ณภัทร ใจเที่ยงธรรม ผู้กำกับ Love’s Coming เล่าที่มาหนัง แรงบันดาลใจ กระแสวาย ฉากขาย หนังเกย์ที่ชอบ
2014-02-27 00:29:10
Advertisement
คลิก!!!

หลังจาก “พี่ชาย” (My Bromance) แล้ว หนังวายที่เข้าฉายต่อกันในสัปดาห์ต่อไปก็คือ “Love’s Coming ใช่รักหรือเปล่า” ที่จะออกฉาย 27 กุมภาพันธ์นี้ และเราก็ได้ให้จ็อบ ณภัทร ใจเที่ยงธรรม ผู้กำกับของหนังเล่าให้ฟังผ่านอีเมลเกี่ยวกับแรงบันดาลใจและที่มาของหนังเรื่องนี้ว่าเริ่มต้นได้ยังไง และขั้นตอนการทำงานเช่นการคัดเลือกนักแสดงครับ

เรายังได้ถามถึงการที่หนังเล่นกับกระแสวาย หรือเรื่องราวชายรักชายด้วย เกี่ยวกับมุมมองทางตลาดของหนังประเภทนี้อันเป็นเหตุผลหนึ่งในการเลือกทำหนังเรื่องนี้ครับ

ณภัทรยังได้เล่าถึงหนังที่เขาใช้อ้างอิงสำหรับการทำหนังเรื่องนี้ด้วย ซึ่งมาจากงานของทรงยศ สุขมากอนันต์ เป็นส่วนใหญ่ ที่เขามองว่า “มันดูวัยรุ่นจริงๆและเข้าใจวัยรุ่นได้ดี” และเรายังได้ถามถึงหนังชายรักชายที่ผู้กำกับชอบด้วย

ทั้งหมดน่าจะเป็นข้อมูลที่ดีในการเตรียมตัวก่อนดู “Love’s Coming ใช่รักหรือเปล่า” สุดสัปดาห์นี้ครับ คลิกอ่านทั้งหมดด้านใน

ถาม: เริ่มต้นโครงการหนังเรื่องนี้ยังไงครับ มีเรื่องอยู่ก่อนแล้ว แล้วเอาไปเสนอบริษัทหนัง มั่งมีโปรดักชั่น หรือมีการวางแนวคิดร่วมกันตั้งแต่แรกครับ และใช้เวลาในการพัฒนาบทและโครงการหนังนานไหมครับ

เริ่มจากได้รู้จักกับบอล (วิธวัฒน์ สิงห์ลำพอง) ผ่านเพื่อน เลยเล่าให้บอลฟังถึงความน่าสนใจในการทำหนังอินดี้เกย์ฉายจำกัดโรง เลยคุยเรื่องพล็อตเรื่องและชวนกันทำ ใช้เวลาทำบทเพียงแค่ 1 เดือน สวนขั้นตอนการทำงานทั้งหมดก็ราวๆ 4 เดือนครับ

ถาม: “กระสายวาย” ซึ่งเป็นเรื่องราวทำนองว่าผู้ชายรักกันแบบกุ๊กกิ๊กน่ารัก ซึ้งๆ โรแมนติก กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากตอนนี้ในหมู่วัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้น โดยเฉพาะกับสาวๆ และผู้ชายที่เป็นรักร่วมเพศ และตลาดกลุ่มนี้ก็ดูเหมือนจะวิ่งเข้าหาทุกสื่อที่มีเรื่องราวทำนองนี้ ประเด็นนี้อยู่ในปัจจัยหนึ่งไหมครับตอนคิดโครงการหนังหรือบทหนังขึ้นมา และไม่ว่าถ้าคิดหรือไม่คิดก็ตาม คิดว่าหนังเรื่องนี้จะสนองตอบต่อตลาดกลุ่มนี้ยังไงบ้างครับ

ประเด็นกระแสวายเป็นหนึ่งปัจจัยในการที่เลือกทำหนังแนวนี้ เพราะมองเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อและบอกต่อได้มาก ส่วนจะตอบสนองตอบได้ไหมผมคิดว่าหนังเราสนองตอบกลุ่มเป้าหมายกลุ่มนี้เต็มๆ เพราะทุกฉากทุกซีนที่ขึ้นมาอาจทำให้ถึงขนาดนั่งจิกหมอน หรือเผลอร้องออกมาได้เลยครับ

ถาม: หลังจากที่คุณณภัทรรู้แล้วว่าได้ทำหนังเรื่องนี้แล้ว หรือมีเรื่องที่คิดว่าอยากจะทำแล้ว สานต่อความคิดออกไปยังไงครับ เช่นอารมณ์หนังควรออกมาเป็นเบาสมองไหม ตัวละครควรหน้าตาประมาณไหนดี ควรมีฉากไหนเป็นฉากขายพิเศษไหม ทำไมถึงเลือกให้เป็นแบบนั้นครับ

หลังจากพูดคุยกับบอลและเพื่อนๆแล้วว่าจะทำหนังเรื่องนี้ ผมก็เริ่มเขียนบทขึ้นมาเป็นโครงและให้เพื่อนๆ 6 คนในกลุ่มที่จัดตั่งบริษัทขึ้นมาด้วยกันและทำเรื่องนี้ด้วยกันเป็นคนช่วยเสนอแนะและออกความคิดเห็นในส่วนของบท และจุดประสงค์หลักเลยคือทำหนังสนุกๆ ไม่เครียด ดูแล้วยิ้ม เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนดูในปัจจุบันนี้ ส่วนหน้าตานักแสดงเราก็จะมีRef.คร่าวๆ และก็ทำการCastจนได้ใกล้เคียงกับที่เราว่างไว้ที่สุด ส่วนฉากขายพิเศษในหนังจะมีเยอะมาก ฉากขายพิเศษคือฉากที่ตัวนายเอกสะอึกและอีกคนต้องหาทางช่วยซึ่งเป็นฉากที่ถ้าในชีวิตจริงเราสามารถเอามาล้อหรือนึกถึงฉากๆนี้ได้ตลอดเวลา

ถาม: ทำไมเลือกให้ตัวละครเป็นเด็กนักเรียนกางเกงสีน้ำเงินครับ คิดว่าลักษณะแบบนี้ของตัวละครเหมาะสมกับเรื่องราวที่อยากเล่ายังไงบ้างครับ

ที่เลือกเป็นเด็กนักเรียนเพราะมองว่าหนังเด็กนักเรียนยังขายได้และคนที่จะทำออกมามีไม่เยอะ และมันก็เป็นวัยที่เราเองเพิ่งผ่านมาไม่นาน กับเรื่องคิดว่าเหมาะสมเพราะถ้าโตไปกว่านี้เรื่องราวที่เราจะเล่ามันจะไปคนละเรื่องคนละทิศทางกันเลย

ถาม: มีแรงบันดาลใจในการสร้างเรื่องราวของหนังเรื่องนี้ขึ้นมาครับ มาจากประสบการณ์ส่วนตัวหรือจากคนใกล้ตัวบ้างไหม และมี reference อะไรเอามาใช้ในการช่วยสร้างฉากต่างๆ ในหนังไหมครับ

มาจากการที่เป็นคนชอบดูหนังเกย์ ดูเยอะมาก บวกกับประสบการณ์สวนตัวที่นำเอามาเล่าในหนังด้วย ร่วมถึงประสบการณ์ของเพื่อนๆในกลุ่มที่มาร่วมแชร์กัน ส่วนRef.ในหนังเราอาศัยดูงานจากพี่ย้ง (ทรงยศ สุขมากอนันต์) ครับ อาทิ ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น Suck seed ห่วยขั้นเทพ (ของชยนพ บุญประกอบ) โดยส่วนตัวชอบงานหนังวัยรุ่นที่พี่ย้งทำเพราะมันดูวัยรุ่นจริงๆ และเข้าใจวัยรุ่นได้ดี

ถาม: เนื้อเรื่องของหนังพูดถึงแก๊งเพื่อน 3 คน ซี (กร คุณาธิปอภิสิริ), ปี๊ด(ชานน สันตินธรกุล) และอาร์ม (สุรพัศ คีรีวิเชียร) ที่อยากจับให้ได้ว่า กั๊ม (สุรุพัศ คีรีวิเชียร) เพื่อนในกลุ่มอีกคน เป็นเกย์รึเปล่า และชอบไนท์ (นรภัทร สกุลซ้ง) รึเปล่า ขณะที่กั๊มเองก็สับสนตัวเอง ดูเหมือนเนื้อเรื่องของหนังจะมี 2 ส่วน คือส่วนมิตรภาพระหว่างเพื่อนที่อาจรู้ว่าเพื่อนอีกคนเป็นเกย์ กับส่วนของความรักของเด็กผู้ชายสองคนที่อาจสับสนหรือคาราคาซังอยู่ บทหนังเทให้ประเด็นไหนมากกว่ากัน และทำไมครับ

love's coming director interview 03

บทที่เขียนจริงๆเราเทไปในเรื่องของความสับสนในเรื่องของความรัก การหาคำตอบของความรู้สึกของตัวละครแต่ละตัว เพราะสุดท้ายไม่ว่าจะความรักแบบไหนถ้าจบลงด้วยความเข้าใจ นั้นแหละคือความรักที่สวยงาม

ถาม: มีฉากหนึ่งในตัวอย่างหนังที่กั๊มซบไหล่ของไนท์ น่าจะเป็นฉากกุ๊กกิ๊กของผู้ชายกับผู้ชายที่สุดเท่าที่หนังเผยออกมาก่อน ในหนังมีฉากที่ถึงลูกถึงคนกว่านี้อีกไหมครับ และสุรพัศกับนรภัทรเล่นกันออกมายังไงครับ มีเขินหรือลำบากใจกันบ้างไหม และผู้กำกับแก้ไขยังไงครับ

ฉากซบไหล่เป็นเพียงแค่ฉากอันน้อยนิดในหนัง เพราะในหนังมีอีกเพียบครับ นักแสดง 2 คนมีความตั้งใจมาก สุทธิณัฐ หรือมายด์เล่นได้ค่อนข้างดี เพราะมีพื้นฐานการแสดงมาก่อน แต่ได้มีการปรับสิ่งที่เขายึดหรือเชื่อมาก่อนหน้านี้ออกไปบ้างเพื่อให้มันดูธรรมชาติขึ้นเช่นการแสดงที่เยอะไปก็ลดให้พอดีๆ ส่วน นรภัทร หรือ ภัค ค่อนข้างจะเป็นธรรมชาติและเข้าใจสิ่งที่บอกให้ทำหรือให้เพิ่มง่าย แต่จะติดแค่นิสัยบางอย่างที่เป็นตัวเขาเองและติดมาในหนัง เราจำเป็นต้องให้เขาเอาออกไปบ้างเพื่อให้ตรงตามคาแร็กเตอร์ในเรื่อง

ถาม: ได้นักแสดงหลักของหนังทั้ง 5 คน รวมถึงจีรภา สว่างเถื่อน ที่มารับบทโซดา มายังไงครับ คัดเลือกนานไหม ทั้งหมดเป็นนักแสดงหน้าใหม่ มีผลงานกันไม่มากด้วย มีใครที่เห็นแววเป็นพิเศษไหมครับ ประทับใจในคนไหนเป็นพิเศษในเรื่องใดไหมครับ

ใช้เวลาหานักแสดงประมาณ 3 สัปดาห์ โดยเริ่มจากประกาศทางออนไลท์ เลยไปเดินดูกันตามสยามก็เรียกมาแคส และก็มีทีมส่วนหนึ่งไปหาตาม IG Facebook และก็เรียกมาแคส และจะมีอยู่คนหนึ่งคือน้องนนท์ที่รับบทเป็น ปี๊ด ซึ่งเป็นคนที่เพื่อนผมแนะนำมาเพราะเขาเรียนการแสดงกับเพื่อนผม เลยเรียกมาแคสและเราชอบมากเพราะน้องเก่งและเข้าใจการแสดง ดูมีแววที่จะไปได้สวยในการแสดง แต่คนอื่นๆ ก็ไม่ใช่ไม่ดีนะครับ แต่นนท์เขาโดดเด่นออกมาอย่างเห็นได้ชัดเจน

ถาม: มีหนังเกี่ยวกับชายรักชายที่ชอบเป็นพิเศษบ้างไหมครับ แล้วทำไมถึงชอบครับ

ถ้าหนังไทยก็ต้อง”รักแห่งสยาม“ของพี่มะเดี่ยวเลยครับ ชอบทุกๆ อย่างในหนัง เป็นงานที่ผมว่ามีพลังเต็มเปี่ยมดูกี่ทีก็ยังอิน ส่วนหนังต่างประเทศต้องเรื่อง Brokeback Mountain เป็นหนังเกย์ที่เล่าเรื่องของอารมณ์และความรู้สึกได้โดนและเกิดขึ้นจริงในสังคมไม่ว่าจะซีกโลกไหนก็ตาม

ถาม: ได้รู้อะไรที่มีค่าจากการทำหนังยาวฉายโรงเรื่องแรกในชีวิตบ้างครับ ภาพของวงการหนังแตกต่างจากตอนก่อนเข้ามาทำหนังไหมครับ

อันดับแรกเลยเนื่องจากทุนเรามีน้อย การทำงานเลยต้องประหยัดสุดๆในทุกๆส่วน เลยทำให้งานที่ออกมาอาจจะไม่สมบูรณ์ 100% อาทิเสียงอาจจะไม่ดีเท่าหนังใหญ่ทั่วๆ ไป เพราะทำกันเองหมดทุกอย่าง ได้เรียนรู้กระบวนการมากมายที่ถ้าเราแค่เป็นผู้กำกับคงไม่มีทางได้รู้อะไรพวกนี้ ผมว่ามันทำให้เราเข้าใจอะไรมากขึ้น และรู้จักบริหารสิ่งต่างๆได้ดีขึ้นและแก้ไขปัญหาได้ไวขึ้น ส่วนความแตกต่างของวงการหนังก่อนเข้ามากับเข้ามาแล้วไม่รู้สึกเพราะส่วนตัวจะคลุกคลีอยู่กับวงการนี้อยู่แล้วเลยค่อนข้างจะสนุกกับการทำหนังมากกว่า

ถาม: ใน 2-3 ปีมานี้ มีนักทำหนังหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมาย และมีทุกแนวด้วย โดยเฉพาะที่ทำเอง ตั้งบริษัทเอง คิดว่าเพราะอะไรครับ

คิดว่าเป็นเพราะมีพื้นที่ให้คนทำหนังมากขึ้น มีโรงที่รองรับ มีกลุ่มคนดูที่ชัดเจน รวมไปถึงมีคนที่อยากทำและทำเลยไม่รอว่าเมื่อไหร่จะได้ทำกับค่ายโน้น ค่ายนี้ แต่เขาอยากจะได้ทำผลงานที่บางครั้งไม่ต้องถูกบังคับหรือถูกจำกัดอะไรบางอย่างไป คือได้ทำในสิ่งที่อยากทำและเป็นอิสระมากขึ้น

ถาม: รู้สึกยังไงหลังจากเห็นผลงานหนังเรื่องแรกของตัวเองเสร็จสิ้นครับ ดีใจหรือภูมิใจยังไงบ้างครับ

รู้สึกภูมิใจมากๆครับ ถึงมันจะไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์ 100% แต่มันก็เป็นหนังที่ผมและเพื่อนๆผมตั่งใจทำ หนังแสดงมีใจมาเล่น ทีมงานที่เป็นเพื่อนๆเต็มใจมาช่วย และเมื่อเราได้เห็นคนดูมีความสุขเดินยิ้มออกจากโรงภาพยนตร์ยิ่งทำให้เรามีกำลังใจที่จะสร้างสรรค์ผลงานดีๆ และแปลกใหม่ต่อไป แต่เสียงติเราก็ยินดีรับนะครับเพื่อเป็นการปรับปรุงและพัฒนาทีมของเราและวงการหนังของเราให้ดีขึ้นและหลากหลายมากขึ้นด้วย

ถาม: คิดว่าผู้ชมจะได้อะไรจากหนังเรื่องนี้ครับ

ที่ได้แน่ๆอย่างเห็นชัดเจนคือความสนุก ความฟินโดยเราแฝงความหลากหลายของมุมมองความรัก ไม่ว่าจะเป็นความรักระหว่างเพื่อน ความรักของคนในครอบครัว ความรักของเพศเดียวกัน เราจะดูแลบริหารความรักเหล่านี้ยังไงหนังเรื่องนี้คือคำตอบครับ

love's coming director interview 02

cr. http://jediyuth.com

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X