บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ร่วมกับบริษัทสิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด นำเสนอภาพยนตร์ในโครงการ "คีตราชนิพนธ์ บทเพลงในดวงใจราษฎร์"จาก 4 บทเพลงพระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สู่ 4 ภาพยนตร์สะท้อนภาพชีวิตต่างวัย โดย 4 ผู้กำกับชั้นแนวหน้าของเมืองไทย อุ๋ย-นนทรีย์ นิมิบุตร (เรื่องThe Singers), นัก-วัลลภ ประสพผล (เรื่องอมยิ้ม), โอ๋-ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ (เรื่องฝนตกที่ห้วยขาแข้ง) และ สิน-ยงยุทธ ทองกองทุน (เรื่องดาว)

   อุ้ย-นนทรีย์ นิมิบุตร ผู้กำกับชื่อดังเผยว่า ชีวิตผมผูกพันกับบทเพลงพระราชนิพนธ์ "ชะตาชีวิต" มาตั้งแต่เด็ก ด้วยเพราะคุณลุงให้ร้องเพลงนี้ตามร้านอาหารตั้งแต่ 10ขวบ  เมื่อได้รับการติดต่อให้ทำหนังที่ได้แรงบันดาลใจจากเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมเลือกเพลงนี้ทันที ความรู้สึกในตอนนั้นผมอยากทำหนังคนสูงอายุ พูดถึงคนสูงอายุอย่างมีคุณค่า เพราะว่าวันหนึ่งผมก็จะกลายเป็นคนสูงอายุที่มีรูปขาว ดำ มีหยากไย้เกาะอยู่ตามฝาบ้าน  จากไอเดียข่าวที่อ่านตามหน้าหนังสือพิมพ์ ข่าวคุณป้าเก็บแผ่นเพลงจากกองขยะไปขายแล้วถูกปรับ เรื่องลิขสิทธิ์สองแสน กับข่าวคุณป้าหนีออกจากบ้าน มาผนวกเป็นเรื่องเดียวกันใน "The Singers" โดยมีนักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมือ คุณนีรนุช ปัทมสูต และคุณวาสนา ชลากร มารับบท 2 ป้าที่มีฐานะแตกต่างกัน แต่เมื่อมาเจอกันต่างเติมเต็มความรู้สึกซึ่งกันและกัน และเมื่อชีวิตพลิกผันเธอก็ฝ่าฟันอุปสรรคนั้นด้วยเสียงเพลง

    นัก-วัลลภ ประสพผล จากผู้กำกับโฆษณาชื่อดัง สู่การกำกับหนังครั้งแรกในชีวิต ที่เจ้าตัวเปิดใจภูมิใจที่สุดในชีวิต เพราะหนังเรื่องแรกคือหนังที่นำบทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บทเพลงพระราชนิพนธ์ "ยิ้มสู้" ซึ่งเป็นเพลงที่ให้กำลังใจและตอบคำถามการใช้ชีวิตได้อย่างงดงาม เพราะชีวิตเราทุกคนล้วนมีปัญหา แต่ถ้าเรายิ้มสู้ยิ้มรับกับปัญหา สักวันเราจะผ่านมันไปได้ แต่คนเราทุกวันนี้ไม่ค่อยยิ้ม ให้ตัวเอง ไม่ค่อยยิ้มให้กัน เรามักจะใส่อารมณ์ต่อกัน โดยเฉพาะผ่านทางโซเชียลมีเดีย ผมเลยคิดว่า อยากทำให้หนังเรื่อง "อมยิ้ม" สื่อสารผ่านวัยรุ่น จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเด็กผู้ชายคนหนึ่งเขาไม่สามารถแสดงความรู้สึกผ่านสีหน้าได้ ไม่ว่าจะยิ้ม หัวเราะ หรือร้องไห้ แต่เราที่ยิ้มได้ หัวเราะได้ ทำไมเรากลับไม่ทำ ไม่ยิ้มให้กัน

    โอ๋-ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ ผู้กำกับหนังที่คิดฝันว่าสักวันจะนำเอาชีวิต สืบ นาคะเสถียรมาทำเป็นหนังใหญ่ ด้วยความรู้สึกที่ว่า ประเทศเราขาดฮีโร่ ขาดแรงบันดาลใจ ขาดคนที่เสียสละชีวิตเพื่อส่วนร่วม ทันทีที่ได้รับการทาบทามให้มา ทำหนังในโครงการ คีตราชนิพนธ์ บทเพลงในดวงใจราษฎร์ เมื่อเขาได้ฟังเพลงพระราชนิพนธ์ "สายฝน" ภาพคุณสืบ นาคะเสถียร และผืนป่าก็ผุดขึ้นมาในหัว "ตั้งแต่ผมเกิดมา ผมก็เห็นภาพพระเจ้าอยู่หัวทรงงานมาโดยตลอด ท่านคือแบบอย่างของการเสียสละเพื่อส่วนร่วม นอกจากพระองค์ท่านแล้ว ผมก็นึกถึงแต่คุณสืบ นาคะเสถียร เพราะเป็นเรื่องที่ผมฝั่งใจมาตั้งแต่เด็กๆ จำได้ว่าที่โรงเรียนเปิดวิดีโอให้ดู ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งกระโดดลงจากเรือไปช่วยชีวิตกวาง เป็นภาพที่ผมติดตามาจนทุกวันนี้ พอได้มาอ่านเรื่องราวชีวิตของเขา ผมรู้สึกว่าเขาเสียสละชีวิตเพื่อแลกกับการรักษาป่าเอาไว้ จนตอนหลังยูเนสโก้ได้ประกาศให้ห้วยขาแข้งเป็นมรดกโลก ความรู้สึกนี้คือแรงบัน ดาลใจทำให้เกิดหนังสั้นเรื่อง "ฝนตกที่ห้วยขาแข้ง" เรื่องจริงของสืบ นาคะเสถียร ผู้เสียสละชีวิต เพื่อรักษาผืนป่า นำแสดงโดย นพชัย ชัยนาม หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์ป่าห้วยขาแข้ง นักสู้ผู้อุทิศชีวิตเพื่อผืนป่าเมืองไทย ในช่วงสี่ปีสุดท้ายเขามุ่งมั่นและต่อสู้เพื่อยุติการตัดไม้ทำลายป่าและล่าสัตว์อย่างไม่เกรงกลัวต่อกฏหมาย สืบยืนหยัดต่อกรกับอิทธิพลมืด และหัวใจที่จะไม่ยอมให้ผืนป่าของเมืองไทยต้องหมดสิ้นไปเพราะความโลภและเห็นแก่ตัว"

    สิน-ยงยุทธ ทองกองทุน ผู้กำกับอารมณ์ดี ซึ่งในครั้งนี้เขาได้นำ บทเพลงพระราชนิพนธ์ "ความฝันอันสูงสุด" มานำเสนอในบริบทใหม่ เขาตั้งข้อสงสัยว่า ความฝันอันสูงสุดในมุมของเด็กๆ จะเป็นอย่างไร เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่จำความได้ เพลงนี้มักจะถูกนำมาใช้ในบริบทเรื่องราวของผู้ใหญ่ ถ้าเราตีความเพลงความฝันอันสูงสุดในมุมใหม่แล้วถ่ายทอดออกมาเป็นเรื่องราวสนุกๆ แต่เต็มไปด้วยความใสซื่อและจริงใจ ตรงไปตรงมาแบบเด็กๆ น่าจะเป็นความภูมิใจอย่างชนิดที่เรียกได้ว่าเป็นความภูมิใจอันสูงสุดได้เช่นกัน และเพลงนี้เป็นแรงบันดาลใจทำให้อยากทำหนังเรื่อง "ดาว" เรื่องราวของเด็กชายหนึ่ง ที่ต้องการอยากเป็นคนเชิญธงชาติ เพราะการออกไปเชิญธงชาติของโรงเรียนเป็นความฝันอันสูงสุดของนักเรียนทุกคน และหนังเรื่องนี้ก็คือความฝันอันสูงสุดของผมเช่นกัน ที่ได้นำบทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาทำเป็นหนัง

                ภาพยนตร์ในโครงการ "คีตราชนิพนธ์ บทเพลงในดวงใจราษฎร์" ฉายให้ชมฟรี 7-10 พ.ค.นี้ เฉพาะโรงภาพยนตร์ในเครือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ติดตามรายละเอียดและรับบัตรฟรีได้ที่ www.คีตราชนิพนธ์.com

http://www.siamdara.com