อังกฤษฟื้นคดีเจ้าหญิงไดอาน่า เผยคนในราชวงศ์สั่งลอบปลงพระชนม์
2013-09-16 21:13:37
Advertisement
คลิก!!!

 

 อังกฤษฟื้นคดีการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอาน่า หลังได้รับข้อมูลว่าหน่วย SAS ส่องไฟใส่หน้าคนขับรถเจ้าหญิง เพื่อลอบปลงพระชนม์อย่างแนบเนียน

           เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2556 เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ รายงานว่า คดีการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอาน่า ถูกรื้อขึ้นมาสืบสวนอีกครั้ง หลังมีหลักฐานชี้ว่าอาจเป็นคดีฆาตกรรมอำพราง โดยได้รับข้อมูลจากภรรยาคนในหน่วยงานสเปเชียลแอร์เซอร์วิส (SAS) หรือหน่วยรบพิเศษของกองทัพอากาศ ว่ามีคนส่องไฟใส่หน้าคนขับรถของเจ้าหญิง จนนำมาซึ่งอุบัติเหตุดังกล่าว พร้อมเผยเป็นคำสั่งจากคนในราชวงศ์เอง

           รายงานระบุว่า สำนักงานตำรวจนครหลวงของอังกฤษ หรือ สกอตแลนด์ ยาร์ด ได้ตัดสินใจรื้อคดีการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอาน่าขึ้นมาสอบสวน หลังเหตุเกิดขึ้นนานกว่า 16 ปีแล้ว เพราะมีหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อ 16 ปีก่อนนั้น เป็นการฆาตกรรมไม่ใช่อุบัติเหตุ โดยจากการรวบรวมหลักฐานพยานตลอดเวลาที่ผ่านมาได้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า อุบัติเหตุอันน่าเศร้าในครั้งนั้นจริง ๆ แล้วอาจเกิดขึ้นจากฝีมือของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วย SAS และจากคำเปิดเผยของภรรยานายทหารนายหนึ่ง ได้ระบุว่า สามีของเธอเล่าให้เธอฟังว่า หน่วย SAS มีความสามารถที่จะปลงพระชนม์เจ้าหญิงไดอาน่าอย่างแนบเนียน อุบัติเหตุในครั้งนั้น เกิดจากการส่องไฟใส่หน้าคนขับรถของเจ้าหญิง ขณะเดินทางผ่านอุโมงค์ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส จนทำให้คนขับรถตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัดเจน จนนำมาซึ่งอุบัติเหตุที่ช็อกคนทั่วโลก

           นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยด้วยว่า ปฏิบัติการของหน่วย SAS ในครั้งนั้น ได้รับคำสั่งมาจากคนในราชวงศ์เองที่ไม่พอใจที่เจ้าหญิงไดอาน่าทรงคบหากับชายมุสลิม

           ทั้งนี้ สำหรับคดีอันน่าเศร้าดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ เจ้าหญิงไดอาน่า และนายโดดี อัล ฟาเยด ลูกชายของมหาเศรษฐี โมฮัมหมัด อัล ฟาเยด กำลังเดินทางออกจากโรงแรมในฝรั่งเศส ก่อนที่รถของพระองค์จะเร่งความเร็วเพื่อหลบหนีช่างภาพที่ขับรถติดตามเพื่อถ่ายภาพ จนกระทั่งคนขับรถไม่สามารถควบคุมรถยนต์ให้วิ่งต่อไปอย่างปลอดภัยได้ จึงประสบอุบัติเหตุ ทำให้คนขับรถและนายโดดีเสียชีวิตทันที ส่วนเจ้าหญิงไดอาน่านั้นสิ้นพระชนม์ในเวลาต่อมา ซึ่งแม้ว่าพ่อของนายโดดีจะเชื่อว่าเหตุดังกล่าวเป็นการฆาตกรรม แต่จากการสอบสวนอย่างละเอียดในครั้งนั้น ศาลก็ได้สรุปว่าเป็นคดีอุบัติเหตุในที่สุด โดยโทษว่าเป็นผลจากการขับรถโดยประมาทของคนขับรถที่ดื่มจนเมามาย

 

 

 

 

ข้อมูลจากกระปุกดอทคอม

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X