อดีตเจ้าอาวาสเผยซื้อศพดญ.จากสุสาน-แจงปมฝังใต้ฐานพระพรหม รับเลี้ยงลูกกรอกไว้ใช้งาน
2015-04-22 20:06:12
Advertisement
คลิก!!!

 

จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวรจภาค 5 โดยการนำของ พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รอง ผบช.ภาค 5 นำคณะไปขุดจนเจอซากศพเด็กหญิงวันเพ็ญจนพบ พร้อมนำศพตรวจชันสูตร ที่วัดห้วยดินจี่ ต.สันติสุข อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ หลังอดีตเจ้าอาวาสวัด นำศพเด็กมาฝังใต้ฐานพระพรหม จนมีประชาชนร้องเรียน ตำรวจเตรียมดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดหากพัวพันไปถึงใคร ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

 

 เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 22 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่สืบสวนภาค 5 ได้เชิญตัวนายเฉลิม ด้วงทอง อายุ 31 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยดินจี่ อ.ดอยหล่อ เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบุคคลที่นำศพเด็กหญิงวันเพ็ญไปฝังไว้ใต้ฐานพระพรหม มาทำการสอบปากคำ โดยมีพนักงานสอบสวน สภ.ดอยหล่อ ทำการสอบปากคำเพิ่มเติม นายเฉลิม อดีตเจ้าอาวาสวัด ปัจจุบันเปิดสำนักเป็นเจ้าพิธีไสยศาสตร์ ที่ อ.สารภี เชียงใหม่ มาในชุดเสื้อคอกลมสีขาว ทับด้วยเสื้อสีแดง หมวกผ้าสีดำ บนยอดหมวกมีผ้ายันต์ม้วนเสียบไว้ที่ยอดหมวก

 

 โดยมี พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ภาค 5 พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รอง ผบช.ภาค 5 เดินทางมาสอบปากคำนายเฉลิมด้วยที่ห้องประชุมชั้น 3 กองบังคับการตำรวจสืบสวนภาค 5 นายเฉลิม อดีตเจ้าอาวาส ได้ให้ปากคำกับ ผบช.ภาค 5 และรอง ผบช.ภาค 5 อย่างละเอียด ถึงการได้มาของศพ และการทำพิธีต่างๆ และยังฝากเตือนไปยังพระสงฆ์ที่กระทำการนำศพเด็กมาทำไสยเวทย์ และทำพิธีต่างๆ ให้หยุดเสีย เพราะเป็นการสร้างบาปกรรม และผิดกฏหมาย

 

 นายเฉลิม ให้การว่า ศพน้องวันเพ็ญที่ตนได้มานั้น พอดีมีโยมคนหนึ่งเขาจะมาปลุกเสกของ จังหวะที่ ป้าบุญ สัปเหร่อ สุสานหายยา อ.เมืองเชียงใหม่ โทรศัพท์มาพอดี ตนจึงได้โทรศัพท์ขอให้คนขับรถของโยมดังกล่าว ช่วยไปเอาศพเด็กทารกที่สุสานหายยากับป้าบุญ โดยตนได้ให้เงินสดไปซื้อราคา 3,000 บาท ตอนแรกตนก็คิดว่า คงเป็นศพเด็กตัวเล็ก หรือลูกกรอกตัวเล็ก ปรากฏว่า เมื่อคนขับรถนำศพซึ่งใส่ถุงดำมาให้ เปิดดูก็พบว่าเป็นศพเด็กตัวใหญ่เป็นผู้หญิง ซึ่งก็ไม่รู้ว่า สัปเหร่อป้าบุญ ไปเอาศพมาจากที่ไหน คาดว่าคงเป็นศพทารกจากโรงพยาบาลที่ส่งมาจำหน่ายเผา ตนไม่รู้ที่มาที่ไปของศพเลย

 

 เมื่อนำศพเด็กมาถึง ซึ่งจังหวะตรงกับวันเพ็ญ วันลอยกระทงพอดี ตนเลยถือโอกาสตั้งชื่อศพเด็กว่า "น้องวันเพ็ญ" เมื่อได้ศพมาแล้ว ตนก็ทำพิธีสวดอภิธรรม บังสกุลให้กับศพเด็ก เพราะถือว่าเป็นศพเด็กตัวใหญ่แล้วไม่ใช่ลูกกรอก ตนก็รักเหมือนลูกของตน ศพน้องวันเพ็ญ จะเป็นศพที่ตายจากการทำแท้งหรือเกิดก่อนกำหนดแล้วเสียชีวิต ตนก็ไม่รู้ รู้สึกเอ็นดู ก็ไม่ได้บีบบังคับและไม่ได้ใช้มนต์คาถาอะไรที่ร่ำลือกันว่าสะกดวิณญาณศพเด็ก ได้ศพเด็กนี้มาหลายปี ก็เลี้ยงไว้ใส่โลงแก้วเอาไว้ บูชาไว้ในกุฏิ ตามความชื่อประมาณ พ.ศ.2556 กระทั่งมีการสร้างศาลพระพรหมขึ้นมา ตนจึงได้นำศพเด็กหญิงวันเพ็ญ ไว้ใต้ฐานพระพรหมดังกล่าว  

 

 “การสร้างศาลพระพรหมและนำศพเด็กหญิงวันเพ็ญมาฝังไว้ใต้ฐานก็ไม่ได้มีเจตนาอะไร กระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ตนบรรจุศพเด็กไว้ ตามความเชื่อว่า เด็กคนนี้จะได้ไปเกิด ไม่ได้ไปสะกดวิณญาณ แต่อย่างใด ผมใส่ไว้อย่างดีในโลงแก้ว ไม่ได้สะกดวิณญาณแต่อย่างใด ต้องการให้คนมากราบไหว้ ผมบูชาและเลี้ยงน้องวันเพ็ญไว้ในกุฏิ รักเหมือนลูก มีความผูกพัน เมื่อเราได้สร้างศาลพระพรหมขึ้นมา ก็ได้นำน้องเข้ามาฝังไว้ใต้ฐาน ตอนแรกก็คิดว่าจะเผาเสีย แต่ด้วยความรักเหมือนลูก สงสาร ผูกพัน จึงได้บรรจุน้องวันเพ็ญไว้ดังกล่าว  

 

 สำหรับซากศพเด็กทารกจะไปซื้อมาจากสัปเหร่อที่สุสาน โดยให้คนไปเอา บางครั้งก็ตัวละ 500-3,000 บาท แล้วแต่ขนาดและความสมบูรณ์ ทุกอย่างต้องใช้เงิน ศพแต่ละศพต้องซื้อมา สัปเหร่อ ที่สุสานหายยานั้น หากมีศพเด็กทารกมาก็จะติดต่อให้ไปดูไปเลือกซื้อ หากพอใจก็ซื้อมา ไม่พอใจก็ต่อรองหรือไม่เอา

 

 การสร้างศาลพระพรหม ก็ได้บอกชาวบ้านประชุมคณะกรรมการได้รับรู้ แต่เรื่องฝังทารกไม่ได้บอกใคร เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ สำหรับลูกกรอกตัวเล็กๆ นั้นตนเลี้ยงไว้ใช้เอง ไม่เคยไปทำร้ายหรือไปกระทำที่นอกรีตแต่อย่างใด สำหรับตัวผมนั้น จะกระทำพิธีสวดอภิธรรม ในวันพญาวัน ทำบุญทุกปี ทำบุญให้แก่สัมพเวสีและครูบาอาจารย์ทุกวันที่ 15 เม.ย. ของทุกปี ตนได้นำศพน้องวันเพ็ญ ฝังใต้ฐานพระพหรมอย่างเดียว ส่วนศาลฤาษีไม่มีอะไรทั้งนั้น มีแต่ฝาโลงอยู่ใต้ฐาน

 

 นายเฉลิม กล่าวอีกว่า ตนได้สึกมาแล้วประมาณ 5-6 เดือน ช่วงนี้ก็ปฏิบัติธรรมทุกวันทำบุญทุกวัด เมื่อก่อนเคยมีครอบครัว หลังจากสึกออกมาแล้วก็ยังไม่มีครอบครัว และได้มาเปิดสำนักเจ้าพิธี ทั่วไป ตนบวชสามเณรมาก่อนแล้วสึกออกมาเป็นทหาร และกลับไปบวชและเดินธุดงค์ และมาพบวัดห้วยดินจี่ เกิดศรัทธาวัดแห่งนี้ ชาวบ้านก็ได้นิมมนต์ให้ตนอยู่วัดนี้ และพัฒนาวัดนี้เรื่อยมาสร้างเจดีย์สร้างวิหาร ให้กับวัดนี้

 

 “อยากฝากเตือนไปยังพระสงฆ์และเจ้าพิธีต่างๆ รวมทั้งฆราวาส และอาจารย์ทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นพระสงฆ์เพื่อนกัน มิตรสหายที่เล่นไสยศาสตร์มนต์ดำ ที่เอาชิ้นส่วนศพหรือเด็กทารกมาทำนี้ ขอเตือนว่าอย่าทำเลย อย่าทำอย่างผม เพราะถือว่าเป็นการสร้างบาปกรรมและที่สำคัญ คือ ผิดกฏหมาย เป็นสิ่งที่ไม่ดี เป็นสิ่งที่ไม่ควร เมื่อเราเป็นพระสงฆ์แล้ว เราควรทำตนให้ประชาชนศรัทธานับถือ หากเป็นฆราวาส ก็ควรจะเล่นสายอื่นที่เป็นประโยชน์ พวกเมตตามหานิยม พุทธคุณทั่วไป

 

 หวังว่าทุกคนที่ได้เห็นข่าวของผมนี้ถือเป็นบทเรียน โดยเฉพาะพวกที่เล่นไสยศาสตร์ สายดำ หรือที่เรียกภาษาชาวบ้านว่าพวกเล่นอวิชา ซึ่งไม่มีในตำราพระพุทธศาสนา หากพระสงฆ์ที่กระทำนั้นถือว่าผิดทางวินัยสงฆ์ และผิดทั้งกฏหมาย ก็ขอเตือนพระภิกษุสงฆ์ที่เล่น ขอให้หยุดทุกอย่าง เพราะเป็นการเบียดเบียนมนุษย์ ทำให้วิณญาณของผู้ที่ถูกกระทำไม่ได้ไปจุติ หรือไปผุดไปเกิด ก็ขอฝากเตือนทั้งฆราวาสและพระสงฆ์ที่เล่นสายมนต์ดำ ตอนนี้ในสังคมเรามีพระสงฆ์ที่เล่นสายมนต์ดำ มีเยอะ เท่าที่เห็นออกมาตามหนังสือรวมทั้งเว็บไซต์ ต่างๆ อยู่มากมายหลายอยู่”

 

 ด้าน พล.ต.ต.ปชา เปิดเผยว่า วันนี้ที่ทางตำรวจภาค 5 ได้เชิญตัวนายเฉลิมมา ยังไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหาแต่อย่างใด เมื่อวานนี้หลังจากที่เราได้ขุดศพเจอแล้ว ตนได้สั่งการให้ผู้กำกับ สภ.ดอยหล่อเชียงใหม่  ทำการชันสูตรพลิกศพตามกฎหมาย โดยมีแพทย์จาก รพ.ดอยหล่อ มาร่วมชันสูตรพลิกศพด้วย ปรากฏว่าศพเป็นเด็ก ตอนนี้เรายังไม่รู้สาเหตุของการเสียชีวิตว่าตายอย่างไร ศพตอนนี้ยังอยู่ที่ แผนกนิติเวช รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ซึ่งทางแพทย์ นิติเวช กำลังดำเนินการผ่าพิสูจน์หาสาเหตุของการเสียชีวิตอยู่ ซึ่งคาดว่าไม่เกิน 3 วัน ผลของแพทย์คงออกมาว่า ตายก่อนเกิด หรือเกิดก่อนตาย

 

 หากพบว่าน้องวันเพ็ญเสียชีวิตด้วยการถูกทำร้าย ก็จะต้องดำเนินการตามคดีอีกวิธีการหนึ่งเพื่อหาตัวคนร้าย แต่หากตายโดยธรรมชาติ ตรงนี้ก็เป็นอี่กเรื่องหนึ่ง ซึ่งจะเข้าข่ายของเรื่องการซ่อนเร้น ลอบฝังหรืออำพรางศพ ตรงนี้ต้องมาอยู่ที่การสอบปากคำ ตอนนี้นายเฉลิม ยังไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหา นายเฉลิมวันนี้ได้ให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าทีตำรวจอย่างดี

 

 ตำรวจภาค 5 จะมีการสืบสวนและต้องไปตรวจสอบที่สุสานหายยา ว่ามีขบวนการอย่างไร เอาศพมาจาก รพ.หรือทาง รพ.ส่งมาให้ฌาปนกิจศพ แต่พบว่ามีบุคคลที่ดูแลสุสาน แอบกระทำการเอาศพมาขาย มาทำเป็นธุรกิจต่างๆ อาจจะต้องดำเนินคดีกับพวกนี้ด้วย ซึ่งสุสานในตัวเมืองเชียงใหม่มีกระแสข่าวมามากในเรื่องการขายศพ

 

 ตนนี้พวกทำไสยศาสตร์ผลิตวัตถุมงคลต่างๆ เพื่อหวังขายให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศทั้งชาวจีน สิงคโปร์ มาเลเซีย ต้องการสินค้าพวกวัตถุมงคลพวกนี้มาก ทำให้บุคคลเหล่านี้ต่างพากันผลิตวัตถุมงคลแบบนี้ออกมา แบบไม่ถูกต้อง มีการโฆษณาทางเว็บไซต์ ต่างๆ เพื่อให้ต่างชาติเห็น โดยพวกเอเย่นต์ ตัวแทนจัดจำหน่าย อาศัยพระสงฆ์ที่หลงผิด ทำพิธีให้แล้วพวกนี้ก็จะนำไปผลิตวัตถุมงคลจำนวนมาก เพื่อจำหน่ายและโฆษณาทางเว็บ

 

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 5 ได้ประสานกับทางตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อลงพื้นที่เข้าตรวจสอบสุสานหายยาอีกครั้ง เพื่อหาหลักฐานบางอย่าง และจะไปพบกับสัปเหร่อ ผู้หญิง นางบุญ สอบถามเพื่อประโยชน์ของรูปคดีต่อไป

 

ขอขอบคุณที่มา  ข่าวสดออนไลน์

 

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X