แหม่มอังกฤษเปิดใจถูกกักตัวคุม "เมอร์ส" ไทยดูแลดี สธ.จับตาอาการผู้ป่วยโอมาน เล็งประกาศไม่แพร่โรค
2015-06-30 15:05:00
Advertisement
คลิก!!!

สาวอังกฤษเปิดเผยสื่อนอก ระหว่างถูกกักตัวเฝ้าระวัง "เมอร์ส" ในไทยได้รับดูแลดี ผอ.รพ.หัวหินชี้ช่วยนักท่องเที่ยวมั่นใจระบบควบคุมโรคของไทย ด้านอธิบดี คร. เล็งหารือปรับมาตรการเฝ้าระวังผู้สัมผัสโรคเมอร์ส เผยรอผู้ป่วยเมอร์สอาการดีขึ้น ไม่เหนื่อยหอบ ตรวจไม่พบเชื้อ พร้อมประกาศไม่แพร่โรค
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ทยอยอนุญาตให้ผู้สัมผัสผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือ โรคเมอร์ส ที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งต้องกักตัวเฝ้าดูอาการอยู่ในโรงพยาบาลที่มีห้องแยกเชื้อ ให้ออกจากระบบการเฝ้าระวังโรค เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา จำนวน 20 คน มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2558 น.ส.ซู เคอรี นิวแมน อายุ 30 ปี ชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สัมผัสโรคเมอร์ส และต้องอยู่ในห้องแยกเพื่อเฝ้าระวังอาการ ที่ รพ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้เปิดเผยผ่านสื่ออังกฤษว่า ได้เดินทางมาจากประเทศอังกฤษ เพื่อตั้งใจมาเรียนมวยไทยที่หัวหิน 6 เดือน เพื่อกลับไปเปิดค่ายมวยที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งประเทศไทยถือว่ามีระบบเฝ้าระวังที่ดี และมีความรวดเร็วในการค้นหาตัวเธออย่างมาก ซึ่งระหว่างที่ได้รับการกักตัว ก็อยู่ในห้องแยกตลอดและได้รับการดูแลอย่างดี ระหว่างถูกกักโรคนั้น แรกๆ ก็เกิดความอึดอัด เพราะมีกล้องคอยจับตาอยู่ 24 ชั่วโมง แต่เจ้าหน้าที่ไทยได้ทำความเข้าใจให้ทราบถึงความเสี่ยงและความร้ายแรงของโรค ซึ่งทำให้ตนเข้าใจดีถึงความสำคัญในการเฝ้าระวังโรคในครั้งนี้
       
       นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า แม้จะได้รับการชื่นชมว่าไทยมีมาตรการควบคุมโรคที่ดี แต่ยังต้องมีการหารือเพื่อปรับปรุงมาตรการให้ดียิ่งขึ้นอีก อย่างเรื่องการเฝ้าระวังผู้สัมผัสผู้ป่วยโรคเมอร์ส เช่น ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดจากการเดินทางมาบนเครื่องบินลำเดียวกัน ก็จะมีการหารือกันว่าจะเฝ้าระวังมากน้อยแค่ไหน เพราะการจะนำตัวเข้าโรงพยาบาลนั้นไม่ง่าย อาจมีการพิจารณาว่าไม่ต้องอยู่ในโรงพยาบาลหรือไม่ หรือหากต้องอยู่จะให้อยู่ที่ไหนที่มีความพร้อมและสะดวก
       
       นพ.โสภณ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าในการดูแลผู้ป่วยโรคเมอร์สชาวโอมานนั้น ได้ให้กรรมการแพทย์ที่ทำการรักษาวางแผนการกำหนดว่าจะให้ผู้ป่วยออกจากห้องแยกโรคความดันลบและโรงพยาบาลได้เมื่อไร เพื่อบ่งบอกว่าผู้ป่วยรายดังกล่าวจะไม่มีการแพร่โรคแล้ว ซึ่งหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคือ ผู้ป่วยจะต้องไม่มีอาการ และผลตรวจเชื้อในห้องปฏิบัติการเป็นลบ ซึ่งแม้ผลการตรวจเชื้อทางห้องปฏิบัติครั้งล่าสุดของผู้ป่วยรายดังกล่าวจะเป็นลบ แต่ยังไม่ได้มีการพิจารณาให้ออกจากห้องแยกโรค เพราะยังมีโรคประจำตัวคือ โรคหัวใจ ยังมีอาการเหนื่อยหอบ เดินเองได้ยังไม่คล่องต้องมีคนช่วยพยุง จึงอยากให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้นกว่านี้อีก จึงจะพิจารณาอนุญาตในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ เมื่อประกาศว่าผู้ป่วยไม่แพร่โรคแล้ว จะต้องเฝ้าระวังไปอีก 28 วัน จึงจะประกาศได้ชัดเจนว่า ประเทศไทยปลอดจากโรคเมอร์สแล้ว สำหรับผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่ยังต้องเฝ้าระวังอีก 16 รายที่เหลือ คือ ญาติ 3 ราย และบุคลากร รพ.เอกชนอีก 13 ราย จะพ้นการเฝ้าระวังวันที่ 2 ก.ค.นี้
       
       นพ.นิรันดร์ จันทร์ตระกูล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวหิน กล่าวว่า หลังจากได้รับแจ้งจาก คร.ว่ามีผู้สัมผัสผู้ป่วยโรคเมอร์สในพื้นที่ ก็รีบดำเนินการตามหาตัวหญิงชาวอังกฤษรายดังกล่าว ซึ่งหลังจากพบตัวแล้วก็เข้าไปขอให้มาอยู่โรงพยาบาลเพื่อเฝ้าระวังอาการอย่างสุภาพ และอธิบายให้เข้าใจถึงความจำเป็นในการควบคุมโรค ซึ่งหญิงรายดังกล่าวก็มีความสุภาพมาก และเข้าใจกระบวนการควบคุมโรคของไทยเป้นอย่างดี จึงให้ความร่วมมือ ในการจำกัดบริเวณให้อยู่แต่ในโรงพยาบาล ซึ่งระหว่างที่อยู่ห้องแยกในโรงพยาบาลก็พบว่าไม่ได้มีอาการไข้ และผลตรวจเลือดก็ไม่พบสารภูมิคุ้มกันต่อเชื้อดังกล่าว อาจเป็นเพราะหญิงรายดังกล่าวตั้งใจมาเรียนมวยไทยที่ประเทศไทย ถือว่าเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว นอกจากนี้ ระหว่างอยู่ที่โรงพยาบาลก็ไม่ได้มีความรู้สึกเครียดแต่อย่างใด เขาก็รู้สึกดีที่บุคลากรให้การดูแลเอาใจใส่อย่างดี ซึ่งจากการที่หญิงชาวอังกฤษรายนี้ได้เปิดเผยเรื่องราวระหว่างถูกกักตัว ตามกระบวนการควบคุมโรคได้รับการปฏิบัติอย่างไร ตรงนี้จะช่วยให้คนต่างชาติที่จะมาเที่ยวประเทศไทยมีความมั่นใจในระบบควบคุมโรคของไทย

 
ขอขอบคุณที่มา  http://www.manager.co.th/
 
 
.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X