ไม่ใช่แค่ประเทศไทยเท่านั้นที่กำลังร้อนตับแตก แม้แต่ที่ญี่ปุ่นเองก็กำลังเริ่มร้อนขึ้นเหมือนกัน ที่น่าอิจฉาก็คือประเทศเขามีไอศครีมแบบ soft serve หรือที่เรียกกันว่า soft cream วางขายไว้คลายร้อน หารับประทานได้ง่ายๆ นั่นเอง
คลิก!!!
|
สำหรับรสชาติยอดนิยมที่คนญี่ปุ่นคุ้นเคยกันมากที่สุดก็หนีไม่พ้นรสวานิลลานั่นแหละ แต่อย่าได้เข้าใจผิดว่ามันจะมีแต่รสปกตินะ ยังมี 10 ไอศครีมญี่ปุ่น รสชาติสุดแปลก ที่เขาทำขายกันด้วย ดังต่อไปนี้เลย
1. Wasabi
Image: NY066
ไม่รักก็เกลียดเลยสำหรับรสวาซาบินี้ ยามปกติเรากินคู่กับปลาดิบ แต่พอมาเป็นของหวานอย่างนี้ก็น่าลองไม่หยอก แถมช่วยให้ตาสว่างแบบทันตาเห็น
2. Wakame seaweed
สาหร่ายวากาเมะที่ปกติจะใส่อยู่ในซุปมิโสะ อุดมด้วยวิตามิน และรสชาติของท้องทะเล แต่ถ้าเป็นรสไอติมล่ะ จะน่าลองไหม?
3. Kamatama udon
เชื่อว่าเราคงเคยกินหมี่เย็นกันมาแล้ว ไอศครีมรสนี้ก็เหมือนกับการอัพเกรดขึ้นไปอีกขึ้น หากินได้ที่จังหวัด Kagawa ซึ่งมีของกินขึ้นชื่อคือ kamatama udon noodles วางบนไอศครีม โรยหน้าด้วยต้นหอม
4. Soy sauce
Image: Kumamoto Hamadaya
หนึ่งในของคู่ครัวชาวญี่ปุ่นอย่างซอสถั่วเหลือง หรือโชยุ เวลารับประทานพร้อมข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยดี แต่ถ้ากลายเป็นไอศครีมแล้วก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงเหมือนกัน
5. Jellyfish
Image: Delfina Oliver
แมงกระพรุนตัวน้อยลอยตุ๊บป่องอยู่ในทะเล ใครจะไปคิดว่าเอามาทำรสไอศครีมได้ด้วย
6. Whitebait
Image: Delfina Oliver
ปลาซิวปลาสร้อยที่ปรกติใช้เป็นผงโรยข้าว คราวนี้เอามาป่นทำเป็นไอศครีม งานนี้พอเดารสชาติได้เลย ดูแล้วเอามากินคู่กับรสซีอิ๊วน่าจะเข้ากันดี
7. Mozuka seaweed
Image: Delfina Oliver
สาหร่ายในตระกูลใกล้เคียงกับวากาเมะ มีเนื้อสัมผัสเป็นวุ้นเจลาตินกรุบกรอบ ใช้เสิร์ฟเป็นจานเรียกน้ำย่อยในร้านอาหารสไตล์โอกินาวา
8. Squid ink
Image: Tottori Tourism
หมึกดำนั้นถูกใช้ประกอบอาหารแบบเมดิเตอเรเนียนมานานแล้ว แต่ในญี่ปุ่นนั้นนอกจากจะใช้กับเส้นพาสต้าแล้วยังเอามาทำไอศครีมด้วย ทานแล้วอย่าลืมเช็คฟันก่อนยิ้มล่ะ
9. Fried oysters
Image: Okayama Tourism
หอยนางรมทอดกรอบ อันนี้แม้จะไม่ได้เป็นรสชาติไอศครีม แต่ก็ยังแปลกอยู่ดี คือเป็นท็อปปิ้งโปะลงบนไอศครีม แล้วราดด้วยซอยโชยุ
10. Natto
Image: Nyarin
ตอนเป็นอาหารคาวก็ว่ากินยากแล้ว เอามาทำของหวานยิ่งประหลาดเข้าไปใหญ่ กับ นัตโตะ หรือถั่วเน่าเหนียวหนึบ สุดยอดเครื่องเคียงคู่ครัวญี่ปุ่น
ที่มา และภาพประกอบ : rocketnews24
ขอขอบคุณที่มา http://www.truelife.com/