|
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 22 ก.ย.ว่า สถานีโทรทัศน์เยอรมนีได้จัดทำสารคดีชื่อว่า "นักชิมอาหารของฮิตเล่อร์" เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยมีการเปิดโฉมเหยื่อหญิงรายหนึ่ง ซึ่งมีชื่อว่า นางมาร์ก๊อต โว้ก หญิงชาวเยอรมนีวัย 96 ปี ซึ่งเธอถือเป็นสมาชิกรายสุดท้ายของหน่วยชิมอาหารให้ผู้นำนาซีที่รอดชีวิตมาถึงทุกวันนี้
โดยนางมาร์ก๊อตเผยว่า เธอต้องทำหน้าที่คอย "ชิมอาหาร" เพื่อป้องกันการลอบวางยาพิษเพื่อสังหารฮิตเล่อร์ และเธอต้องร้องไห้ทุกครั้งที่ต้องทำหน้าที่นี้ เพราะกลัวทุกครั้งว่าตัวเองจะต้องตายหากมีการวางยาพิษเกิดขึ้น และผู้นำนาซีจะกินอาหารหลังจากเธอชิมเสร็จแล้ว โดยฮิตเล่อร์ได้ปฎิเสธที่จะกินเนื้อ แต่ชอบกินเมนูข้าว บะหมี่ พริกไท ถั่ว และกระหล่ำดอก
นางมาร์ก๊อตเล่าว่า เธอจำเป็นต้องทิ้งบ้านในกรุงเบอร์ลินหลังจากเครื่องบินกองทัพอังกฤษได้ทิ้งระเบิดถล่มที่พักของเธอ และเธอได้มาถึงเมืองกรอส พาร์สัช ซึ่งปัจจุบันอยู่ในโปแลนด์ เมื่อปี 1940 แต่เธอไม่รู้ว่าที่พักของเธออยู่ใกล้กับสำนักงานใหญ่ของกองทัพนาซีในเมืองราสเต็นเบิร์ก ซึ่งเป็นเมืองที่ฮิตเล่อร์ได้ตั้งสำนักงานใหญ่ของกองทัพนาซี ในภูมิภาคตะวันออก ก่อนที่เธอจะถูกกลุ่มเอสเอสบังคับให้เข้าร่วมเป็นหน่วยชิมอาหารของผู้นำนาซี โดยกลุ่มเอสเอส จะนำอาหารของฮิตเล่อร์ มาให้เธอชิมในทุกวัน ก่อนที่ฮิตเล่อร์จะกินอาหารดังกล่าว
คุณย่าอดีตผู้ชิมอาหารของผู้นำนาซีบอกว่า เธอต้องทำหน้าที่เป็นนักชิมอาหารให้ฮิตเล่อร์เป็นเวลาสองปี ซึ่งเธอได้ถูกกลุ่มเอสเอส เรียกให้ขึ้นรถและพาไปยังบ้านแห่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป ซึ่งมีหญิงสาวเยอรมันล้วน 14 ราย ถูกเกณฑ์เป็นหน่วยชิมอาหารของฮิตเล่อร์
ขณะที่เธอจะมีหน้าที่ชิมอาหารมื้อเที่ยงของเขา เหตุการณ์นี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็น "หนูทดลอง" แต่เธอก็ไม่สามารถขัดขืนคำสั่งของหน่วยเอสเอสได้ โดยเธอและหญิงสาวในหน่วยชิมอาหารคนอื่น ๆ จะถูกสั่งให้นั่งบนเก้าอี้ที่มีโต๊ะขนาดใหญ่ เพื่อให้พวกเธอแต่ละคนชิมอาหารที่จะเสิร์ฟให้ฮิตเล่อร์ในแต่ละวัน และว่า ส่วนใหญ่ฮิตเล่อร์จะนิยมกินผักอย่างหน่อไม้ฝรั่ง ซึ่งรสชาติของผักก็สดมาก ทำให้หลายครั้งเธอคิดว่า มันอาจถูกวางยาพิษเอาไว้
อย่างไรก็ตาม หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เธอได้ใช้ชีวิตกับญาติของเธอ แต่ความหวาดผวาต่อฮิตเล่อร์ก็ยังมีถึงปัจจุบันนี้ "นี่คือชีวิตของฉัน ห้าวันต่อหนึ่งอาทิตย์ ฉันไม่เคยได้พบฮิตเล่อร์ แต่ฉันเคยเห็นเขาในไร่แห่งหนึ่งใกล้บ้านที่เขาเล่นกับสุนัขของเขา" คุณย่ามาร์ก๊อตกล่าว
ที่มา มติชนออนไลน์