หมอเส็ง เปิดอาณาจักรพันล้านผู้นำด้านสมุนไพร ใน วู้ดดี้เกิดมาคุย
2013-09-16 20:45:29
Advertisement
คลิก!!!

 

หมอเส็ง เปิดอาณาจักรพันล้านผู้นำด้านสมุนไพร ใน วู้ดดี้เกิดมาคุย

 

หมอเส็ง เปิดอาณาจักรพันล้านผู้นำด้านสมุนไพร ใน วู้ดดี้เกิดมาคุย



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก วู้ดดี้เกิดมาคุย

            หมอเส็ง วู้ดดี้เกิดมาคุย พาบุกอาณาจักรเจ้าของธุรกิจพันล้าน ในฐานะผู้นำและนักคิดค้นสมุนไพรชั้นนำของเมืองไทย 

            เอ่ยชื่อ "หมอเส็ง" ใคร ๆ ก็ต้องรู้จักเขาในฐานะผู้นำแห่งโลกสมุนไพร และก็เป็นโอกาสพิเศษสุด ๆ ที่ "หมอเส็ง" หรือ คุณฉัตรชัย แสงสุริยะฉัตร ประธานบริษัทแสงสุริยะฉัตร (2002) จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรหลายชนิด จะมาเปิดอาณาจักรขุมทรัพย์พันล้านให้แฟนรายการวู้ดดี้เกิดมาคุยได้ชมกัน พร้อมกับตอบทุกคำถามที่ทุกคนอยากรู้ ! ตามไปดูกันได้ในรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย ที่ออกอากาศเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน 2556 กันเลย

            เมื่อเดินทางมาถึงอาณาจักรของหมอเส็ง วู้ดดี้ก็ต้องประหลาดใจที่เห็นรถเบนซ์ป้ายแดงสุดหรูจอดเรียงรายกันอยู่หลายสิบคันในลานจอดรถ เลยอดถามหมอเส็งไม่ได้ว่ารถเหล่านี้เป็นของหมอเส็งใช่หรือไม่ แต่เถ้าแก่อารมณ์ดีกลับบอกว่า เดิมทีรถพวกนี้เป็นของผม แต่ตอนนี้เป็นของลูกน้องไปหมดแล้ว ซึ่งลูกน้องของเขาก็มาจากรากหญ้าแล้วมาสร้างเนื้อสร้างตัวได้ที่นี่ 
 

หมอเส็ง เปิดอาณาจักรพันล้านผู้นำด้านสมุนไพร ใน วู้ดดี้เกิดมาคุย


            พูดคุยกันเสร็จ หมอเส็งก็พาวู้ดดี้เข้าไปในออฟฟิศสุดหรูที่ใช้เป็นบ้านพักอาศัยของเขาด้วย ว่าแล้วก็พาขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น 8 เพื่อสำรวจบ้านพักทุกซอกทุกมุมที่ตกแต่งได้อย่างหรูหราน่าอยู่สุด ๆ ก่อนจะนั่งคุยกันในเรื่องที่หลายคนสงสัย

            เริ่มจากเรื่องแรก ทุกคนเรียกชื่อคุณฉัตรชัย แสงสุริยะฉัตร ว่า "หมอเส็ง" มาตลอด แล้วจริง ๆ เขาเป็นหมอจริงหรือไม่ หรือว่าเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นมาเอง...เรื่องนี้ เถ้าแก่สมุนไพร ชี้แจงว่า เขาทำงานเป็นหมอสมุนไพรมานานแล้ว โดยสมัยก่อนคุณพ่อของเขาก็เป็นหมอสมุนไพรและได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขให้เป็นหมอได้ ส่วนเขาก็ได้รับใบอนุญาตเป็นหมอแผนโบราณ 

            จุดเริ่มต้นของการเป็นหมอสมุนไพรมาจากการที่ตระกูลของเขาเป็นหมอสมุนไพรที่เมืองจีนมานับร้อยปีแล้ว แล้วพอคุณพ่อย้ายจากเมืองจีนมาอยู่เมืองไทยก็ยึดอาชีพนี้มาโดยตลอด เขาเองก็เช่นกัน คลุกคลีกับเรื่องสมุนไพรมาตั้งแต่ยังเด็ก ๆ ใช้เวลาเรียนรู้และสั่งสมประสบการณ์มาจนแตกฉาน ที่ผ่านมามีหลายโรคที่ใช้การรักษาแผนปัจจุบันไม่หาย แต่ใช้สมุนไพรรักษาแล้วหายได้ เช่น ไมเกรน ไทรอยด์เป็นพิษ โรคซึมเศร้า 

            สำหรับเรื่องโรคซึมเศร้านี้ หมอเส็ง แนะนำให้ฟังว่า โรคนี้เกิดจากพลังงานของจิตเสีย สมุนไพรจะไปเพิ่มพลังงานซึ่งเป็นธาตุลมให้จิตตัวนี้เข้มแข็งได้ พร้อมกับบอกให้รู้ว่าสาเหตุที่ทำให้จิตตัวนี้เสียมาจาก 3 เรื่อง คือ หนึ่งรู้สึกเสียใจมาก ๆ มานาน ๆ ทำให้จิตห่อเหี่ยวลง สองคือเคยตกใจ หรือกลัวมามาก ๆ อย่างประสบอุบัติเหตุแล้วกลัวสุดหัวใจ พอร่างกายหาย แต่จิตใจมันไม่เข้มแข็งแล้ว และสามคือคนที่ทำงานเครียด กังวลมาก ๆ ก็จะเป็นโรคซึมเศร้าได้
 

หมอเส็ง เปิดอาณาจักรพันล้านผู้นำด้านสมุนไพร ใน วู้ดดี้เกิดมาคุย


            อีกคำถามที่คนข้องใจก็คือ จริง ๆ แล้วสมุนไพรเป็นยาดีจริงหรือ หรือเป็นแค่การอนุมานเท่านั้น เถ้าแก่ใหญ่วัย 74 ปี ได้ชี้แจงว่า สมุนไพรสามารถสู้ยาแผนปัจจุบันได้ดีมาก ขึ้นอยู่กับคนทำ ถ้าทำดี ๆ เหนือกว่ายาแผนปัจจุบันเสียอีก จากที่ตนเป็นหมอมา 50 ปี ตนรักษาคนมาเป็นแสน ๆ จนชำนาญ 

            อย่างเช่นเรื่องว่านชักมดลูกที่ทุกคนรู้จักกันดีว่าเป็นยาครอบจักรวาล เรื่องนี้ตนไม่ได้อวดอ้างสรรพคุณเกินจริงเลย เพราะตนเป็นหมอรักษาคนมาก็รู้ ผู้หญิงไทยทำงานหนัก พอทำงานหนักก็มีปัญหาปวดท้อง มดลูกอักเสบ ลามไปจนปวดหลัง เวลามีประจำเดือนจะปวดท้องมาก ดังนั้น ใครมีปัญหากับมดลูกสามารถใช้ได้เลย โดยเฉพาะผู้หญิงวัยทองที่ได้ผลดีมาก แต่ยาพวกนี้ไม่สามารถใช้กับคนเป็นโรคเอดส์ได้ ช่วยได้แค่เรื่องร่างกายแข็งแรง ผิวพรรณดี และยืดอายุสัก 3-5 ปี หรือ 10 ปีเท่านั้น

            "ยาสมุนไพร หรืออาหารเสริมของผมไม่ได้ช่วยเรื่องรักษาโรค แต่ช่วยในเรื่องบำรุงร่างกายให้แข็งแรง อาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ที่คุณเป็นจะเบาลง หรือดีขึ้น" หมอเส็ง ย้ำ

            อีกหนึ่งเรื่องนอกจากสมุนไพรที่หมอเส็งเชี่ยวชาญก็คือ การแมะ หรือการจับเส้นที่ข้อมือที่เพียงแค่จับมือก็รู้ว่าร่างกายคนนั้นขาดธาตุอะไร ต้องเสริมธาตุอะไร แต่ก็มีคำถามอยู่บ้างเหมือนกันว่าวิธีการเหล่านี้เป็นเรื่องหลอกลวงหรือไม่ เถ้าแก่ใหญได้ชี้แจงว่า ถ้าหมอคนนั้นไม่มีความรู้จริงก็ถือเป็นเรื่องหลอกลวง เพราะคนเป็นหมอมีความสามารถในการรักษาในขอบเขตเท่านั้น เช่นเคยรักษาแล้วหาย อย่าไปเหมาโรคเด็ดขาด

            ว่าแล้ววู้ดดี้ก็ขอพิสูจน์ด้วยการเชิญดาราสาว เอ๋ มณีรัตน์ คำอ้วน มาร่วมทดสอบวิชาการจับเส้นของหมอเส็งอันเลื่องลือกันหน่อย ซึ่งหลังจากหมอเส็งจับเส้นตรวจชีพจรไปได้สักพักหนึ่งก็พูดขึ้นมาว่า ร่างกายของเอ๋เย็นเกินไป เลือดน้อยเกินไป แบบนี้จะเวียนหัวบ่อย ปวดต้นคอ ถ้าเป็นช่วงเวลาประจำเดือนมาจะมาเป็นลิ่ม ๆ แล้วจะรู้สึกอ่อนเพลียง่าย หากนั่ง ๆ เหน็บจะกินได้ง่าย เพราะเลือดไหลเวียนไม่ดี ไหลไม่ถึงปลายมือ เวลานอนมักจะฝันเลอะเทอะเพราะคลื่นในสมองไม่เท่ากัน เกิดจากเลือดขึ้นไปเลี้ยงสมองไม่สมดุล แต่ไม่ใช่คนป่วย เพราะชิ้นส่วนไม่เสีย มาเสียที่พลังงาน ถือว่าเป็นคนสมบูรณ์ แต่จะไปสมบุกสมบันอะไรไม่ได้เด็ดขาด 
 

หมอเส็ง เปิดอาณาจักรพันล้านผู้นำด้านสมุนไพร ใน วู้ดดี้เกิดมาคุย


            ฟังหมอเส็งแจกแจงแล้ว เอ๋ มณีรัตน์ ก็ยอมรับว่าจากเดิมที่ไม่เคยสังเกตตัวเองเท่าไร แต่พอได้ฟังหมอเส็งก็รู้สึกว่าตรงกับปัญหาสุขภาพที่เธอเป็นอยู่จริง แล้วรู้สึกทึ่งเหมือนกันที่แค่จับชีพจรก็รู้ว่าเธอมีปัญหาสุขภาพตรงไหน 

            หลังจากจับแมะเสร็จ หมอเส็งก็ชวนคุณเล็ก นิภา แสงสุริยะฉัตร ภรรยาคนสวยที่อายุน้อยกว่าเขาถึง 30 ปี มานั่งพูดคุยด้วยกัน พร้อมกับเล่าว่า รู้จักกับหมอเส็งมากว่า 16 ปีแล้ว โดยที่รู้จักกันได้นั้นเป็นเพราะหมอเส็งชอบไปตีกอล์ฟแถวละแวกบ้าน และบ้านตรงข้ามของเธอก็เป็นแคดดี้ประจำตัวหมอเส็ง แต่เวลาจะนัดหมายกันคุณหมอต้องโทรศัพท์มาที่บ้านของเธอ เพราะเป็นบ้านเดียวที่ในยุคนั้นมีโทรศัพท์ใช้ แล้ววันหนึ่งเธอเป็นคนรับโทรศัพท์ของคุณหมอ พอคุณหมอได้ยินก็เกิดชอบในน้ำเสียง คุณหมอก็เลยขอดูตัวเลย เหมือนกับเป็นบุพเพสันนิวาส
 

หมอเส็ง เปิดอาณาจักรพันล้านผู้นำด้านสมุนไพร ใน วู้ดดี้เกิดมาคุย


            คุณหมอบอกว่าพอเห็นคุณเล็กแล้วก็รู้สึกชอบ ก็มักจะหาเรื่องไปแถวนั้นบ่อย ๆ ส่วนคุณเล็กพอได้เจอคุณหมอครั้งแรกก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นนั้นเลย เพราะเธอขาดคุณพ่อไปตั้งแต่ยังเล็ก ๆ และก็ไม่รู้สึกว่าอายุที่ห่างกันถึง 30 ปี จะเป็นอุปสรรคเลย เพราะคุณหมอคือคนที่มาเติมเต็มความรู้สึกที่เธอขาดหายไป และทำให้เธอมีความสุขมาก โดยตอนนี้พวกเขามีลูกชายด้วยกัน 1 คน ชื่อน้องโป๊ยเซียน อายุ 9 ขวบ กำลังเรียนอยู่ชั้น ป.4 ที่โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต
 

หมอเส็ง เปิดอาณาจักรพันล้านผู้นำด้านสมุนไพร ใน วู้ดดี้เกิดมาคุย


            นั่งคุยกันได้จนเต็มอิ่มแล้ว หมอเส็งและครอบครัวก็พาชมบ้านอีกครั้ง และเห็นว่าภายในบ้านของเขามีการสักการบูชาเทพเจ้าอยู่หลายองค์ หมอเส็งจึงบอกให้ฟังว่า เขาเชื่อว่าหากไม่ได้สักการบูชาเทพเจ้าจริง ๆ ก็ประสบความสำเร็จได้ แต่จะอยู่ในขอบเขต ไม่ใหญ่โตเหมือนทุกวันนี้ ก่อนจะเปิดตู้เซฟที่เป็นขุมทรัพย์ให้ได้ตะลึงกัน ซึ่งภายในนั้นมีแบงก์พันหลายร้อยปึก ๆ 

            หมอเส็ง บอกว่า ทุกเดือนเขาต้องเตรียมเงินไว้ 80-90 ล้านบาท เพื่อไว้ใช้จ่ายค่าสินค้า ค่าพนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกสารพัด ดังนั้น เงินพวกนี้ไม่ใช่ของเขาเลย แต่เป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมด 

            "ใครที่บอกว่าหมอเส็งรวย ทำเงินได้เดือนละหลายพันล้าน อันนี้ไม่จริงเลย เรามีธุรกิจขนาดนี้ก็พอใจแล้ว" หมอเส็ง ยืนยัน 

            ในตอนท้าย หมอเส็ง พูดถึงปรัชญาที่เขาใช้ในการดำเนินชีวิตว่า หลักของคนก็คือ ถ้าปรับตัวได้เราต้องปรับตัวตามสภาพ ตอนเขาจน เขาก็กินน้อย ๆ แล้วคิดต่อสู้เพื่อตั้งหลัก 

            "ที่ต้องจำไว้ก็คือถ้าล้มแล้วต้องไปตั้งหลักวงการใหม่ ถ้าลงทุนไปแล้วหลายสิบปีก็ยังไม่เวิร์ค หมดไปแล้วสิบกว่าล้านก็ต้องยอมตัดทิ้ง เพราะถ้ามันเวิร์ค มันก็เวิร์คไปตั้งแต่แรกแล้ว การดันทุรังไม่เคยชนะ มีแต่แพ้ อย่าไปเสียดาย หลังจากผ่านประสบการณ์แล้วเราจะรู้เลยว่าอะไรควรตัดทิ้ง คนเราอยู่มานานได้ต้องมีวาสนา มหาเศรษฐีในเมืองไทยมีวาสนาทั้งนั้น นี่คือสิ่งที่เบื้องบนประทานให้ และตามมาด้วยโชคชะตา ซึ่งจะมาตามหลักของชีวิต ทำให้เราไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด" หมอเส็ง ให้แง่คิดทิ้งท้าย 

 



 



 



 



 

 
 
 
 
 
ข้อมูลจากกระปุกดอทคอม
.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X