สดศรี เตือน กกต.รุ่นน้อง ต้องวางตัวเป็นกลาง ไม่เป็นคู่กรณีกับฝ่ายการเมือง และ กกต.ต้องทำงานเป็นทีม ไม่ใช่วันแมนโชว์ หวั่นอนาคตองค์กร กกต. อาจถูกยุบ หากทำตัวไม่เหมาะสมและถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง

วานนี้ (17 มกราคม 2557) นางสดศรี สัตยธรม อดีต กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของ กกต. ในขณะนี้ โดยระบุว่า กกต. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่รับผิดชอบเรื่องการจัดการเลือกตั้ง ถือว่าเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มีลักษณะพิเศษไม่ยุ่งทางการเมืองและมีความเป็นกลาง ซึ่งตั้งแต่มีองค์กร กกต. มา 15 ปี แทบไม่มี กกต. ชุดไหน เคยไปทะเลาะหรือพูดจามีปัญหากับฝ่ายการเมือง เพราะ กกต. ต้องรู้ตัวเองว่าการวางตัวถือเป็นเรื่องสำคัญ ต้องไม่กระทำการใด ๆ ที่จะทำให้เกิดปัญหาทางสังคม รวมทั้งต้องระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะไม่ทำให้องค์กรตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์

ส่วน กรณีที่ กกต. เหมือนกลายเป็นคู่กรณีกับรัฐบาล คาดว่ากรณีนี้น่าจะเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล เพราะพื้นฐานและพื้นเพทางจิตใจของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน ซึ่งตนในฐานะ ที่เป็น กกต.เก่า รู้สึกไม่ค่อยสบายใจในการทำงานของ กกต. ชุดนี้ เนื่องจากทุกวันนี้บ้านเมืองมีความขัดแย้งแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย กกต. ต้องคำนึงว่าจะทำอย่างไรให้อยู่ตรงกลางมากที่สุด ต้องพิจารณาว่าสิ่งใดควรพูดและสิ่งใดไม่ควรพูด กกต. ชุดที่ตนยังดำรงตำแหน่งรู้ว่าอะไรที่ทำแล้วจะเสียหายก็ไม่ทำ เราจึงผ่านวิกฤติมาได้ อยู่ดำรงตำแหน่งจนครบวาระ 7 ปี ทั้ง ๆ ที่เราก็ทำงานท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองหน้าสิ่วหน้าขวานมาตลอด

นางสดศรี ยังกล่าวว่า หาก กกต. ยังถูกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์หรือทำตัวไม่เหมาะสมจนทำให้เกิดการโจมตี และฝ่ายต่าง ๆ เห็นว่า กกต. ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งต่อไปอาจมีการยุบ กกต. คืนอำนาจการเลือกตั้งสู่กระทรวงมหาดไทยก็เป็นได้

นางสดศรี ชี้ว่า การทำงานของ กกต. เป็นรูปแบบของคณะกรรมการ แม้ว่า กกต. จะแบ่งความรับผิดชอบในแต่ละด้าน แต่สุดท้ายก็ต้องมีการประชุมหารือเพื่อลงมติ ทั้ง 5 คนต้องทำงานกันเป็นทีม จะมาวันแมนโชว์ไม่ได้ เพราะหาก กกต. คนใดคนหนึ่งไปทำอะไรที่เสียหายต่อองค์กร กกต. ที่เหลือก็จะโดนไปด้วย ซึ่งในเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ตนเห็นแล้วเหนื่อยใจ เป็นกังวลว่าต่อไปอาจไม่มี กกต. เจ้าหน้าที่ กกต. เองก็บ่นว่าไม่ค่อยสบายใจ จากนี้ตนอยากเห็น กกต. ทั้ง 5 คนออกมาแถลงร่วมกันเพื่อแสดงความเป็นเอกภาพในการทำงาน เพราะประชาชนแยกไม่ออกแล้วว่าตอนนี้ใครเป็นประธาน กกต. และที่ผ่านมาเป็นการทำงานร่วมกันในนาม กกต. ทั้งหมดหรือไม่

สำหรับกรณีการเสนอเลื่อนเลือกตั้งนั้น นางสดศรีมองว่า รัฐบาลไม่มีอำนาจในการออกพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งใหม่ เพราะตามรัฐธรรมนูญมาตรา 181 ไม่ได้ให้อำนาจรัฐบาลรักษาการในการออกพระราชกฤษฎีกาได้ใหม่

ส่วนเรื่องข้อเสนอที่ กกต. อาจมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความในกรณีความขัดแย้งระหว่างองค์กร ระหว่าง กกต. กับรัฐบาลนั้น ตนเห็นว่าการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความในกรณีนี้ มันต้องเกิดข้อปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของ 2 องค์กร และในการเลือกตั้งครั้งนี้ รัฐบาลไม่ได้แย่งอำนาจมาจาก กกต. แต่อย่างใด เพราะรัฐบาลก็ยอมรับแล้วว่าหน้าที่ในการจัดเลือกตั้งเป็นอำนาจของ กกต.

ข้อมูลจากกระปุกดอทคอม