ในขณะที่หลายๆ ค่ายเพลงนั้น พยายามที่จะทำให้ตัวเองแตกต่างออกไปจากค่ายเพลงอื่นๆ แต่สำหรับค่ายเพลง SM ได้ตัดสินใจที่จะใช้กลยุทธ์ในแบบที่ไม่ซ้ำใครของพวกเขากัน

จากความนิยมของวงไอดอลกรุ๊ปที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น ค่ายเพลงต่างๆ ก็พยายามสร้างและฝึกเด็กในสังกัดให้พร้อมสำหรับการแข่งขันที่ดุเดือดมากยิ่งขึ้น และเพื่อที่จะทำให้ค่ายเพลงของตัวเองดูออกมาโดดเด่นกว่าค่ายอื่นๆ นั้น แต่ละค่ายเพลงก็ต่างค้นพบแนวทางและของดีของตัวเอง ในตอนที่สร้างวงไอดอลกรุ๊ปที่แข็งแกร่งกันขึ้นมา

ขณะที่ค่ายเพลง YG และ JYP Entertainment นั้น จะทำการจ้างผู้เชี่ยวชาญในวงการเพลงจากภายในประเทศของตัวเอง ซึ่งตรงกันข้ามกับค่ายเพลง SM ที่เลือกจะทำการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ จากในต่างประเทศ ซึ่งก็ทำให้ศิลปินในสังกัดของพวกเขามีเอกลักษณ์ที่แตกต่างทั้งในเรื่องของดนตรี ท่าเต้น และคอนเซ็ปต์อัลบั้ม

วง Shinee เป็นวงเกาหลีวงแรกที่ใช้นักเต้นจากต่างประเทศมาร่วมงานเพลงของพวกเขา

SM Entertainment ได้ทำการจ้างโปรดิวเซอร์และนักแต่งเพลงชาวต่างชาติหลายๆ คน มาช่วยพวกเขาสร้างแนวดนตรีเคป็อปที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยทีมโปรดิวเซอร์จากต่างชาติที่เคยได้ร่วมงานกับทางค่ายเพลง SM กันมาแล้วนั้นก็มี อาทิเช่น Teddy Riley, London Noise และ Divine Music

ตัวอย่างแรกที่เห็นได้ชัดในเรื่องการจ้างทีมงานจากต่างประเทศก็คือในช่วงปลายปี 2000 ซึ่งวง SHINee, f(x), Girls’ Generation และ TVXQ ต่างนำสไตล์ที่แตกต่างกันของเพลงป็อปเกาหลีและเพลงป็อปยุโรปมาผสมเข้ากันไว้ได้อย่างลงตัว ส่วนเพลงไตเติ้ลนั้นก็ได้รับการแต่งขึ้นโดยนักแต่งเพลงชาวต่างชาติเช่นเดียวกัน

หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ได้มีการจ้างโปรดิวเซอร์และนักแต่งเพลงชาวต่างชาติให้มาร่วมงานกับทาง SM นั้น ก็เพื่อที่จะเปิดทางเข้าสู่ตลาดเพลงในต่างประเทศนั่นเอง การจ้างงานผู้เชี่ยวชาญทางด้านดนตรีจากต่างชาตินั้น ทำให้ SM สามารถเข้าใจถึงเทรนด์ในปัจจุบันของวงการเพลง ซึ่งจะทำให้ผลงานเพลงของพวกเขานั้นดูน่าสนใจจากผู้ฟังชาวต่างชาติกันมากยิ่งขึ้นไปอีก

วง BTS ได้รับความนิยมอย่างมากในต่างประเทศ เนื่องจากผลงานเพลงของพวกเขาได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ฟังทั่วโลก

จากการที่ค่ายเพลง SM นั้นร่วมงานกับนักแต่งเพลงชาวต่างชาติ ด้านของค่ายเพลงระดับกลาง อาทิ Big Hit Entertainment, Jellyfish Entertainment และ WM Entertainment ก็ได้ลองทำตามวิธีการของ SM และนำมาปรับใช้งานกับวงไอดอลกรุ๊ปของค่ายพวกเขากัน

ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือ ทำให้เกิดวงไอดอลกรุ๊ปชื่อดังอย่างวง BTS (Big Hit) ผู้ซึ่งมีฐานแฟนคลับชาวต่างชาติจำนวนมากในตอนนี้ วง VIXX (Jellyfish) ที่เพลงและคอนเซ็ปต์อัลบั้มของพวกเขานั้น แตกต่างกันออกไปในทุกๆ ครั้งที่ปล่อยผลงานออกมา และวง Oh My Girl (WM) ที่มินิอัลบั้มชุดแรก ชุดสอง และชุดที่สาม ต่างแต่งเพลงขึ้นโดยนักแต่งเพลงชาวต่างชาติด้วยกันทั้งสิ้น

วง f(x) ปล่อยผลงานเพลงซิ้งเกิ้ล “Electric Shock” ในปี 2012 ซึ่งได้รับการแต่งเนื้อร้องและเรียบเรียงโดยโปรดิวเซอร์ชาวต่างชาติ

ในขณะเดียวกันที่เกาหลีใต้ก็ยังมีนักแต่งเพลงที่ทำผลงานออกมายอดเยี่ยมอยู่เช่นกัน อาทิ ชินฮยอก (Shin Hyuk), เคนจี (Kenzie), ไรอัน เอส. เจฮุน (Ryan S. Jhun) ซึ่งพวกเขาเหล่านี้จะทำการแต่งเพลงอื่นๆ ที่มีอยู่ในอัลบั้มนั้นๆ ในขณะที่เพลงที่แต่งขึ้นโดยนักแต่งเพลงชาวต่างชาติ จะถูกนำมาใช้เป็นเพลงไตเติ้ลหลักของอัลบั้มนั่นเอง

อย่างไรก็ดี SM ก็แสดงให้เห็นอีกเช่นกันว่า การทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญชาวต่างชาตินั้น ไม่ได้เป็นสิ่งที่จะมาการันตีได้ว่าจะประสบความสำเร็จเสมอไป หากศิลปินดูไม่เข้ากับผลงานเพลงที่เขียนออกมาให้กับพวกเขา มันก็สามารถกลายเป็นผลงานที่ล้มเหลวได้เช่นกัน

ตามคำบอกเล่าของคนวงในกล่าวว่า SM Entertainment ต่างเผชิญหน้ากับปัญหานับครั้งไม่ถ้วน ที่ผู้เชี่ยวชาญจากต่างชาติไม่ค่อยที่จะลงรอยกับศิลปินในสังกัด และสิ่งนี้ก็ทำให้พวกเขาสูญเสียเงินไปเปล่าๆ หลายต่อหลายครั้งด้วยกัน

วง Oh My Girl เป็นอีกหนึ่งวงที่ประสบความสำเร็จ จากการใช้งานโปรดิวเซอร์ชาวต่างชาติ

ผลงานเพลงส่วนใหญ่ของค่าย YG นั้น จะได้รับอิทธิพลมาจากโปรดิวเซอร์อย่างเท็ดดี้ (Teddy) ในขณะที่ค่าย JYP ก็ได้พัคจินยอง (Jin Young Park) เป็นผู้นำในการสร้างสรรค์ผลงานเพลงออกมาด้วยตัวของเขาเอง แต่กลยุทธ์ในการทำงานที่แตกต่างกันไปนั้น ก็ทำให้พวกเขาต่างสร้างผลงานเพลงที่ออกมาเป็นสไตล์ในแบบเฉพาะตัวของแต่ละค่ายเพลง เช่นเดียวกันกับแนวเพลงที่แตกต่างกัน ก็ทำให้ผลงานเพลงของพวกเขาได้รับความชื่นชอบในวงกว้างจากนักฟังเพลงทั่วโลก

ที่มา : http://www.koreaboo.com

แปลโดย : http://www.popcornfor2.com