนี้ยอมไม่ได้ เพราะเขาเอาเราไปโฆษณาเป็นหลักเป็นฐานว่าเราไปฉีดผิวขาวมากับเขา หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวขาว ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้เป็นหรือไปทำมาเลย เลยต้องฟ้อง เพราะไม่อยากให้คนเข้าใจผิดว่าเราไปทำแล้วมาโกหก เกรซไม่เคยอยากผิวขาวด้วยวิธีนี้ เราเน้นที่สุขภาพมากกว่า อย่าลืมว่าผู้หญิงเลือกเกิดให้สวยไม่ได้ แต่เลือกที่จะทำให้ผิวสวยรูปร่างดีได้ค่ะ ด้วยการเลือกของกินที่ดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย ส่วนผลการฟ้องชนะค่ะ แค่รอว่าเขาจะอุทธรณ์หรือไม่ และถ้ายังมีคนแอบอ้างแบบนี้ก็จะฟ้องอีก แบบว่าให้รู้กันไป แบบเชือดไก่ให้ลิงดูไปเลย

icon ปิดท้ายกันด้วยเรื่องหัวใจได้ยินข่าวว่าช่วงนี้โสด

เกรซ : ยืนยันว่าโสดค่ะ ชีวิตตอนนี้ ต่อให้ไม่โสดมันก็ต้องโสดเข้าสักวันหนึ่ง เพราะไปคุยอะไรกับใครไม่ได้เลย มีงานเยอะมากเลยค่ะ นอนดึกตื่นเช้า ปาร์ตี้ก็ไม่เที่ยวเลยไม่ค่อยมีโอกาสเจอใคร แต่ก็มีคนที่คุยเป็นเพื่อนเป็นอะไรไป อันนี้คิดว่าดีกว่าเยอะเลย คือว่าไม่ต้องเป็นแฟนกัน เพราะเวลาทำงานมาเหนื่อยๆ แล้วมีปัญหาทะเลาะกันมันยิ่งแย่เข้าไปอีก ตอนนี้ใครเข้ามาก็คุยเป็นเพื่อนไปก่อน ตอบดูเหมือนดาราทั่วไป แต่ก็เป็นจริงตามนั้น เพราะเราเรียนด้วยและทำงานด้วย มันยากที่จะบริหารอะไรหลาย อย่างไปพร้อม ๆ กัน ใครจะมาเป็นแฟนเราต้องเข้าใจเราอย่างมาก ซึ่งตอนนี้ก็ยังหาคนแบบนั้นไม่เจอค่ะ

ข้อมูลจาก

kapook.com

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X