คลิก!!!
|
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก kusumakomp.wordpress.com
คนเรานั้นเมื่อเกิดมาย่อมต้องมีแก่ มีเจ็บ มีล้มหายตายจากกันไปตามกาลเวลา แต่หากชีวิตของใครคนหนึ่งเหมือนถูกเร่งให้ต้องเดินทางไปสู่จุดสุดท้ายของชีวิตก่อนใคร ๆ ก็ฟังดูไม่ยุติธรรมเสียเท่าไหร่ แต่กระนั้น ดีน แอนดรูส์ หนุ่มอังกฤษ วัย 20 ปี ที่ป่วยเป็นโรคแปลก การเจริญเติบโตของร่างกายเร็วกว่าคนปกติถึง 8 เท่า ซึ่งทำให้ร่างกายของเขาทรุดโทรมอย่างรวดเร็ว ก็ไม่เคยย่อท้อต่อการใช้ชีวิต ทั้งยังมีกำลังใจที่ดีอย่างเหลือเฟืออีกด้วย
รายจากจากเว็บไซต์เดลิเมล ระบุว่า โรคประหลาดที่ดีนต้องเผชิญนี้ เรียกว่า โพรเจอเรีย หรือ "ฮัดชินสัน-กิลฟอร์ด โพรเจอเรีย ซินโดรม" หรือโรคชราในเด็ก ซึ่งผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีร่างกายเล็กแกร็น ส่วนใหญ่เสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย และเป็นอาการที่พบได้น้อยมาก โดยทั่วโลกมีเพียง 74 คน เฉพาะในอังกฤษมีเพียง 4 คน ซึ่งดีนก็เป็นหนึ่งในนั้น
ตอนนี้ดีนมีอายุเพียง 20 ปี มีความสูง 124 เซนติเมตร และน้ำหนัก 23.5 กิโลกรัม แต่สภาพร่างกายกลับล้ำหน้าอายุไป 8 เท่า ซึ่งเท่ากับว่าตอนนี้เขามีร่างกายของคนอายุ 160 ปีเลยทีเดียว แต่กระนั้น การมีชีวิตมาจนถึง 20 ปี ได้แบบนี้ นับว่าเป็นเรื่องโชคดีสำหรับเขา ดีนถือเป็นผู้ป่วยโรคนี้ที่อายุยืนที่สุดเป็นอันดับสองของโลก
"ผมไม่เคยยอมให้โรคที่เป็นอยู่นี้มาฉุดรั้งผมไว้ได้" นี่คือสิ่งที่หนุ่มคนนี้ยึดถือมาตลอดตั้งแต่ได้รับรู้ว่าเขาไม่เหมือนกับคนทั่วไป
ทางด้านแม่ของดีนเล่าให้ฟังว่า เธอเริ่มสังเกตว่าลูกชายคนนี้ของเธอไม่เหมือนเด็กทั่วไปตั้งแต่เขายังเป็นทารก ดีนในวัย 6 เดือน ตัวเล็กกว่าเด็กในวัยเดียวกันมาก เขายังใส่เสื้อผ้าสำหรับเด็ก 3 เดือนอยู่เลยด้วยซ้ำ แถมยังทานอาหารน้อยกว่าเด็กคนอื่น ๆ อีกด้วย แต่การพัฒนาด้านอื่น ๆ ของเขาก็ยังปกติ แพทย์เด็กผู้ตรวจสุขภาพเขาจึงบอกแต่เพียงว่าไม่มีอะไรน่ากังวล เขาเป็นเด็กตัวเล็กเท่านั้น และเมื่อดีนเริ่มเดินได้ตอนอายุ 18 เดือน เธอก็สังเกตเห็นว่าเขาค่อนข้างเหนื่อยเร็ว และหยุดพักบ่อย บอกว่าขาของเขาเจ็บ ซึ่งเธอก็คิดว่าเป็นเพียงเพราะเขาขี้เกียจเดินตามประสาเด็ก แต่เมื่อถึงวัยที่เขาเข้าโรงเรียน ก็พบว่าดีนไม่สามารถนั่งขัดสมาธิในชั่วโมงโฮมรูมเหมือนเพื่อน ๆ ได้
และข่าวร้ายที่สุดสำหรับคนเป็นแม่ก็มาสู่เธอ เมื่อในที่สุดเธอได้รับสายตรงจากคุณหมอให้เธอไปพบว่าด้วยอาการของดีน และได้รับคำวินิจฉัยว่าลูกชายของเธอมีอาการของโรค "ฮัดชินสัน-กิลฟอร์ด โพรเจอเรีย ซินโดรม" ซึ่งเป็นโรคที่พบได้น้อยมากจนแพทย์ก็ไม่มีข้อมูลในการรักษาดูแลให้เธอได้มากนัก บอกได้แต่เพียงว่าดีนอาจเสียชีวิตก่อนที่เขาจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นเสียอีก แต่กระนั้นดีนก็ยังคงใช้ชีวิตในตอนนั้นเช่นเดียวกับเด็กทั่ว ๆ ไป วิ่งเล่นและเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียนตามปกติ จนเมื่อเขาอายุ 13 ปี ดีนจึงถูกย้ายมาสู่โรงเรียนพิเศษ ที่มีการดูแลดีกว่าปกติ ทั้งอุปกรณ์การเรียน และสถานที่ก็จัดไว้ให้เหมาะสมกับการใช้รถเข็นซึ่งเธอคิดว่าน่าจะเหมาะกับอาการของลูกชายในอนาคต ซึ่งผู้ที่มีอาการของโพรเจอเรียมีแนวโน้มสูงที่จะไขข้อเสื่อม มีปัญหาด้านการมองเห็น ผมร่วง และมีภาวะโรคหัวใจ แต่อย่างไรก็ตาม ดีนสามารถดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี เขายังทำกิจกรรมของโรงเรียนมากมาย และช่วยคุณครูดูแลเด็กคนอื่น ๆ ด้วย
เขาได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ต่างกับเด็กหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ไม่ว่าจะสอบใบขับขี่ เข้าเรียนโรงเรียนช่างยนต์ มีรอยสัก 4 แห่ง และเคยมีคนรัก ถึงขนาดผ่านการหมั้นหมายกันมาแล้ว เขามีกีฬาโปรดคือเล่นฮ็อคกี้ ฟุคบอล สเกตบอร์ด และปั่นจักรยาน ส่วนช่วงเวลาเดียวที่ทำให้เขาเซ็งคือเมื่อยามที่เพื่อน ๆ ชวนกันไปสวนสนุก ด้วยความสูงที่ต่ำกว่าเกณฑ์จึงไม่สามารถเล่นเครื่องเล่นหลาย ๆ อย่างได้ เขาจึงมักจะอยู่บ้านแทนเสียมากกว่า
เรื่องที่แม่ของเขาเป็นห่วงมากคือกลัวว่าดีนจะกลายเป็นหนูทดลองยาที่ยังไม่ได้รับการทดสอบ เธอปฏิเสธที่จะให้ลูกชายรับฮอร์โมนที่อ้างว่าช่วยควบคุมเรื่องการเติบโตของเขา ส่วนตัวดีนเองก็ปฏิเสธที่จะรับการผ่าตัดกรามที่เสียรูป อันเป็นผลกระทบจากการที่หูของเขาอักเสบบ่อยอีกด้วย
แต่แล้วอาการของดีนก็เริ่มฉายแววน่าเป็นห่วง เมื่ออายุ 15 เขาพบว่าตัวเองไม่สามารถยกขาได้สูงอีกต่อไป ทำให้ไม่สามารถขึ้นปั่นจักรยานคันใหญ่ได้ ผมเริ่มหลุดร่วงงง่าย และเริ่มมีอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ออกอยู่บ่อย ๆ จนเมื่อปลายปี 2011 ที่ผ่านมา เขาตัดสินใจไปพบแพทย์ และได้รับข่าวร้ายว่าเขามีภาวะหัวใจล้มเหลว
ในตอนนี้ดีนจึงต้องวางมือจากกิจกรรมต่าง ๆ นานาที่เคยทำ และมาอยู่ที่บ้าน กินยาคราวละหลายเม็ดทุก ๆ วัน แต่เขาก็ยังคงมีกำลังใจที่ดีในการดำเนินชีวิตต่อไปอย่างดีเยี่ยม ทั้งยังมีพ่อและแม่ของเขาที่พร้อมจะทำให้ทุกอย่างที่สามารถทำ เพื่อให้ช่วงเวลาชีวิตที่เหลือจากนี้ไปของลูกมีความสุขที่สุด
"โรคหัวใจทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปมาก ผมไม่สามารถทำในหลาย ๆ สิ่งที่เคยทำได้อีกต่อไป แต่ผมก็ยังมีครอบครัวและเพื่อน ๆ ที่ทำให้ผมก้าวเดินต่อไปได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาไม่สามารถให้ผมได้ ผมโชคดีเหลือเกินที่ได้เป็นที่รักมากขนาดนี้"
นอกจากนี้เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เขายังไปงานสังสรรค์ระหว่างผู้ป่วยโรคโพรเจอเรีย และได้พบเพื่อนชาวอังกฤษที่ร่วมชะตากรรมเดียวกับเขาอีก 3 ราย โดยเขาได้เล่าให้ฟังว่า "ผมได้โชว์ให้พวกเขาดูว่าที่ผ่านมาผมได้ทำอะไรมาบ้าง แล้วก็ได้ให้แรงบันดาลใจกับพวกเขาด้วย"
ทั้งนี้ ไม่ว่าอาการ "ฮัดชินสัน-กิลฟอร์ด โพรเจอเรีย ซินโดรม" จะทำให้ร่างกายของ ดีน แอนดรูส์ หนุ่มอังกฤษวัย 20 ปีคนนี้ทรุดโทรมลงมากแค่ไหน แต่สิ่งที่เขาได้รับเสมอมาและไม่เคยขาดก็คือกำลังใจ และความรักจากคนรอบตัว ทำให้เขากลายเป็นนักสู้ที่เข้มแข็งมากที่สุดคนหนึ่งเลยทีเดียว
ก็ขอให้เรื่องราวของเขาเรื่องนี้ ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับอีกหลาย ๆ คนที่กำลังป่วยหนัก ให้มีกำลังใจในการมีชีวิตอยู่ต่อไปนะคะ ^^