สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ว่า มีการเปิดเผยภาพที่เชื่อว่าเป็นภาพของนายไมเคิล ร๊อกกี้เฟลเล่อร์ ทายาทตระกูลดังของสหรัฐ อยู่กับชนเผ่ามนุษย์กินคนในปาปัว นิกินี ภายหลังหายตัวไปตั้งแต่ปี 1961

รายงานระบุว่า จากสารคดีที่จัดทำโดยนายเฟรเซ่อร์ เฮสตัน ผู้พยายามไขปริศนาการหายตัวไปของนายไมเคิล ร๊อกกี้เฟลเล่อร์ ทายาทตระกูลดังของสหรัฐที่ร่ำรวยที่สุดและทรงอิทธิพลของสหรัฐ ที่หายตัวไปในปาปัว นิวกินี ตั้งแต่ปี 1961 ระบุว่า ภาพถ่ายดังกล่าวถูกถ่ายไว้เมื่อปี 1969 เป็นรูปชาวผิวขาวคนหนึ่งในสภาพเปลือยกาย อยู่กับสมาชิกกลุ่มมนุษย์กินคน โดยหลายฝ่ายเชื่อว่า ชายรายนี้คือ ไมเคิล ร๊อกกี้เฟลเล่อร์ โดยก่อนหน้านี้เชื่อกันว่านายไมเคิลได้จมน้ำเสียชีวิต หลังพยายามจะว่ายน้ำขึ้นฝั่งเพราะเรือล่ม ซึ่งหากภาพนี้เป็นจริง เท่ากับว่า ปริศนาการหายตัวของนายไมเคิลได้คลี่คลายในที่สุด ขณะที่บางฝ่ายมองว่า หากเขาเข้าไปอยู่กับเผ่ามนุษย์กินคนจริง ก็อาจเสียชีวิตเพราะถูกกลุ่มจับกินแล้วก็ได้

ทั้งนี้ การหายตัวไปของนายไมเคิล ทำให้เกิดการค้นหาครั้งใหญ่"คนหาย"ครั้งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคแปซิฟิกใต้ โดยนายไมเคิลซึ่งขณะนั้นมีอายุ 23 ปี และเป็นนักมานุษยวิทยา ได้หายตัวไปในปาปัวนิวกินี ที่เขาเดินทางไปเพื่อถ่ายภาพงานศิลป์ เพื่อนำไปประกอบพิพิธภัณฑ์งานศิลปะดั้งเดิมของนายเนลสัน ร๊อกกี้เฟลเล่อร์ บิดาของเขา ก่อตั้งขึ้น

ขณะที่ทางการเนเธอร์แลนด์ อดีตเจ้าอาณานิคมของปาปัว นิวกินี บอกว่า นายไมเคิลได้จมน้ำหลังพยายามว่ายขึ้นฝั่งเพราะเรือล่มขณะที่คนอื่น ๆ ได้ยืนยันว่า นายไมเคิลต้องเผชิญกับชะตากรรมสุดสยอง เพราะถูกชนเผ่ามนุษย์กินคนเขมือบเป็นอาหาร เพราะต้องการแก้แค้นพวกคนขาว หรือพวกชาวดัทช์ที่รุกรานหมู่บ้านพวกเขา

อย่างไรก็ตาม จากสารคดีของนายเฟรเซ่อร์ระบุว่า ภาพดังกล่าวหากเป็นจริง อาจมีความเป็นไปได้ว่า นายไมเคิล ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกเผ่ามนุษย์กินคนอย่างตั้งใจ และทิ้งความเป็นมนุษย์แห่งโลกศิวิไลซ์อย่างสิ้นเชิง เพราะหลงใหลในความเป็นธรรมชาติล้วน ๆ โดยเฉพาะที่อาจยืนยันได้จากอีกภาพหนึ่งที่เป็นภาพชายผิวขาวที่กำลังพายเรือไปกับชนเผ่ามนุษย์กินคน โดยชายดังกล่าวเชื่อว่าเป็นนายไมเคิล

ที่มา มติชนออนไลน์