เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา มีรายงานว่า พัคซูฮง (Park Soo Hong) ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเนื่องจากถูกพ่อของเขาทำร้ายร่างกายในขณะที่เข้าร่วมการให้ปากคำที่สำนักงานอัยการเขตตะวันตกของกรุงโซล ในคดีที่พี่ชายยักยอกทรัพย์ของเขา

คลิก!!!

นอกจากนี้พยานยังได้ระบุด้วยว่าพ่อของ พัคซูฮง กล่าวว่า “น่าเสียดายที่ฉันไม่มีอาวุธ” และ “ฉันคงจะแทงมันจริง ๆ ถ้าฉันมีอาวุธ” ระหว่างการสอบสวนดำเนินคดีหลังการทำร้ายร่างกาย ยิ่งไปกว่านั้น มีรายงานว่า พี่สะใภ้ของ พัคซูฮง และพ่อของเขายังได้ไปร้านอาหารใกล้เคียงเพื่อรับประทานอาหารกลางวันหลังจากการทำร้ายร่างกายลูกชาย ซึ่งดูเหมือนทั้งสองคนจะไม่แสดงความทุกข์หรือความสำนึกผิดใด ๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นักข่าว SBS Entertainment ได้ไปพูดคุยกับพ่อของ พัคซูฮง ซึ่งกลับเข้ามาที่สำนักงานอัยการเขตฯ อีกครั้งหลังรับประทานอาหารกลางวัน โดยพ่อของ พัคซูฮง กล่าวว่า “คุณอยากรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้” และเสริมว่า “ผมคิดว่าผมควรคุยกับนักข่าวด้วยในตอนนี้”

พ่อของ พัคซูฮง ยอมรับว่าเขาได้ทำร้ายลูกชายของเขาที่สำนักงานอัยการเขตฯ จริง และอธิบายว่า “เขาควรจะทักทายพ่อแม่ของเขาอย่างเหมาะสมหลังจากที่ไม่ได้เจอหน้ากันเป็นปี ดังนั้นผมจึงเตะเข้าที่หน้าแข้งเขาหนึ่งครั้ง พี่ชายของเขาก็กำลังนั่งอยู่ที่นั่นในชุดนักโทษ ซึ่งเขาควรจะพูดว่า 'สบายดีไหม' หรือ 'ขอโทษ' เวลาเจอพ่อแม่ เราสนับสนุนเขามาโดยตลอด ซักผ้า ทำอาหาร ทำความสะอาดให้ ผมไม่ใช่หมาหรือหมูที่ต้องมาเจอเขาปฏิบัติตัวแบบนี้ใส่”

เมื่อถูกถามว่า “ทำไม พัคซูฮง ต้องขอโทษด้วยครับ?” ผู้เป็นพ่อตอบว่า “เขาเรียกพ่อตัวเองซึ่งอายุเกิน 80 ปี มาในที่แบบนี้เพื่อให้สอบปากคำ อย่างน้อยเขาควรกล่าวคำขอโทษ” นักข่าวกล่าวต่อว่า “นั่นไม่ใช่เพราะพี่ชายของ พัคซูฮง ถูกจับในข้อหายักยอกทรัพย์และคุณถูกเรียกมาเป็นพยานหรอกหรือครับ?” พ่อของเขาตอบว่า “นั่นเป็นเพราะเขาทำให้พี่ชายตัวเองดูเหมือนเป็นขโมยผ่านสื่อ”

พัคซูฮง ได้ฟ้องพี่ชายของเขาในข้อหายักยอกทรัพย์ในเดือนเมษายนปีที่แล้ว โดยเขากล่าวหาว่าพี่ชายได้ขโมยเงินจำนวน 10 พันล้านวอน (ราว 200 กว่าล้านบาท) ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หลังจากนั้นอัยการจึงได้ออกหมายจับพี่ชายของเขา และเป็นที่ทราบกันดีว่าพี่ชายของ พัคซูฮง ถูกจับกุมและขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนเกี่ยวกับคดีเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม พ่อของ พัคซูฮง ปฏิเสธอย่างเสียงแข็งว่าตัวพี่ชายไม่ได้ทำ พ่อของเขาอธิบายว่า “เขา (พัคซูฮง) ไม่ได้ทำเงินได้มากขนาดนั้น ในเวลาแค่ 10 ปี เงินที่ได้รับมาจากอพาร์ทเม้นท์สามห้องที่ซื้อมา จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ทำเงินได้มากขนาดนั้น”

พี่ชายของ พัคซูฮง ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเจ้าของศูนย์การค้ามากกว่า 8 แห่งในย่าน Magok-dong กรุงโซล อสังหาริมทรัพย์ของเขาเพียงคนเดียวมีมูลค่ามากถึง 20 พันล้านวอน และเป็นที่ทราบกันดีว่ารายได้จากค่าเช่ารายเดือนอยู่ในหลักหลายสิบล้านวอน

พ่อของ พัคซูฮง แย้งว่า พัคซูฮง เป็นเจ้าของ 50% ของศูนย์การค้าเหล่านั้นและพี่ชายของเขาเป็นเจ้าของอีก 50% แต่เมื่อผู้สื่อข่าวของ SBS ตรวจสอบการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการของห้างสรรพสินค้าเหล่านั้น กลับไม่พบชื่อของ พัคซูฮง เลย ห้างสรรพสินค้าส่วนใหญ่อยู่ภายใต้ชื่อของพี่ชายและภรรยาพี่ชายของเขา โดยที่แม่ของ พัคซูฮง เป็นเจ้าของ 2%

พัคซูฮง อ้างว่า “ผมเชื่อพี่ชายของผมเพราะเขาพูดว่า 'นี่คือห้างของนาย' แต่กลับกลายเป็นว่าชื่อของผมไม่มีอยู่ในการจดทะเบียนเลยครับ” ดังนั้น พัคซูฮง จึงคิดว่าพี่ชายของเขาได้จงใจยักยอกทรัพย์และหลอกลวงเขา

เกี่ยวกับข้อหายักยอกทรัพย์ พ่อของ พัคซูฮง อ้างว่าเขาเป็นคนที่ทำเองและไม่ได้เกี่ยวกับพี่ชายของเขา

ที่มา naver