อาร์เอ็ม (RM) วง BTS ได้ร่วมถ่ายแบบและให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Vogue Korea ฉบับเดือนมกราคม ปี 2022 โดยเขาได้พูดถึงความรู้สึกของตัวเองเกี่ยวกับการเปลี่ยนไปของเพลงของ BTS ตั้งแต่ที่เดบิวต์เมื่อปี 2013

ระหว่างช่วงเตรียมตัวสำหรับคอนเสิร์ตออนไลน์ครั้งล่าสุด อาร์เอ็มได้มองย้อนกลับไปในผลงานเพลงของ BTS ที่ผ่านมา รวมถึงเพลงที่เก่าที่สุดของพวกเขา และเริ่มครุ่นคิดถึงเพลงล่าสุดที่ปล่อย จนตระหนักได้ถึงช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของเวลา

“[เพลงนี้] เข้าถึงหัวใจในเวลานั้น แต่ว่าเทรนด์เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และผมตระหนักได้ว่าแนวทางการฟังเพลงของผมก็เปลี่ยนไปนิดหน่อยเช่นกัน” อาร์เอ็มเล่าต่อ “‘Butter กับ Permission to Dance จะเชยไหมนะถ้าเวลาผ่านไป?”
 

เขาพูดต่อ “เพราะว่าเราใช้ชีวิตอยู่ในกระแส ตอนนี้ผมเริ่มชินกับการ [ใช้ชีวิตไปตามแฟชั่นในช่วงเวลานั้น] แต่ผมคิดว่าเราผมไม่ควรใช้ชีวิตแบบนั้น ผมไม่รู้ว่าต้องทำอะไร แต่ผมอยากจะทำบางสิ่งที่ ‘อยู่ไปตลอดการ’ และ ‘นิรันดร’ ตอนนี้ผ่านมาเกือบ 9 ปีแล้วตั้งแต่ผมเดบิวต์ในฐานะสมาชิกวง BTS ผมเริ่มคิดถึงเรื่องนี้บ่อยขึ้นครับ”

เมื่อถามถึงการเปลี่ยนแปลงในฐานะนักเขียนเนื้อเพลง อาร์เอ็มบอกว่า “ในอดีต ผมเคยมีกฎมากมายในหัวของตัวเอง เช่น ‘ต้องทำแบบนี้นะ แบบนั้นนะ’ และสิ่งที่คิดเลยคือ อยากจะโชว์บางอย่างที่มันน่าทึ่ง เช่นเทคนิคที่ไม่เหมือนใคร”

“ทุกวันนี้ ผมโฟกัสไปกับการพยายามเนื้อหาที่ผมอยากจะถ่ายทอดในแบบนามธรรม ผมพัฒนาความสามารถในการคิดหลากหลายประสาทสัมผัส เช่นการมอง และการสัมผัส เวลาที่คุณทำเพลง มันมีส่วนประกอบหลายอย่าง เช่น เนื้อเพลง, เมโลดี้, จังหวะ และเสียงร้อง วิธีการของผมคือการมองภาพรวมของทั้งหมดว่าทั้งหมดนั้นได้ถ่ายทอดต้นฉบับความคิดของผมออกไปได้หรือไม่”

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อิทธิพลของ BTS ได้ขยายไปทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะในแวดวงของดนตรี แต่สมาชิกในวงได้ไปพูดบนเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูตพิเศษของประธานาธิบดีเกาหลีใต้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา

เมื่อถามว่าหน้าที่ในฐานะตัวแทนของประเทศส่งผลให้แรงบันดาลใจทางศิลปินและดนตรีจำกัดหรือไม่ และมีโอกาสใหม่เข้ามาบ้างหรือไม่ อาร์เอ็มตอบว่า “ก็มีหมดครับ”

“มีช่วงเวลาที่การเป็นตัวแทนของประเทศทำให้รู้สึกดี แต่ก็มีช่วงเวลาที่กลายเป็นความกดดัน” เขายอมรับ “หน้าที่นั้นเป็นสิ่งที่เราได้รับโดยที่เราไม่ได้แสวงหา และไม่ใช่สิ่งที่จะได้มาแค่คุณต้องการมัน ผมคิดว่ามันเป็นโชคชะตาของผมที่ได้รับการแต่งตั้ง และผมต้องทำให้ดีที่สุดในสิ่งที่ผมทำได้ ถ้าจะให้พูดก็คือ ผมใช้ชีวิตโดยคิดไปด้วยว่า ‘ชีวิตแบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน’”

อาร์เอ็มยังได้พูดถึงความชื่นชอบศิลปะของตัวเอง โดยเฉพาะงานเพ้นท์ เขาบอกว่าชอบที่ได้เอาตัวเองไปรู้จักในสิ่งที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง “ผมสามารถซื่อตรงต่ออารมณ์ของตัวเองเวลาที่ผมทำงานศิลปะ” เขาเปิดเผย “เพราะว่าในการทำเพลง มันจะรู้สึกแย่ทันทีหากคุณรู้สึกอิจฉาศิลปินคนอื่น เพราะว่ามีนักดนตรีที่โดดเด่นหลายคน และมีศิลปินใหม่เกิดขึ้นมากมาย”

อาร์เอ็มได้เปิดใจพูดถึงความกังวลในอาชีพศิลปินของตัวเองว่า “และการวาดภาพก็เป็นอาชีพที่ยืนยาว มีศิลปินมากมายที่จัดงานแสดงแรกของตัวเองตอนอายุ 40 ปี และมีศิลปินที่ไม่ขายงานเลยจนอายุ 60 ปี แต่ว่าผมเดบิวต์ตั้งแต่อายุ 20 [ตามอายุเกาหลี] และผมถูกบอกว่าเป็นตัวแทนของประเทศตั้งแต่อายุ 28 ปี และตอนนี้ผมเริ่มตั้งคำถามว่า ต่อไปผมจะทำอะไร”

เขายังบอกอีกว่า “นั่นเป็นเหตุผลที่ผมอยากมีอาชีพที่ยืนยาวเหมือนที่ศิลปินวาดรูปทำได้”

สำหรับปรัชญาชีวิตของตัวเอง อาร์เอ็มบอกว่า “บางคนบอกว่าควรโฟกัสกับปัจจุบันมากกว่าความฝัน พวกเขาพูดถูกครับ และผมก็เข้าใจด้วย เป็นเรื่องไม่โอเคนะที่สังคมกดดันให้คนต้องมีความฝัน แต่การมีความฝันก็สำคัญด้วย ผมหวังว่าหลายคนจะยังคงมีความเป็นเด็กอยู่ในหัวใจของพวกเขา เด็กที่เชื่อเรื่องการทำงานหนักและมีความหวัง”

“ผมก็ประสบปัญหาเหมือนกันครับ” อาร์เอ็มเล่า “ความคาดหวังของคนอื่นและตัวผมที่มีต่อตัวเองมีสูงมาก แม้ว่าในอนาคตผมจะไปทำงานสายอื่น ผู้คนก็คงยังคาดหวังว่าผมจะประสบความสำเร็จ และผมอาจจะมีชีวิตไม่ได้ด้วยความคาดหวังขนาดนั้น”

อาร์เอ็มปิดท้ายการสัมภาษณ์ด้วยการบอกถึงเป้าหมายของเขาในฐานะศิลปิน 

“ผมเชื่อว่าทุกคนมีเหตุผลที่เกิดมา” เขาพูดต่อ “และผมหวังว่าทุกสิ่งที่ผมทำจะทิ้งบางอย่างที่มีความหมายเอาไว้”

ติดตามบทสัมภาษณ์แบบเต็มของ อาร์เอ็ม ได้ใน Vogue Korea ฉบับเดือนมกราคม ปี 2022

ที่มา ( 1 )