"ซาอุฯ" เล็งชู "คดีอัลรูไวลี่" สู่เวทีนานาชาติ ชี้ ความร่วมมือของไทยอยู่ในระดับที่จำกัดมาก
Advertisement
|
|
คลิก!!!
|
|
ความคืบหน้ากรณีที่ทางการซาอุดีอาระเบีย อาจลดระดับความสัมพันธ์กับไทยลง เนื่องจากไม่พอใจผลการดำเนินคดีอุ้มฆ่านายโมฮัมหมัด อัลรูไวลี่ นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย ส่งผลให้มีการเรียกตัวนายอับดุลอิลาห์ อัลชุอัยบี อุปทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย กลับประเทศตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 กันยายน นายอับดุลซาลาม เอ. อัลอินนาซี หัวหน้าแผนกกงสุล เลขานุการเอก ในฐานะรักษาการอุปทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย ระบุ ระหว่างการจัดงานวันชาติซาอุดีอาระเบียของสถานทูตซาอุดีอาระเบีย ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียขณะนี้ ไม่ได้เรียกว่าการลดระดับความสัมพันธ์แต่เป็นการแสดงความไม่พอใจผลของคดีอัลรูไวลี่มากกว่า และที่ตนมาเป็นอุปทูตรักษาการนั้นเนื่องจากรัฐบาลซาอุฯ ไม่พอใจอย่างมากเกี่ยวกับผลการดำเนินคดีนายอัลรูไวลี่ จึงเรียกตัวอุปทูตกลับอย่างไม่มีกำหนดเพื่อประท้วงรัฐบาลไทย
เมื่อถามว่ามีความร่วมมือกับรัฐบาลไทยในเรื่องนี้หรือไม่ นายอับดุลซาลามกล่าวว่า ความร่วมมืออยู่ในระดับที่จำกัดมาก อย่างไรก็ตาม ทางการซาอุดีอาระเบียกำลังรอการตอบสนองจากรัฐบาลไทย ในเวลาเดียวกันรัฐบาลซาอุดีอาระเบียกำลังพิจารณาที่จะนำเรื่องนี้ให้เป็นประเด็นในระดับนานาชาติ
ทั้งนี้ ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบียขณะนี้ จะไม่กระทบกับการเดินทางของนักแสวงบุญ นักธุรกิจ รวมถึงนักศึกษาแต่อย่างใด
สำหรับนายมูฮัมหมัด อัลรูไวลี่ นั้นเป็นนักธุรกิจที่มีศักดิ์เป็นพระญาติของกษัตริย์ไฟซาลแห่งซาอุดิอาระเบีย เข้ามาอยู่ที่ประเทศไทย ประมาณปี 2529เปิดบริษัททำธุรกิจจัดส่งแรงงานไปทำงานในประเทศแถบตะวันออกกลาง ภายหลังเกิดคดีฆาตกรรมนักการทูตซาอุดิอาระเบีย เดือน ก.พ.2533 นายอัลรูไวลี่ ก็หายตัวไปพร้อมกับรถเลขทะเบียน 3 ข- 9867 กรุงเทพมหานคร 3 วันต่อมา พบรถจอดที่ลานจอดรถของ โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน แต่ไม่พบนายอัลรูไวรี่