คลิก!!!

หลุดออกมากระหึ่มโลกโซเชียลกันเรื่อยๆ กับภาพที่ส่อให้เห็นเค้าลางความรักร้าวระหว่างนางเอกสาวหน้าหวาน เจนี่-อัศวเหม กับนักการเมืองชื่อดัง "เอ๋-ชนม์สวัสดิ์" ตั้งแต่ภาพสาวหน้าคล้าย 'เจนี่' สลัดผ้าโชว์รอยฟกช้ำไปทั่วร่าง และที่เบ้าตา ล่าสุดหลุดอีกกับภาพหน้าจอแชตไลน์ที่คาดว่าเป็นของกลุ่มเพื่อนดาราสาว แฉข้อมูลลับๆ ว่า เธอกับสามีแยกกันอยู่ได้ 5 เดือนแล้ว แถมมีการด่าทอกันรุนแรงด้วย

ทว่าประเด็นร้อนแรงของ 'มาดามเจนี่' กับเจ้าพ่อปากน้ำ ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่า รักร้าว หรือเตียงหักจริงตามข่าวลือและภาพหลุด คงต้องรอให้ทั้งสองฝ่ายออกมาชี้แจงแถลงไขด้วยตัวเอง ล่าสุดมีกระแสข่าวระบุว่าฝ่ายหญิงจะออกมาเปิดใจแถลงข่าวในวันอังคารที่ 29 ก.ค.นี้ และจะเตรียมบินออกนอกประเทศทันที

ระหว่างรอการเปิดใจของทั้งคู่ ทีมข่าว ASTVผู้จัดการ Live ถือโอกาสพาไปย้อนดูชีวิตรักของทั้งสองก่อนจะมีข่าวลือเรื่องรักร้าวจนถึงขั้นแตกหักกระฉ่อนวงการ สร้างความฮือฮาไปทั่วบ้านทั่วเมืองโดยลือ และชวนตั้งคำถามกันว่า หรือรักครั้งนี้ของนางเอกสาวชื่อดังจะแพ้ความรุนแรงกันแน่

ก่อนลงเอยเป็นคู่รัก 'JA'

พูดถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างนางเอกหน้าหวาน 'เจนี่' กับ 'เอ๋-ชนม์สวัสดิ์' นักการเมืองชื่อดังย่านปากน้ำ ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ เซกชั่น Super บันเทิง เปิดเผยว่า เริ่มถูกจับตามอง เมื่อปรากฏภาพหนุ่มหน้าคล้าย 'เอ๋' ไปรับส่งที่กองละคร 'ดาวเกี้ยวเดือน' แต่ในตอนนั้น 'เจนี่' ปฏิเสธพร้อมชี้แจงว่า หนุ่มหน้าคล้าย 'เอ๋' คือคนขับรถของเธอเอง

ต่อมามีคนเห็นเอ๋ไปรับเจนี่ที่งานอีเวนต์งานหนึ่งที่เมืองทองธานี ซึ่งเจนี่ก็ยอมรับเพียงว่ารู้จักกับเอ๋จริง แต่ไม่มีอะไรเกินเลย ส่วนภาพอินสตาแกรมไม่ว่าจะเป็นการทำมือสัญลักษณ์ ไอเลิฟยู ภาพพื้นหลัง เธอยืนยันว่าไม่มีเจตนาส่อสิ่งใด และไม่ใช่วิวคอนโดมิเนียมของเอ๋อย่างแน่นอน แม้เจนี่จะยืนกระต่ายขาเดียวปฏิเสธ แต่ก็เริ่มโดนจับผิดมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งปรากฏภาพล่าสุดเคียงข้างกับเอ๋และวัฒนา อัศวเหม (พ่อของฝ่ายชาย) ที่มาเก๊า

สำหรับในกรณีของนางเอกหน้าหวาน ของช่อง 3 รายนี้ แน่นอนว่ามีหลายคนให้ความสนใจ ว่าแท้ที่จริงแล้วความสัมพันธ์ของเธอในอ้อมกอดของนักการเมือง ชื่อ 'เอ๋ ชนม์สวัสดิ์' เริ่มต้นที่ไหน เมื่อใด แต่ที่แน่ ๆ หมอดูเคยดูดวงนางเอกรายนี้ว่าจะได้พ่อม่าย แต่เธอยืนยันว่า เชื่อฝีมือตัวเอง แม้ว่าที่ผ่านมาเธอจะผ่านเรื่องราวกับหนุ่มมากหน้าหลายตา ทั้งกับคนที่มีเจ้าของและเคยแต่งงานมาแล้วก็ตาม

8 ส.ค.56 วันเปิดตัวรักฟ้าแลบ

กระทั่งมาถึงวันที่วงการ และแฟนคลับ รวมไปถึงคนไทยทั้งประเทศต้องฮือฮาไปตามๆ กัน เมื่อทั้งคู่ควงกันมาแถลงข่าวยืนยันความสัมพันธ์ในวันที่ 8 ส.ค.2556 หลังมีกระแสข่าวลือหึ่งมาเรื่อยๆ ว่าทั้งสองแอบคบกันอยู่ ซึ่งก็เป็นไปตามคาด แต่ที่ยิ่งสร้างความตกตะลึงเข้าไปอีกคือทั้งสองจดทะเบียนสมรสกันอย่างถูกตามต้องกฎหมายแล้วด้วย โดยทั้งสองก็ไม่ขอเล่าถึงจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ บอกแต่เพียงว่า "ขอให้เป็นเรื่องส่วนตัว"

อย่างไรก็ดี ทีมงาน ASTV ผู้จัดการ Live ได้เคยประมวลเหตุการณ์งานแถลงข่าวระหว่าง เจนี่ และ เอ๋-ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม เพื่อให้เข้าใจความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในแบบฉบับย่อๆ ไว้ดังนี้

– ทั้งสองสานสัมพันธ์รักกันมานานกว่า 5 เดือน

– ถือฤกษ์จดทะเบียนสมรสเมื่อเวลา 09.09 น. วันที่ 8 ส.ค 56 ณ บ้านอัศวเหม จังหวัดสมุทรปราการ

– เอ๋-ชนม์สวัสดิ์ ยืนยันไม่เคยจดทะเบียนสมรสกับตู่-นันทิดา และได้แยกกันอยู่มา 10 กว่าปีแล้ว

– เจนี่ปฏิเสธไม่ได้ท้อง พร้อมโชว์ใบตรวจครรภ์จากโรงพยาบาล

– แหวนแทนใจเป็นแหวนทองคำขาวเกลี้ยง ส่วนสินสอดฝ่ายชายขอมอบทั้งชีวิตให้

– เจนี่เผย "พี่เอ๋เป็นคนที่อบอุ่น ใจเย็น คิดทุกอย่างอย่างรอบคอบ"

– เอ๋ปลื้ม "ผมชอบเจนี่เพราะเธอเป็นคนน่ารัก เป็นคนที่ผมนอนหลับด้วยทุกคืนแล้วมีความสุข"

– มีการแจกของที่ระลึกในงานแถลงข่าวเป็นหมวกปักตัวอักษร J-A และเสื้อแข่งรถ

– ด้านงานฉลองพิธีมงคลสมรส ทั้งสองยังขออุบไว้ก่อน

'มาดามเจนี่' กับชีวิตคู่สุดหวาน

หลังจากประกาศจดทะเบียนสมรส และอยู่กินฉันสามี-ภรรยากับ 'เอ๋-ชนม์สวัสดิ์' นางเอกคนดังก็เก็บเนื้อเก็บตัวไม่ออกงานและให้สัมภาษณ์ใดๆ มีเพียงเดินสายออกงานอีเวนต์ท้องถิ่น และไปโผล่ที่สนามแข่งรถที่พัทยากับสามีเท่านั้น จนกระทั่งยอมออกงานอีเวนต์เป็นครั้งแรก (20 ส.ค.) เป็นงานแฟชั่นโชว์ New York Fashion Week Disclosure By Maybelline New York ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน

งานนี้ก็เลยมีกองทัพผู้สื่อข่าวตามไปทำข่าวกันแน่นงาน เพื่อต้องการสัมภาษณ์เปิดใจชีวิตคู่ของนางเอกสาว แต่ก็ทำเอาปาดเหงื่อไปตามๆ กัน เพราะมีการ์ดตามประกบนับ 10 คน ซึ่งเป็นการ์ดของงานที่จ้างมาเพื่อดูแลเจนี่โดยเฉพาะ โดยผู้สื่อข่าวภาคสนามรายงานว่า ทันทีที่เจนี่ก้าวขาออกมาจากห้องแต่งตัว บรรดาการ์ดก็ทำงานกันเป็นทีมด้วยการวอล์บอกกันให้เตรียมพร้อม แถมบอกช่างภาพอย่าเข้าใกล้ โดยเตือนให้ระวังกล้องพัง ทั้งยังมีการถ่ายรูปช่างภาพที่มารอชักภาพอีกต่างหาก เรียกว่าคุ้มกันยิ่งกว่าคนสำคัญระดับประเทศเสียอีก

สุดท้ายบรรดานักข่าวก็ได้ประชิดตัว สัมภาษณ์เปิดใจมาดามเจนี่ โดยเธอให้สัมภาษณ์ว่า ตื่นเต้นหลังกลับมารับงานครั้งแรก ส่วนใบหน้าที่เครียดๆ นั้น เป็นเพราะประหม่า พอถามถึงชีวิตคู่ เธอเผยว่า สวีตกว่าตอนก่อนแต่งงาน พร้อมเผยไม่เล่นไอจีแล้วเพื่อความสบายใจ บอกแฟนคลับไปคอมเมนต์ในไอจีสามีได้เลย

ตั้งแต่นั้นมา ชีวิตคู่ของทั้งสอง ต้องบอกว่าหวานกันสุดๆ เห็นได้จากนางเอกสาวโพสต์ภาพเป็นรูปหัวใจพร้อมตัวอักษร "JA" โดยใช้เพลงรัก How long will I love you ที่หลายคนคุ้นหูกันดีจากภาพยนตร์เรื่อง AboutTime ผ่านอินสตาแกรม @ja_asavahame

จากนั้นไม่นาน เจ้าตัวก็ทำหวานออกมาอีก ด้วยการโพสต์ภาพตนเองนอนคว่ำอยู่บนเตียง โดยมีสามีนักการเมืองคนดังซุกหน้าคลอเคลียอยู่ด้านหลัง ซึ่งในคราวนี้เจ้าตัวได้ใช้เพลงรักความหมายดีๆ อย่าง Let's Stay Together ที่มีเนื้อหาประมาณว่า ฉันรักเธอเหลือเกิน เธอดีที่สุดสำหรับฉัน ทำให้ฉันเหมือนเป็นคนใหม่ฯ ของศิลปิน Al Green ประกอบพร้อมกับข้อความว่า Goodnight ด้วย

โดยจากภาพชวนสวีตหวานหวิวนี้เอง ก็ทำเอาหลายคนพากันคาดเดากันว่าอีกไม่นานทั้งสองคงอาจจะมีทายาทตัวน้อยให้ได้เชยชมกันก็เป็นไปได้ เพราะก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่าอยากจะมีทายาทแล้ว เพราะตนเองก็มีอายุประมาณหนึ่ง หากปล่อยให้อายุเยอะก็เกรงว่าจะมีปัญหาในภายหลังได้

"จริงๆ ก็เรื่อยๆ แต่ว่าอายุก็ประมาณหนึ่งแล้ว อยากจะมีน้อง ไม่อยากจะให้อายุไปมากกว่านี้ กลัวเดี๋ยวจะด้วยร่างกายและสุขภาพจะไม่แข็งแรงค่ะ ก็ปรึกษาและก็เตรียมร่างกาย ทานวิตามิน ก็เดี๋ยวก็ต้องบำรุงร่างกายอีก ก็จะพักงานละครแป๊บนึง ปีนึงมันผ่านไปเร็วค่ะ ฟิตพร้อมไม่รู้จะมาหรือเปล่าเนี่ย (หัวเราะ)" มาดามเจนี่ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อเมื่อช่วงต้นปี 2557

ลือรักร้าว..สู่รักแตกหักสนั่นวงการ!

หม้อข้าวยังไม่ทันจะดำ ชีวิตคู่เดินทางมายังไม่ถึงปี ก็มีผู้ไม่ประสงค์ดีออกมาปล่อยข่าวว่า รักร้าว รักหน่าย แต่เรื่องนี้ 'เจนี่-เอ๋' ก็โต้ข่าวมั่ว สยบข่าวเตียงหักรักร้าว ด้วยการจูงมือกันไปสวีตพักผ่อนที่พัทยา แถมมาดามเจนี่ยังตามไปเชียร์สามีถึงขอบสนามแข่งรถพีระ เซอร์กิต พัทยา เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมาในรายการ ไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรีส์ 2014

กระทั่ง เจนี่ เปลี่ยนอินสตาแกรมใหม่ @janienineeleven พร้อมข้อความ begin again ส่วนไอจีเก่า ja_asavahame ได้ลบรูปทิ้งเกลี้ยงเหมือนเป็นการตอกย้ำกระแสรักขมให้หนักขึ้นไปอีก รวมไปถึงกระแสว่าเจนี่กำลังเริ่มต้นรักครั้งใหม่กับสาวหล่อ อีกทั้งยังมีคนที่อ้างตัวเป็นแหล่งข่าวใกล้ชิดเจนี่ ออกมาระบุว่า เธอจะออกมาแถลงข่าวถึงเรื่องทั้งหมดในวันที่ 29 ก.ค.นี้ ก่อนบินออกนอกประเทศทันที

ทางฟากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งได้ต่อสายตรงสอบถามไปทาง 'ชไมพร เทียนโพธิ์สุวรรณ' มารดาของนางเอกคนดัง ก็ได้รับเพียงคำตอบสั้นๆ ว่า "หนูว่าเลิกก็เลิก หนูว่าไม่เลิกก็ไม่เลิก" ล่าสุดมีภาพหลุดแชร์สนั่นโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นภาพหญิงสาวหน้าคล้าย 'เจนี่ อัศวเหม' เปลือยท่อนบนโชว์เนื้อตัวเขียวช้ำน่าตกใจ ตอกย้ำข่าวลือโดนสามี 'เอ๋ ชนม์สวัสดิ์' ซ้อมน่วมก่อนหนีไปอยู่บ้านแม่ ต่อมาก็ได้มีภาพหลุดออกมาอีก เมื่อปรากฏภาพหญิงสาวเบ้าตาห้อเลือด และหลักฐานโทรศัพท์มือถือที่มีอักษรย่อเหมือนกับของนางเอกสาวชื่อดังอีกด้วย

ด้านนิตยสาร mars ฉบับปก "เจนี่ อัศวเหม" เดือนกรกฎาคม 2557 ก็ได้เกาะกระแสเตียงหักด้วยการผ่าหัวใจนางเอกสาวท่านนี้ แม้เจนี่จะไม่เคยออกมาให้สัมภาษณ์ หรือพูดถึงข่าวเตียงหัก แต่บทสัมภาษณ์เบื้องหลังแฟชั่นปกมาร์สฉบับเดือนล่าสุด น่าจะช่วยไขทุกความจริงให้กระจ่างได้ โดยเฉพาะคำถามที่ถามถึงความเจ้าชู้ของสามี "เอ๋ ชนม์สวัสดิ์" รวมไปถึงมาตรการในการรับมือ และดูแลเรื่องนี้ในฐานะภรรยา

"ผู้ชายอาจจะมีบ้าง บริหารเสน่ห์อ่ะเนอะ ก็อาจจะมีบ้าง" เจนี่ตอบคำถามเรื่องความเจ้าชู้ของสามี ก่อนจะตอบคำถามในประเด็นเรื่องการรับมือ และดูแลในเรื่องนี้

"เจนี่ว่าเขารู้ตัวเขาเอง เจนี่จะไม่บังคับหรอกค่ะ เพราะเขาโตแล้ว อายุเยอะแล้ว ถ้าเขาทำอะไรที่มันไม่ดีก็จะมีผลกับตัวเขาเอง เจนี่ก็ดูแลตัวเอง เพราะฉะนั้นถ้าเราทำอะไรที่ไม่ดีมันก็จะมีผลกับตัวเรา ถ้าเรารักตัวเองเราก็ต้องไม่ทำอะไรที่มันไม่ดี มันคือความซื่อสัตย์น่ะค่ะ

ชีวิตคู่เนี่ย ถ้าคุณไม่ซื่อสัตย์กับตัวเองก่อน คุณก็ไม่สามารถที่จะไปซื่อสัตย์กับคู่ของคุณได้ มันคือการมีวินัยกับตัวเอง ถ้าเกิดคุณไม่สามารถมีวินัยกับตัวเองได้ คุณจะไปทำอย่างอื่นได้ยังไง อย่าว่าแต่เรื่องคู่เลย ทั้งการทำงาน ทั้งอีกหลายๆ เรื่อง ถ้าไม่มีวินัยมันก็ไม่ประสบความสำเร็จ คือแค่เรื่องชีวิตคู่คุณยังมีวินัยไม่ได้ แล้วจะทำอย่างอื่นสำเร็จได้อย่างไร

เหมือนชีวิตคู่ของทุกคนแหละค่ะ ถ้าคุณไม่ซื่อสัตย์กับตัวเองก่อน ก็อย่าไปคิดว่าจะซื่อสัตย์กับคู่ตัวเองได้ อย่างเจนี่ทำงานเยอะ ก็ไม่มีเวลามานั่งเฝ้าพี่เอ๋ 24 ชั่วโมง แล้วเจนี่ก็โตแล้ว การที่จะมานั่งจุกจิกเรื่องพวกนี้มันก็ไม่ใช่วิสัยของเจนี่ด้วย เพราะเจนี่มั่นใจว่ามีดีพอ ถ้าคุณไม่รักเจนี่ ไม่ซื่อสัตย์กับเจนี่ สิ่งที่ไม่ดีจะอยู่ที่ตัวคุณเอง"

เมื่อ ความรักมีทุกข์เป็นของแถม

สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าเรื่องจริงจะเป็นอย่างไร คงต้องรอฟังจากปากของทั้งสองฝ่าย แต่ขึ้นชื่อว่า "ความรัก" คงต้องยอมรับอยู่อย่างหนึ่งถึง "ความไม่แน่นอน"

ดังที่ พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล วัดนาป่าพง ได้เคยหยิบยกบางส่วนจาก พุทธวจนสนทนา ช่วงหลังฉัน เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2555 มาโยงกับความรักของมนุษย์ว่า "ทุกข์ใดๆ ในโลก ทุกข์เหล่านั้นทั้งหมดมีฉันทะ (ความรักความพอใจ) เป็นมูล มีฉันทะเป็นเหตุ เพราะว่าฉันทะเป็นมูลเหตุของความทุกข์ ความรักความพอใจ เป็นมูลเหตุแห่งความทุกข์ทั้งหมด เพราะว่าสิ่งที่เรารักที่เราพอใจ มันไม่อยู่คงที่ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)

ถ้าเรารักสิ่งๆ นี้ แล้วสิ่งๆ นี้อยู่คงที่ตลอดไม่เปลี่ยนแปลง มันก็คงจะได้ แต่สิ่งที่เราพอใจมันเปลี่ยนหมด ความทุกข์จะเกิดขึ้นมา เพราะการแปรปรวนของรูป (ร่างกาย) เวทนา (ความรู้สึก) สัญญา (ความจำได้หมายรู้) สังขาร (ความคิดปรุงแต่ง) และวิญญาณ (ความรับรู้แจ้ง) ความทุกข์จึงเกิดขึ้น นี่คือผลเสียจากความรัก หรือฉันทะ (ความพอใจ)"

เช่นเดียวกับพระนักคิดชื่อดัง พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย ได้ให้แง่คิดเกี่ยวกับความรักไว้ตอนหนึ่งในหนังสือ "รักแท้คือกรุณา" ว่า ใครทุกคนที่เริ่มมีความรัก ขอให้เรียนรู้กติกาของความรักเอาไว้เลยว่า 'ความรัก' มีความทุกข์เป็นของแถม การที่คนส่วนใหญ่มองไม่เห็นก็เพราะเขายังถูกความรักบังตา ดังนั้น ทุกครั้งที่เราเริ่มต้นมีความรัก สิ่งหนึ่งซึ่งควรมาคู่กันกับการมีความรักก็คือความเข้าใจในธรรมชาติของความรัก

ถ้าเราไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่ หรือรักกันมาตั้งห้าหกปีแล้ว สุดท้ายก็เลิกกัน หรือแต่งงานมาสิบปีแล้วสุดท้ายก็เลิกกัน คนที่เจ็บปวดจากความไม่สมหวังในความรักจากการใช้ชีวิตคู่ ควรมองออกไปให้กว้างว่าขาดเขาแล้วเราไม่ตาย เพราะก่อนจะมีเขา เรายังอยู่มาได้ เมื่อย้อนกลับไปไม่มีเขาอีกครั้งหนึ่ง เราก็กลับไปยืนอยู่ ณ จุดเดิมก็ต้องอยู่ต่อไปให้ได้ แล้วอย่าทำร้ายชีวิต อย่าทำร้ายตัวเองแต่ให้มองว่าการที่เราเกิดเป็นคนแล้วไม่ได้ทุกอย่างดังใจหวังนั้นเป็นบทเรียนอีกขั้นหนึ่งของชีวิต เป็นบันไดขั้นหนึ่งของชีวิตที่ต้องก้าวขึ้นไปเรื่อยๆ

ดังนั้น ทุกครั้งที่เจอบทเรียนแสนยาก บอกตัวเองว่า ต้องก้าวข้ามมันไป ไม่ใช่ฝังตัวเองอยู่กับบทเรียนแสนยาก บทเรียนยากๆ ทั้งหลายนั้นเปรียบเสมือนขั้นบันได ซึ่งเรามีหน้าที่ต้องก้าวผ่านบันไดเหล่านั้นไป ไม่ใช่ไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ตรงบันได แล้วบอกว่าพอแล้วสำหรับชีวิตฉัน…

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live

cr.http://www.manager.co.th