คลิก!!!

นอกเหนือจากการศัลยกรรมที่ทำเพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับหน้าตาและเพื่อผิวพรรณที่ตึงกระชับแล้ว การทำศัลกรรมเพื่อรูปร่างที่สวยงามอย่างการ "ดูดไขมัน" ก็เป็นอีกกระบวนการหนึ่งที่มักถูกเลือกใช้เพื่อที่จะกำจัดไขมันส่วนเกินออกไปจากร่างกาย

ข้อบ่งชี้ในการดูดไขมัน

การดูดไขมันเป็นกระบวนการกำจัดไขมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่ลดไขมันได้ยาก ไม่ว่าจะควบคุมอาหารหรือว่าออกกำลังกายแล้วก็ตาม นอกจากนี้กล้ามเนื้อในบริเวณที่ต้องการทำการดูดไขมันก็ต้องแข็งแรง และผิวหนังยังต้องมีความยืดหยุ่นเป็นอย่างดีด้วย

การดูดไขมันด้วยเทคนิค Tumescent Liposuction หรือการฉีดของเหลว

วิธีนี้จะมีการฉีดส่วนผสมเหลวเข้าไปในบริเวณที่จะทำการดูดไขมันเสียก่อน เพื่อทำไขมันในบริเวณนั้นอุ้มน้ำ และซึ่งจะง่ายต่อการสลายเซลล์ไขมันมากขึ้น โดยบริเวณที่จะทำการดูดไขมันนั้นสามารถเป็นได้ตั้งแต่ หน้าท้อง สะโพก บั้นท้าย ต้นขา ใบหน้า หรือว่าลำคอ

โดยของเหลวที่ฉีดเข้าไปนั้นเป็นส่วนผสมของ น้ำเกลือ (เพื่อรักษาสมดุลน้ำในร่างกาย) เอพิเนฟริน (epinephrine หรือฮอน์โมนอะดรีนาลีน ซึ่งจะช่วยบีบขนาดหลอดเลือดลดอาการเลือดออกมาก) และ ยาชา (local anesthetic) จากนั้นจึงทำการดูดไขมันออกมาด้วยหลอดปลายมนขนาดเล็กที่สอดเข้าไปทางรอยผ่าเล็ก ๆ ในบริเวณนั้น

การดูดไขมันด้วยเทคนิค Laser Liposuction หรือสลายด้วยเลเซอร์

เทคนิคการดูดไขมันโดยการใช้เลเซอร์สลายไขมันก่อนแล้วจึงดูดออกนั้น มีผลดีคือ ให้ผลหลังทำได้เช่นเดียวกับเทคนิคการฉีดของเหลว แต่ให้บาดแผลที่เล็กกว่า กระบวนการทำสั้นกว่า และระยะการพักฟื้นเร็วกว่า แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องอาศัยการใช้ยาชาหรือยาสลบอยู่เช่นเดียวกัน โดยอยู่ขึ้นกับขนาดและบริเวณที่ต้องการทำการดูดไขมัน

ส่วนหลักการนั้นคือ การใช้ความร้อนจากเลเซอร์สลายไขมันให้อยู่ในรูปกึ่งเหลว ซึ่งทำให้ดูดออกได้ง่าย นอกจากนี้เลเซอร์ยังช่วยกระตุ้นกระบวนการผลิตคอลลาเจลของผิวหนัง ทำให้ผิวหนังดูเต่งตึงขึ้นได้ด้วย

การดูดไขมันด้วยเทคนิค Ultrasound-Assisted Liposuction หรือสลายด้วยการอัลตราซาวด์

เทคนิคนี้มีข้อดี เมื่อเปรียบเทียบกับการดูดไขมันแบบดั้งเดิมหรือแบบฉีดของเหลวที่ใช้เวลาน้อยกว่า เกิดอาการเจ็บปวดที่เนื้อเยื่อรอบ ๆ น้อยกว่า เหมาะกับการกำจัดไขมันในบริเวณสะโพก ลำตัวส่วนกลางของร่างกาย และแม้แต่ในชายที่มีปัญหาไขมันหน้าอก (ทำให้ดูมีเต้านมเหมือนผู้หญิง)

หลักการของการดูดไขมันด้วยวิธีนี้ คือการสลายไขมันด้วยพลังงานอัลตร้าโซนิค หรือการอัลตร้าซาวด์ เปลี่ยนไขมันให้อ่อนนิ่มและเหลวมากขึ้น ก่อนที่จะทำการดูดออกมา ก่อนการทำการอัลตราซาวด์ยังคงต้องอาศัยการให้ยาชาหรือยาสลบ ขึ้นอยู่กับขนาดและบริเวณที่ทำการดูดไขมัน จากนั้นแพทย์จะกรีดผิวหนังและสอดเครื่องมือเล็ก ๆ สำหรับที่ปล่อยพลังงานอัลตร้าซาวด์ออกมา เพื่อเปลี่ยนไขมันให้เหลว จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการดูดไขมันต่อไป

การดูดไขมันด้วยเทคนิค Water-Assisted Liposuction หรือการเคลื่อนย้ายด้วยน้ำ

เทคนิคการทำลายไขมันด้วยวิธีนี้ค่อนข้างจะแตกต่างจากวิธีการอื่น ๆ เนื่องจากเทคนิคการกำจัดไขมันโดยการเคลื่่อนย้ายด้วยน้ำนั้น ยังทำให้เซลล์ไขมันอยู่ในสภาพสมบูรณ์ และสามารถนำเซลล์ไขมันที่ยังสมบูรณ์อยู่นั้นไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ที่อาจต้องการไขมันได้ ด้วยกลไกการทำงานที่ใช้น้ำค่อย ๆ สลายเซลล์ไขมันให้หลุดจากเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน แล้วจึงดูดออกมาหรือเคลื่อนย้ายหรือนำไปไว้ที่บริเวณอื่นของร่างกาย ถือว่าได้ประโยชน์ถึงสองต่อเลยทีเดียว

ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการดูดไขมัน

เช่นเดียวกับการศัลยกรรมและการผ่าตัดอื่น ๆ การดูดไขมันย่อมมีความเสี่ยงเช่นกัน โดยความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากกระบวนการทำลายด้วยการดูดออกมีดังนี้

– ความเสี่ยงจากการใช้ยาชาและยาสลบ

– ผิวช้ำ ห้อเลือด (อันเกิดจากเส้นเลือดเกิดการฉีกขาด เลือดออกและคั่งอยู่ใต้ผิวหนัง)

– ผิวบวมน้ำ (seroma)

– ผิวชา

– ผิวซีดเนื่องจากสูญเสียเมลานิน

– เกิดรอยบุ๋ม รอยเหี่ยว หรือรูปทรงที่ไม่เป็นธรรมชาติ

– เสียสมดุลของของเหลวใต้ผิวหนัง

– อักเสบ ติดเชื้อ

– ผิวไหม้จากการเลเซอร์

– เสียชีวิต (ซึ่งเกิดขึ้นได้น้อยมาก แต่ก็มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ นับเป็นความเสี่ยงที่ร้ายแรงที่สุด)

การพักฟื้นหลังการดูดไขมัน

ระยะการพักฟื้นหลังการทำการดูดไขมันนั้น แตกต่างกันไปตามแต่เทคนิคกระบวนการในการทำ ปริมาณไขมันที่ดูดออก สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย รวมทั้งทักษะความชำนาญของแพทย์ผู้ลงมือ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะต้องอยู่ค้างคืนที่โรงพยาบาลหรือคลินิกเป็นเวลา 1 คืน ก่อนจะให้กลับได้พร้อมกับคำแนะนำในการปฏิบัติตัว เพื่อจัดการกับเลือดและของเหลวที่อาจซึมออกมาจากรอยแผล

นอกจากนี้จะต้องพันผ้าพันแผลที่รัดกระชับ เพื่อลดอาการบวม และช่วยให้ร่างกายบริเวณที่ทำการดูดไขมันคุนชินกับสัดส่วนใหม่หลังการกำจัดไขมัน ส่วนระยะในการใส่ผ้าพันกระชับนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล บริเวณที่ทำ และวิธีการในการดูดไขมัน

รอยช้ำ และอาการบวมจะลดลงภายในสัปดาห์แรก แต่อาจมีอาการชาอยู่ในบริเวณที่ทำการดูดไขมัน แพทย์จะแนะนำให้คนไข้ เดินและออกกำลังเบา ๆ บ้าง เพื่อกระตุ้นการไหลเวียของเลือด ป้องกันการจับตัวแข็งของเลือดด้วย

การดูดไขมันช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินที่กำจัดได้ยากของร่างกายออกไปได้เป็นอย่างดี ทำให้ร่างกายในบริเวณนั้นดูเฟิร์มกระชับ แต่ทั้งนี้ก่อนจะหันไปพึ่งวิธีการดูดไขมัน ก็ขอให้ตั้งใจลดน้ำหนัก ควบคุมอาหาร และออกกำลังกายอย่างจริงจังเสียก่อนนะคะ เพราะวิธีเหล่านี้ล้วนเป็นการกำจัดไขมันที่ปลอดภัย ไม่เสี่ยง และยังไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากอีกด้วยค่ะ

ข้อมูลจาก

www.kapook.com