ฉากหลัง “ดาราสาว” กับงานอีเวนต์
2012-04-25 15:30:45
Advertisement
Pyramid Game

ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของผลิตภัณฑ์แบรนด์มิสทินกันแน่ หลังจัดงานเปิดตัวสินค้าใหม่โดยมีนักแสดงชื่อดัง “ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต” มารับหน้าที่เป็นพรีเซ็นเตอร์

เพราะทุกครั้งที่มีการหยิบยกบรรยากาศในงานวันดังกล่าวขึ้นมาพูดคุย ทว่าหัวข้อนั้นก็หาได้เกี่ยวข้องกับความดี-เด่น-ดังของสินค้าตัวใหม่แต่อย่างใด หากแต่เกี่ยวกับตัวของนักแสดงสาวเองที่มี “ภาพหลุด” ออกมาให้เห็นกันแบบเต็มๆ

ด้วยการหลุดชนิดที่ตากล้องสามารถถ่ายได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามเสย-งัด-แงะนี้เอง ทำให้หลายคนที่มีโอกาสเห็นภาพต่างเกิดความสงสัยเหมือนๆ ขึ้นมาว่าการหลุดที่ว่านี้เป็นการ “ตั้งใจ” หรือ “ไม่ตั้งใจ” กันแน่?

ขณะที่ฟากของสาวชมพู่เองหลังถูกวิพากษ์อย่างหนักเจ้าตัวก็ได้ออกมาชี้แจงว่า เป็นเพราะความฉุกละหุกนั่นเองที่ทำให้ตนต้องสวมชุดดังกล่าวโดยไม่ได้เตรียมความพร้อมล่วงหน้า ประกอบกับความเลินเล่อของตนเองที่ลืมคิดไปว่าด้วยรูปแบบการตัดเย็บของชุดที่ว่านั้นโอกาสที่จะพลาดพลั้งจนเกิดการโชว์แบบที่ไม่ได้ตั้งใจนั้นมีอยู่สูงทีเดียว
...
ออปชันเสริม?

“กรณีของชมพู่ ถ้าโดยส่วนตัวพี่มองว่าไม่น่าจะเกิดจากความตั้งใจนะ เพราะถ้าตั้งใจแล้วจะให้หลุดแบบนั้นจริงๆ การเซฟการปกป้องมันน่าจะดูดีมีคลาสกว่าการปล่อยให้เห็นลึกเข้าไปถึงไหนๆ แบบนี้...” “พี่หมู” (ชื่อแฝง) แหล่งข่าวจากออแกไนเซอร์แห่งหนึ่ง “พี่หมู” (ชื่อแฝง) แสดงความคิดเห็น

“แต่เรื่องที่บอกว่าไม่ได้มีการลองชุดกัน ด้วยงานนี้ค่อนข้างใหญ่ แถมชื่อชั้นระดับชมพู่ซึ่งก็เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้มิสทินมาตั้งนาน ถ้าบอกว่าไม่มีการเตรียมตัว ชุดที่ลองไว้ไม่ได้ใส่ มาใส่ชุดที่ไม่ได้ลอง ซึ่งจริงๆ มันก็มีโอกาสเป็นไปได้นะ แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นมืออาชีพเอาเสียเลยทั้งคนจัดทั้งคนรับงาน”

“เอาจริงๆ พี่ว่าเรื่องชุดนั้น ทั้งคนใส่ทั้งทีมงานน่าจะรู้ว่ามันมีโอกาสที่จะมีภาพวับๆ แวมๆ ออกมา แต่ก็คงจะคาดไม่ถึงว่ามันจะอล่างฉ่างอะไรขนาดนั้น...”

แม้จะได้ชื่อว่า “ดารา-นักแสดง” หากแต่เป็นที่น่าสังเกตว่าในระยะหลายปีหลังมานี้ดูเหมือนว่างานหลักที่สร้างรายได้ให้แก่บรรดาสาวๆ ที่มีอาชีพดังกล่าวนี้กลับไปอยู่ที่งานโชว์ตัวตามอีเวนต์ต่างๆ มากกว่างานแสดงเสียอีก ซึ่งก็หาใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดเมื่อมองไปถึงผลตอบแทนกับแรงกายที่ลงไป

อย่างในกรณีของ ชมพู่ อารยา ที่มีค่าตัวในการเล่นละครตกตอนละประมาณ 75,000 บาทโดยอาจจะต้องใช้เวลาทั้งวัน แต่ออกงานอีเวนต์ไม่ถึง 2 ชั่วโมงเธอสามารถจะทำรายได้ไปเหนาะๆ 120,000-150,000 บาท, “อั้ม พัชราภา” รับงานอีเวนต์โดยประมาณที่ 150,000-200,000 บาท, “พลอย เฌอมาลย์” ที่ 100,000 ถึง 120,000 บาท

“แอฟ ทักษอร” 120,000 บาท, “นุ่น วรนุช” ที่ 90,000 บาท หรือจะเป็นนางเอกสาวมาแรงอย่าง “ญาญ่า อุรัสยา” ที่เล่นละครตอนละ 45,000 บาท แต่รับงานอีเวนต์งานละประมาณ 70,000-80,000 บาท มากกว่ากันเกือบครึ่งต่อครึ่ง ฯลฯ



ตัวเลข (โดยประมาณ) ดังกล่าวนั้นเป็นเพียงราคามาตรฐานของงานอีเวนต์โดยทั่วๆ ไป บางงานอาจจะถูกกว่า ขณะที่บางงานนั้นอาจจะยิ่งสูงขึ้นไปในกรณีที่อีเวนต์นั้นมีความพิเศษกว่าการโชว์ตัวทั่วๆ ไป ซึ่งความพิเศษที่ว่านี้ก็มีทั้งงานที่อาจจะต้องโชว์ความหวือหวาของเรือนร่าง เช่น เดินแบบชุดบิกินี, ชุดว่ายน้ำ, ลงอ่างอาบน้ำแร่แช่น้ำนม, ล้างรถ ฯ รวมไปถึงงานที่อาจจะต้องใช้ความเสี่ยง เช่น โรยตัว โหนสลิง ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ปีนนั่งร้าน ซึ่งเหล่านี้บรรดาบริษัทจัดงานอีเว้นท์ทั้งหลายอาจจะต้องจ่ายเพิ่มขึ้นไปอีก

“อย่างอั้มเคยรับอยู่ที่แสนห้าแสนเจ็ด ถ้ามีความพิเศษขึ้นอย่างที่ว่าราคาก็อาจจะเพิ่มไปเป็น สองแสน หรือว่าสองแสนห้า โดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ราคานี้นะ แต่ก็อย่างว่าตรงนี้มันไม่ใช่ราคาตายตัวแต่อย่างใด ขึ้นอยู่กับการตกลงกันมากกว่า เพราะอย่างงานเชิญถ้วยฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกที่ต้องนั่งเฮลิคอปเตอร์นั่นก็มีข่าวออกมาว่าเธอรับเป็นเงินเจ็ดหลักกันเลยทีเดียว”

“แล้วที่จะสามารถอัพเงินเพิ่มได้ก็คือ ประเภทที่ออกงานกันเป็นคู่ๆ โดยเฉพาะคู่รักอันนี้จะค่อนข้างฮิตกัน ถึงขนาดที่บางครั้งหลายคู่อาจจะไม่ได้มีอะไรกันเลย แต่พอมีกระแสข่าวหรือว่าถูกจับคู่ พวกนี้ก็จะเลยตามเลย เพราะรู้สึกว่าไม่ได้เสียหายอะไร ดีเสียอีกไปออกงานคู่กันไปออกงานพร้อมกันได้ตังค์เพิ่มอีกต่างหาก”

มิใช่เพียงคู่รักเท่านั้น ในระยะหลังๆ เป็นที่น่าสังเกตว่าดาราที่มีข่าวซดเกาเหลากันและกันแต่กลับมาออกงานคู่กันก็บ่อยครั้ง ยกตัวอย่างล่าสุดก็คงจะเป็นในรายการนักแสดงสาวจากวิกหมอชิตอย่าง “ปุ๊กลุก ฝนทิพย์” กับสาว “แตงโม ภัทรธิดา” ที่ฝ่ายแรกประกาศชัดว่าจะไม่ขอออกงานกับอีกฝ่ายเพราะเกรงจะเป็นการสร้างกระแส แต่ไม่นานเราก็เห็นทั้งสองอยู่ร่วมเวทีเดียวกันจนได้

ซึ่งเรื่องนี้ทางพี่หมูเองมองว่า...
“ในความเป็นจริงมันก็มีทั้งที่ทะเลาะกันจริงๆ แล้วก็ไม่ทะเลาะกันจริงๆ ซึ่งอันหลังไม่มีปัญหาอยู่แล้วที่จะต้องออกงานด้วยกัน ส่วนในกรณีทะเลาะกันจริงๆ แล้วมาอยู่ในงานเดียวกัน อันนี้เป็นไปได้ว่าดาราที่ถูกเชิญมาไม่รู้มาก่อน ซึ่งคนจัดงานอาจจะไม่ต้องจ่ายเพิ่มอะไร”

“แต่ถ้ารู้เนี่ย ตรงนี้ดาราบางคนอาจจะขอคิดเงินเพิ่ม ประมาณว่าเป็นค่าเสียความรู้สึก แต่บางคนก็ไม่คิดเพิ่มนะ เพียงแต่อาจขอว่าไม่ขอสัมภาษณ์ร่วมกัน ไม่ขอใช้ห้องแต่งตัวห้องเดียวกันนะ ก็ว่ากันไป ซึ่งกรณีนี้ถ้าใครจำได้ก็อย่างในรายของมะหมี่ (นภคประภา) กับ กบ (พิมลรัตน์)ที่มีข่าวว่าฝ่ายแรกนั้นขอแยกห้องแต่งตัวนั่นแหละ”
...
เมื่อตัวแม่เจอตัวแม่

การจัดงานอีเวนต์ที่สามารถรวมเอาดาราชื่อดังมารวมกันได้ มุมหนึ่งอาจจะสร้างความฮือฮาให้กับเจ้าของสินค้าหรือผลิตภัณฑ์นั้นๆ ทว่าในแง่ของดาราเองแล้วอาจจะต้องคิดหนักในกรณีถ้าตนเองต้องเด่นต้องดัง

ด้วยเหตุนี้ยุทธวิธีเพื่อเรียกความเด่นดังอย่างที่เรียกกันว่า “แย่งซีน” จึงเกิดขึ้น

แน่นอนว่าที่ผ่านมาคงไม่มีดาราคนไหนที่จะออกมายอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่าตนเองได้ใช้วิธีการดังกล่าวออกไป หากแต่สำหรับในงานเดินแบบเปิดคอลเลกของแบรนด์ชั้นนำจากอังกฤษแบรนด์หนึ่งที่ได้สองซูเปอร์สตาร์ “พลอย เฌอมาลย์” และสาว “ชมพู่ อารยา” มาร่วมงานกันนั้นมันชวนให้คิดถึงคำว่าแย่งซีนกันเหลือเกิน

เริ่มกันตั้งแต่เรื่องสีของชุด โดยสาวพลอยนั้นอยู่ในชุดสีดำ ขณะที่สาวชมพู่อยู่ในชุดสีขาว ซึ่งการเดินแบบรอบแรกทั้งคู่ก็มาในมาดเข้มเดินจิกสุดฤทธิ์ ก่อนจะมาโพสท่าตรงหน้าเวทีและเดินกลับไปพร้อมกัน จากนั้นสาวพลอยก็ฉายเดี่ยวกลับมาอีกรอบ และหยุดโพสที่หน้าเวที พร้อมกับสะบัดผมสุดแรง ก่อนจะไปหยุดรอชมพู่กลางเวที ด้านสาวชมพู่ พอเดินออกมาถึงหน้าเวทีเธอก็หยุดโพสท่าพร้อมใช้มือทั้งสองข้างสะบัดผมอย่างแรงราวกับจะเกทับอีกฝ่ายอย่างไรอย่างนั้น

จากนั้นทั้งคู่ก็เดินกลับไปหลังเวทีพร้อมกัน ก่อนจะเดินออกมาอีกครั้งพร้อมกับเหล่ากองทัพนายแบบนางแบบ โดยพลอยเป็นคนเดินนำขบวนตามมาด้วยชมพู่ ซึ่งวันนี้สาวพลอยดูคึกคักอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เดินแบบไปเต้นไปโยกตัวไปตามจังหวะ ด้านชมพู่ก็โบกไม้โบกมือแต่ยังไม่เต้นออกลีลาท่าทางสักเท่าไหร่ ทว่าพอถึงหน้าเวทีในจุดที่ต้องโพสท่า ปรากฏว่าจู่ๆ สาวชมพู่ก็เต้นส่ายหน้าอกไปมาจนเรียกเสียงกรี๊ดดังลั่น

เท่านั้นยังไม่พอ แม้กระทั่งระหว่างที่อยู่กลางเวทีเพื่อโพสท่าให้ช่างภาพถ่ายรูป ทั้งสาวพลอยกับสาวชมพู่ต่างก็ออกอาการคึกคักเต้นส่ายสะโพกชูไม้ชูมือไปมาแบบไม่มีใครยอมใคร ชนิดที่ถ้าสิ่งที่กระทำออกมาทั้งหมดของทั้งสองไม่ได้เพื่อเป็นการแย่งกันเด่นแล้ว ก็ต้องบอกว่าเธอทั้งคู่ทำงานได้คุ้มเกินราคาจ้างจริงๆ
...
ได้แค่กระแส?

ย้อนไปในอดีตเราจะพบว่า การที่เจ้าของสินค้าจะเลือกพรีเซ็นเตอร์เพื่อมาแนะนำโฆษณาสินค้าของตัวเองนั้นถือว่าไม่ง่าย เพราะต้องการกระบวนการคิดมากมาย ทั้งเรื่องของความเหมาะสม ผลตอบรับ แต่กับปัจจุบันกลายเป็นว่าการเอาดารามาออกงานอีเวนต์ต่างๆ กลับไปขึ้นอยู่กับว่าดาราคนนั้นพอที่จะทำให้นักข่าวตามมาทำข่าวได้มั้ย?

“คือมันมีนักข่าวตามมาก็จริง แต่เนื้อหาที่สื่อออกไปไม่ได้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรืออะไรเลย กลายเป็นว่าไปคุยกันเรื่องเกาเหลาคนนั้นจริงมั้ย มีข่าวไปกับคนนั้นหรือเปล่า” เดย์ ฟรีแมน (เดชาวุฒิ ฉันทากะโร) หรือ “ป้าเดย์” ผู้ที่คลุกคลีอยู่กับแวดวงงานโชว์และงานอีเวนต์รุ่นเก๋าแสดงความคิดเห็น

“บางบริษัท บางเจ้าของผลิตภัณฑ์ต้องมาเสียเงินตรงนี้เป็นหลักแสนหลักล้านจัดงานขึ้นมา หน้างานอาจจะดีจังเลยมีนักข่าวมาเยอะ แต่กลายเป็นว่าข่าวที่ออกไปไม่รู้ว่างานอะไร ก็เสียเงินเปล่า แถมบางทีทำให้คุณค่าสินค้าตัวเองลดลงไปอีก เพราะไปเอาดาราที่แบบว่ากำลังเป็นข่าวมาโดยที่ไม่มองเลยว่าดาราคนนั้นมันมีข่าวฉาวหรือว่าอะไร”

การนำเอาดาราดังๆ ดาราที่อยู่ในกระแสมาออกงานอีเวนต์ มารับหน้าที่พรีเซ็นเตอร์อาจจะก่อให้เกิดกระแสความน่าสนใจขึ้นมาจริงๆ แต่ในมุมมอง ของ “เดย์ ฟรีแมน” เจ้าตัวมองว่ามันเป็นเพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น

“สมัยก่อนเวลาจะจัดงานอีเว้นท์สักงานนึง มันจะต้องมีการวางแผนอย่างนั้นอย่างนี้ มองกันไปถึงเรื่องผลตอบรับต่างๆ นานา แต่ระยะหลังๆ การตัดสินใจตรงนี้กลับเป็นบริษัทที่รับจัดอีเว้นท์เอง ไม่ใช่เจ้าของผลิตภัณฑ์ แล้วอย่างที่บอกคนจัดงานก็ไม่ได้คิดอะไรมากขอแค่ให้มีนักข่าวมา”

“แล้วการที่ดาราหลายๆ คนไปออกงานบางทีมันก็ตลกนะ วันนึงไปสินค้านึงอีกวันไปงานที่เป็นสินค้าประเภทเดียวกันแต่คนละยี่ห้อ อ้าว อย่างไร ทำไมวันนึงใช้ยี่ห้อนึง อีกวันใช้อีกยี่ห้อ คนเขาก็อาจจะสงสัยว่าตกลงอะไรแน่ อย่างเขามีการแซวกันเอ่ยชื่อก็ได้ อย่าง ณเดชน์ ก็แซวๆ กันว่าถ้าอยากจะหล่อแบบณเดชน์เนี่ยต้องดื่มชายี่ห้อนี้ ใช้สบู่ยี่ห้อนั้น ทาแป้งนี่ ขับรถนั่น ใช้กล้องยี่ห้อโน้น ก็ตลกดี”

“มันอาจจะได้กระแสนะ แต่มันก็ระยะสั้นๆ เดี๋ยวพอมีคนอื่นที่ดังกว่าก็เอามา หรืออย่างงานอีเวนต์ที่แบบว่าเอาดารามาทำอะไรแปลกๆ เอาดาราที่เป็นข่าวมางาน ตอนหลังๆ เราจะเริ่มเห็นว่าน้อยนะ เพราะมันเริ่มหมดมุก ก็เริ่มลดลงไป”

สุดท้ายก็คงจะต้องบอกว่า ไม่ว่าฉากหน้าจะอ้างอิงอย่างโน้น อย่างนี้อย่างนั้น หรือออกมาอย่างไร? ฉากหลังส่วนใหญ่ก็ล้วนแล้วแต่เรื่องของผลประโยชน์กันทั้งนั้น...

ข้อมูลจาก

http://www.manager.co.th

onlyfans leaked xxx onlyfans leaked videos xnxx 2022 filme porno filme porno





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X