จุฤทธิ์ ส.ส. ประชาธิปัตย์ ซัด รฟท. เจ๊งแสนล้าน จวก ไม่ดูแลด้านการบริการให้ดี ด้าน ผู้ว่าฯ รฟท. ลุกโต้ขาดทุนแสนล้านสำหรับองค์กรที่ตั้งมา 117 ปี ไม่มากเกินไป เผย ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาได้งบน้อยกว่าทางหลวงอื้อ เพราะรัฐบาลมุ่งเน้นปรับปรุงถนน ไม่ใช่ความผิดของ รฟท.  

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน คมนาคมขนส่งของประเทศ วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ในวาระที่ 2 วันที่ 19 กันยายน 2556 ตอนหนึ่งของการประชุม นาย จุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นกล่าวถึงการดำเนินงานของการรถไฟแห่ง ประเทศไทย (รฟท.) ว่า ที่ผ่านมา รฟท. ขาดทุนถึง 150,000 ล้านบาท และมีการทุจริต ทำให้การบริการไม่มีคุณภาพ ไม่ดูแลโครงสร้างทางรถไฟให้ได้มาตรฐาน

          จากนั้น นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ในฐานะ กมธ. จึงได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า ไม่ เป็นความจริง เพราะถ้ารถไฟไม่มีศักยภาพก็คงไม่สามารถดำเนินการมาได้นานขนาดนี้ พร้อมระบุว่า รฟท. เป็นองค์กรที่มีมานานกว่า 117 ปี การขาดทุน 1 แสนล้านจึงไม่ใช่สิ่งที่มากเกินไป เพราะก็มีบางองค์กรก็ขาดทุนแสนล้านทั้งที่ยังตั้งมาไม่กี่สิบปี

          อย่างไรก็ตาม นายประภัสร์ ยอมรับว่า การ รถไฟฯ ไม่ได้มีการปรับปรุงตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะทางสายเหนือ ที่ไม่เคยปรับปรุงพื้นทางมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ส่วนที่ปรับปรุงก็มีแค่เปลี่ยนหมอนรางรถไฟเมื่อปี พ.ศ. 2549 แต่ไม่ได้เปลี่ยนพื้นทาง ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการรถไฟฯ ได้รับงบประมาณมาดูแลระบบรางน้อยมาก โดยตั้งแต่ปี 2548-2557 การรถไฟฯ ได้งบประมาณเพียง 2.1 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ขณะที่กรมทางหลวงได้งบประมาณในการปรับปรุงถนนถึง 5 แสนล้านบาท จึงอยากให้เลิกโทษ รฟท. ได้แล้ว เพราะปัญหาเกิดจากนโยบายฝ่ายการเมือง

          จากนั้น สถานการณ์เริ่มตึงเครียดอีกครั้ง เมื่อ นายประภัสร์ ระบุด้วยว่า ขณะนี้ รฟท. กำลังจะดูเรื่องการเวนคืนที่ดินในพื้นที่ภาคใต้ จึงอยากให้ ส.ส. ในพื้นที่ช่วยลงไปดูด้วย ทำให้ นายจุฤทธิ์ ลุกขึ้นประท้วงว่าคำพูดดังกล่าวเป็นการกล่าวหาคนใต้ว่าบุกรุกที่ดินการรถไฟ และ ส.ส. ภาคใต้รู้เห็นเป็นใจ จึงอยากให้ถอนคำพูด ทำให้ นายประภัสร์ ลุกขึ้นชี้แจงอีกครั้งว่า ตนไม่ได้หมายความเช่นนั้น ที่พูดว่าอยากให้ ส.ส. ภาคใต้ไปช่วยดูหมายถึงอยากให้ ส.ส. ร่วมมือกัน เพราะเรื่องนี้เป็นผลประโยชน์ของประเทศชาติ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องถอนคำพูด

          ภายหลัง นายเจริญ จรรย์โกมล ประธานการประชุม ได้วินิจฉัยว่าสิ่งที่นายประภัสร์พูดไม่ใช่เรื่องเสียหาย พร้อมกับตัดบทให้ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายต่อไป