บช.ภ.1 แถลงผลยุทธการฟ้าสางที่วังน้อย นำกำลังและเฮลิคอปเตอร์ ปิดล้อมจับกุมเครือข่ายยาเสพติดภาคกลาง 23 ราย พร้อมยาบ้ากว่า 168,000 เม็ด

            เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2556 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองบังคับการสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 1 เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการ Task Force ยุทธการฟ้าสางที่วังน้อย ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดย พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 เปิดเผยว่า สามารถจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ 9 จังหวัด ได้ 23 คน แบ่งเป็นชายชาวพม่า 1 คน  ชาวไทย 22 คน โดยยึดของกลางเป็น ยาบ้า 168,000 เม็ด, ไอซ์ 940 กรัม, แท่นผลิตยาบ้า 1 แท่น รวมถึงอาวุธปืนพกสั้น 12 กระบอก, ปืนลูกซอง 2 กระบอก, ปืนเดี่ยวไรเฟิล 1 กระบอก รวม 15 กระบอก กระสุนขนาดต่าง ๆ 513 นัด พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้อายัดทรัพย์สินเป็นเงินสด 9,000 บาท บัญชีธนาคาร 41 บัญชี มียอดเงินกว่า 9,191,237 บาท รถยนต์ 7 คัน รถ จยย. 2 คัน บัตรกดเงินสด 37 ใบ และโทรศัพท์มือถือ 17 เครื่อง

            ทั้งนี้ สืบเนื่องจากมีการก่อเหตุใช้อาวุธปืนสงคราม (อาก้า) ยิงถล่มในพื้นที่ของ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งจากการสืบสวนพบว่า มีความเกี่ยวพันธ์กับขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแกะรอยมาตลอด จากนั้นก็เริ่มจับกุมทีละราย กระทั่งทราบว่ามีผู้ร่วมขบวนการจำนวนประมาณ 20 กว่าคน จึงตั้งชุดทำงานขึ้นมาโดยมีฝ่ายสืบสวนของ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นหลัก เดินหน้าสืบสวนจนทราบว่า เครือข่ายดังกล่าวมีความเกี่ยวโยงกันในหลายจังหวัด 

            โดยเป้าหมายก็เชื่อมโยงกันเป็นขั้นตอน เริ่มจากคนสั่งการใหญ่ในต่างประเทศเปิดบัญชี แล้วส่งมาให้คนสั่งการอีกคนหนึ่งซึ่งอยู่ในเรือนจำคลองไผ่ ตัวการในเรือนจำก็จะสั่งยาจากต้นทางแถว อ.แม่สอด และประเทศพม่า เข้ามาแจกจ่ายไปยังเครือข่ายในจังหวัดต่าง ๆ คนในเครือข่ายก็จะรับยาอีกต่อ แต่เป็นผู้ค้ารายใหญ่ทั้งสิ้น ซึ่งพวกนี้จะไม่เดินขายตามชุมชน แต่จะขายเป็นมัด ครั้งละ 3-5 มัด ก่อนที่จะกระจายยาเสพติดไปยังชุมชน

            ส่วนกระบวนการซื้อขายและส่งเงินนั้น จะใช้ผ่านระบบบัญชี โดยใช้ชื่อบัญชีของคนอื่นที่เปิดไว้ เราก็ต้องไปตรวจสอบธนาคารว่า มีการตรวจสอบเวลามีคนมาเปิดบัญชีหรือเอาเงินผ่านเข้าออกหรือไม่ ทั้งนี้ เครือข่ายดังกล่าวไม่จำเป็นต้องไปเบิกเงินที่ธนาคาร แต่ใช้วิธีถือบัตรกดเงินหรือเอทีเอ็ม โดยคนหนึ่งจะถือบัตรประมาณ 3 ใบ ส่วนการซื้อขายด้วยเงินสดก็อีกส่วนหนึ่ง

            เบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพเกี่ยวกับหน้าที่ที่ปฏิบัติในเครือข่าย เจ้าหน้าได้จึงได้ควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ยังมีคนในเครือข่าย 1 คน อยู่ระหว่างหลบหนี คือ นายคมศักดิ์ นาโควงค์ หรือ ป๋า ซึ่งเจ้าหน้าที่จะติดตามตัวต่อไป