คลิก!!!

ในช่วงเวลาที่ผ่านล่วงมา วิทยาการใหม่ ๆ เกี่ยวกับความงามต่างผุดขึ้นมามากมาย และแม้กระทั่งในตอนนี้ การพัฒนาก็ยังคงรุดหน้าต่อไปไม่หยุดยั้ง มารู้จักกับ 8 วิทยาการความงาม ที่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา และเป็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง ลองมาทำความรู้จักกับวิทยาการเหล่านั้นไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

1.วิทยาการเพื่อการลบริ้วรอย

ในอีกไม่กี่ปีนี้ คุณอาจสามารถลบเรือนริ้วรอยบนใบหน้าได้ง่ายพอ ๆ กับการเช็คทำความสะอาดคราบเครื่องสำอาง โดย Revance บริษัทผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อความงามสัญชาติอเมริกัน กำลังคิดค้นเจลมาส์กที่สามารถเติมริ้วรอยให้เต็มตื้นขึ้นได้ ด้วยส่วนผสมของ "โบทูลินั่ม ท็อกซิน" หรือที่รู้จักกันในนามของโบท็อกซ์ อันจะซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยอนุภาคเปปไทด์ โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรอผลทดสอบว่าสามารถทำให้รอยตีนกาดูเรียบขึ้นอย่างน่าพอใจได้หรือไม่

2.วิทยาการเลเซอร์เพื่อความงาม

ในเวลาอีกไม่เกิน 10 ปี คุณอาจมีเครื่องเลเซอร์สำหรับทำเลเซอร์เพื่อความงามได้เองที่บ้าน โดยไม่ต้องไปคลินิกหรือสปา คุณผู้หญิงสามารถปรนนิบัติความงามจากเครื่องมือนี้ด้วยตัวเองได้สัปดาห์ละครั้ง ทั้งการกระตุ้นการทำงานของคอลลาเจนในผิวหนัง เพื่อทำให้ผิวหนังดูเต่งตึง หรือจะเป็นการรักษาสิว ลดปัญหาจุดด่างดำ กระ ฝ้า และผมบาง ก็ทำได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก จากเครื่องเลเซอร์ที่ถูกพัฒนาให้ปลอดภัยและใช้งานง่ายกว่าเดิม กับระบบ GentleWaves หรือการปล่อยคลื่นอย่างอ่อนโยน ซึ่งสามารถให้ได้ทั้ง คลื่นวิทยุ อัลตราซาวด์ และแสงเลเซอร์ นั่นเอง

3.วิทยาการเพื่อการทำความสะอาดร่างกาย

ในอนาคตคุณอาจอาบน้ำได้โดยไม่ต้องใช้น้ำ ด้วยเทคโนโลยีการทำความสะอาดร่างกายระบบคาร์บอน-ไฟเบอร์ ซึ่งในตอนนี้ก็สามารถใช้เพื่อทำความสะอาดสัตว์เลี้ยงอย่างน้องหมาน้องแมวได้เล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อให้เหมาะสมต่อการนำมาใช้กับคน

4.วิทยาการเพื่อการปกปิดผมขาว

อีกไม่นานคุณไม่จำเป็นต้องไปร้านทำผมทุก ๆ 6 สัปดาห์ เพื่อให้ช่างทำสีโคนผมเพื่อปิดผมขาวอีกต่อไป เพราะเรากำลังจะมีวิธีการกำจัดผมขาวที่มีประสิทธิภาพกว่านั้น ด้วยการกินยาที่สามารถเข้าปรับเปลี่ยนโครงสร้างระดับรหัสพันธุกรรม หรือยีนได้ ซึ่งทำให้ได้ผลที่ดีและตรงจุดมากกว่าเดิม เพราะสามารถออกฤทธิ์บังคับให้ผมมีสีเข้มขึ้นได้จากกลไกภายใน

5.วิทยาการเพื่อการกำจัดขน

บอกลาการกำจัดขนด้วยวิธีเดิม ๆ อย่างการโกน ถอน แว็กซ์ หรือใช้ครีมกำจัดขน เพราะวิทยาการเลเซอร์ที่กำลังปรับตัวเข้ามาหาผู้ใช้โดยทั่วไป ทำให้สามารถมีเครื่องเลเซอร์เพื่อความงามใช้เองที่บ้านได้ โดยโฮมเลเซอร์ตัวนี้สามารถใช้เพื่อการเลเซอร์กำจัดขนได้ด้วย นอกจากนี้ยังปล่อยคลื่นเพื่อรบกวนการทำงานของเซลล์รากขน ทำให้ขนงอกกลับมาช้าลง หรืออาจไม่งอกขึ้นมาอีกเลยก็ได้

6. วิทยาการด้านการดูแลผิว

ในอนาคตกระจกจะไม่เป็นเพียงแค่กระจกส่องเพื่อเช็คความสวยงามอีกต่อไป แต่มันสามารถบอกคุณได้เลยว่าผิวพรรณของคุณนั้นอยู่ในสภาพไหน และต้องการการบำรุงอย่างไรบ้าง โดยคุณสามารถแตะกระจกไปที่ผิว และเซ็นเซอร์อยู่ในกระจกจะทำการวิเคราะห์สภาพผิวของคุณในขณะนั้น เพื่อบอกได้ทันทีว่าคุณควรบำรุงผิวในตอนนั้นอย่างไร เรียกได้ว่าเพียงแค่หยิบกระจกขึ้นมา คุณก็จะรู้ได้ทันทีว่าควรทำอย่างไรให้ตัวเองดูดีขึ้นได้

7. วิทยาการการปกป้องผิวจากแสงแดด

ในไม่ช้านี้เครื่องช่วยสเปรย์ร่างกายคุณด้วยสารกันแดดกำลังจะเป็นสิ่งที่ไม่ไกลเกินฝันแดด(ซึ่งทำงานคล้ายกับเครื่องอาบแสงที่เปลี่ยนสีผิวขาวให้เป็นผิวแทน) และสามารถทำได้แม้แต่การอาบร่างของคุณด้วยครีมป้องกันริ้วรอยแห่งวัยต่าง ๆ ยิ่งไปกว่านั้น สารกันแดดกำลังจะมาในรูปแบบของเม็ด ที่คุณสามารถกินมันได้พร้อมกับอาหารเช้า และมันจะออกฤทธิ์จากภายในเพื่อปกป้องผิวคุณจากแสงแดดได้ตลอดทั้งวัน

8. วิทยาการเพื่อฟันสวยและแข็งแรง

การแปรงฟัน ขัดฟัน และการฟอกสีฟัน กำลังร่วมกันก้าวล้ำขึ้นไปอีกระดับ ด้วยวิทยาการที่ทันตแพทย์เพื่อความงาม มาร์ค โลเว็นเบิร์ก จากอังกฤษ ได้พยายามคิดค้นขึ้น ด้วยผลิตภัณฑ์สำหรับเคลือบฟัน ที่จะสร้างชั้นป้องกันการหมองของผิวเคลือบฟันจากอาหารและเครื่องดื่มอย่าง กาแฟหรือไวน์แดง และในไม่ช้าแม้แต่ยาสีฟันที่เราคุ้นชินกันก็กำลังจะหมดความหมาย ด้วยแปรงสีฟันรุ่นใหม่ที่ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Saskatchewan ในแคนาดา ร่วมพัฒนากับบริษัท Shiken ของญี่ปุ่น เพื่อให้ได้แปรงสีฟัน Soladey-J3X ซึ่งเป็นแปรงสีฟันพลังแสงอาทิตย์ไม่จำเป็นต้องใช้แบตเตอรี่ และที่หัวแปรงเคลือบสารพิเศษ ไทเทเนียม ออกไซด์ ซึ่งจะช่วยฟอกสีฟันให้ขาวสะอาด พร้อม ๆ กับทำปฏิกิริยากับกรดภายในช่องปาก ช่วยทำลายแบคทีเรีย และทำให้ปากสะอาดสดชื่นได้

อย่างไรก็ตาม ทุกข้อล้วนอยู่ในช่วงระหว่างการพัฒนา ซึ่งเราก็ต้องจับตารอชมกันต่อไปว่า จะมีวิทยาการที่สามารถอำนวยความสะดวกสบายอย่างน่าเหลือเชื่อต่อความงามของสาว ๆ นี้เกิดขึ้นมาได้เมื่อไหร่ ส่วนราคาของมันจะถูกตั้งไว้ที่เท่าไหร่ก็คงต้องรอดูอีกเช่นกัน

ข้อมูลจาก

www.kapook.com