|
คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12
มติชนรายวันฉบับวันที่ 3 ตุลาคม 2557
คน ฮ่องกงกำลังเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยและการใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างมี เสรีภาพ อันเป็นการท้าทายการปกครองของรัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนครั้งสำคัญอีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้เป็นการต่อสู้ในเขตปกครองพิเศษ ไม่ใช่การลุกฮือในใจกลางเมืองปักกิ่งบนแผ่นดินใหญ่แบบเมื่อ 25 ปีก่อน
คน ทั่วโลกจึงคาดหวังว่า รัฐบาลจีนคงไม่ใช่มาตรการแข็งกร้าว เอาทหารและรถถังเข้าสลายการชุมนุมเหมือนเหตุการณ์เทียนอันเหมิน คงไม่มีการนองเลือดเกิดขึ้นอีก
ไม่ ว่าสถานการณ์ฮ่องกงจะคลี่คลายไปในทางใด แต่ถือได้ว่านโยบายปกครองบ้านเมืองภายใต้ระบอบสังคมนิยมโดยเผด็จการชนชั้น กรรมาชีพนั้น น่าจะอยู่ในจุดที่เริ่มฝืนกระแสพัฒนาการของโลกมากขึ้นเรื่อยๆ
ในยุคที่สังคมชาวโลกก้าวไปสู่ความเป็นเสรีนิยมอย่างสุดขีดทั้งการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม
ทุนนิยมเสรีเติบโตขยายตัวกว้างขวาง
จึงน่าสนใจว่าโลกของชาวสังคมนิยมจะยังดำรงอยู่อย่างยิ่งใหญ่ได้ยาวนานขนาดไหน
เหตุการณ์ประท้วงในฮ่องกงเป็นที่สนใจในหมู่คนไทยอย่างมาก เพราะบินไปกินเที่ยวกันอยู่บ่อยๆ
อีก อย่างบ้านเราเพิ่งมีการชุมนุมประท้วงใหญ่เมื่อตอนปลายปีที่ผ่านมาต่อต้นปี นี้ เพียงแต่ด้วยเนื้อหาจุดยืนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว ระหว่างเรียกหาเลือกตั้งกับต่อต้านเลือกตั้ง
ขณะเดียวกันคนในกลุ่ม ม็อบต่อต้านนักการเมืองและการเลือกตั้งในบ้านเราเพิ่งนำเสนอทฤษฎีกวาดล้าง คอร์รัปชั่น โดยให้ยึดแนวทางแบบคอมมิวนิสต์จีน
อยากให้ คสช.สวมบทผู้นำคอมมิวนิสต์จีน ปราบพวกโกงกินแบบเด็ดขาด จะให้ประหารชีวิตอะไรกันเลยทำนองนั้น
จึง น่าสนใจว่ากลุ่มคนฝ่ายแนวคิดขวาจัดในบ้านเรา นอกจากลุกฮือครั้งใหญ่เพื่อโค่นล้มประชาธิปไตย ไม่ให้มีการเลือกตั้งแล้ว วันนี้ต้องการให้ประเทศไทยเราปกครองแบบเผด็จการ ใช้ท่วงทำนองรัฐสังคมนิยมในหลายๆ เรื่อง
เช่น กรณีช่อง 3 อนาล็อก ซึ่งมีผู้กล่าวกันว่าองค์กรของรัฐซึ่งทำหน้าที่ด้านกิจการวิทยุและโทรทัศน์ คงกำลังใช้แนวคิดแบบรัฐสังคมนิยมเข้ามาจัดการปัญหานี้อยู่กระมัง
จึง มีการใช้อำนาจบังคับอย่างไม่ยอมรับความจริงว่า กสทช.เองยังไม่สามารถจัดการให้คนดูไทยเข้าถึงระบบดิจิตอลได้เลย ยังขาดความพร้อมอีกหลายด้าน ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปี
แต่จู่ๆ กลับไปบังคับผู้ประกอบการ ให้เข้ามาอยู่ในระบบดิจิตอลให้หมดทุกเจ้า ใครไม่เข้าก็ไปบังคับให้จอดำบนระบบดาวเทียมและเคเบิล
กรณีช่อง 3 นั้น มีผู้รู้ในแวดวงโทรทัศน์อธิบายให้เห็นภาพง่ายๆ ว่า
จุด เริ่มต้น เมื่อมีการจัดประมูลคลื่นทีวีดิจิตอลนั้น ผู้บริหารช่อง 3 ก็ให้ความร่วมมือ โดยประมูลดิจิตอลได้ถึง 3 ช่อง จ่ายเงินค่าสัมปทานให้กับองค์กรรัฐมากมายมหาศาล
แต่พร้อมๆ กัน จากการศึกษาการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิตอลของประเทศทั่วโลก ช่อง 3 รู้ว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี ระหว่างนี้จึงยังเดินหน้าช่อง 3 อนาล็อกอยู่ต่อไปตามระยะเวลาสัมปทานที่มีอยู่ โดยใช้วิธีแยกอีกบริษัทไปทำดิจิตอล ซึ่งเชื่อว่าต้องค่อยเป็นค่อยไป
ทั้งสัมปทานอนาล็อกเดิมและสัมปทานดิจิตอล ช่อง 3 มีหมด จ่ายเงินอย่างถูกต้อง และเป็นตามกฎหมายทุกประการ
อีกทั้งช่อง 3 ยังเห็นว่าเมื่อคนดูจำนวนมากยังอยู่ในอนาล็อก เมื่อประชาชนอยู่ตรงนี้ ก็ตัดสินใจทำธุรกิจในระบบอนาล็อกนี้ไปพลางๆ ก่อน
แต่ กสท.ไม่ยอม อ้างว่าเป็นการเอาเปรียบเจ้าอื่น จึงทำทุกอย่างเพื่อบังคับให้เลิกระบบอนาล็อก กระทั่งใช้อำนาจทำให้จอดำ
คงลืมไปว่าประเทศไทยเรายังใช้ระบบเศรษฐกิจเสรีอยู่ มิใช่รัฐสังคมนิยมอย่างแน่นอน
ที่มา ข่าวสดออนไลน์