เอเอฟพีรายงานเมื่อ 24 มิ.ย. ว่า จากกรณีนายคาห์เลด ชาร์รูฟ นักรบกองกำลังรัฐอิสลาม หรือไอเอส ชาวออสเตรเลีย ผู้เคยตกเป็นข่าวช็อกไปทั่วโลกจากการโพสต์ภาพลูกชายตัวเล็กถือศีรษะชายชาวซีเรียที่ถูกไอเอสฆ่าตัดคอโดยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้าน เสียชีวิตจากเหตุอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ยิงถล่มในเมืองโมซุล ทางตอนเหนือของอิรัก เมื่อต้นสัปดาห์นี้ พร้อมนายโมฮาเหม็ด เอโลมาร์ เพื่อนสนิทที่เป็นชาวออสเตรเลียด้วยกัน ทำให้นางคาเรน เน็ตเทิลตัน แม่ยายของผู้ตาย เปิดแถลงด้วยอาการทุกข์ใจ อ้อนวอนให้รัฐบาลช่วยลูกสาวและหลานอีก 5 คนของตนจากแดนสมรภูมิด้วย

 นางเน็ตเทิลตันกล่าวว่า การตายของนายชาร์รูฟ และนายเอโลมาร์ ย่อมทำให้ลูกสาวและหลานของตนต้องการความรักและการดูแลจากครอบครัวมากขึ้นเพื่อฟื้นฟูความบอบช้ำทางจิตใจและความหวาดกลัวจากประสบการณ์ทางสงครามที่ได้รับ ลูกสาวและหลานของตนไม่เหมือนกับผู้อพยพคนอื่นๆ ในอิรักและซีเรีย เพราะมีบ้านให้กลับ แม้ลูกสาวจะทำผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิต แต่ตอนนี้อยู่ในฐานะแม่ดูแลลูกอีก 5 คนเพียงลำพังในต่างแดน จึงขอให้นายโทนี่ แอ๊บบอต นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ช่วยนำลูกสาวและหลานกลับบ้านด้วย

 ด้านนายกฯ แอ๊บบอตกล่าวว่า นักรบไอเอสสัญชาติออสเตรเลียทั้ง 2 คนคงเสียชีวิตแล้วจริง หากภรรยาและลูกๆ ทั้ง 5 คนของผู้ตายจะกลับมาใช้ชีวิตในออสเตรเลีย ทางการจำเป็นต้องดำเนินคดีในข้อหาเข้าร่วมกลุ่มก่อการร้ายซึ่งต่อต้านออสเตรเลียโดยจะพิจารณาตามอายุ 

 ทั้งนี้ นายชาร์รูฟเคยต้องโทษจำคุกจากคดีวางแผนก่อการร้ายในออสเตรเลียเมื่อปี 2552 ก่อนจะย้ายครอบครัวไปซีเรียตามคำชักชวนของนายเอโลมาร์ เพื่อเข้าร่วมกับไอเอสในปี 2556 ขณะที่ลูกสาวของนายชาร์รูฟแต่งงานกับนายเอโลมาร์ เมื่อเดือนมี.ค.ปีนี้ ขณะที่เด็กหญิงอายุเพียง 13 ปี เด็กหญิงเปิดเผยว่าพ่อและสามีเสียชีวิตจากเหตุการณ์โดรนของฝ่ายสหรัฐอเมริกาถล่มเมืองโมซุล

ขอขอบคุณที่มา  ข่าวสดออนไลน์