ในปัจจุบันทุกบ้านย่อมใช้เครื่องซักผ้าในการซักเป็นส่วนใหญ่ หรือบ้านที่ไม่มีเครื่องซักผ้า ก็ไปใช้บริการตู้ซักผ้าหยอดเหรียญซึ่งมีให้เลือกมากมายหลายสาขา แต่สำหรับผ้าบางประเภท หรือเครื่องนุ่งอมบางชนิดอย่างชุดชั้นใน ยังจำเป็นต้องอาศัยการซักด้วยมือ รวมไปถึงเสื้อผ้าที่สกปรกมาก จำเป็นต้องมีการใช้แปรงซักผ้าช่วยทำความสะอาด หรือว่าใช้มือขยี้คราบสกปรกออกก่อน เพื่อที่เมื่อนำเข้าเครื่องซักผ้าแล้ว เครื่องซักผ้าจะได้กำจัดคราบสกปรกที่เหลือออกได้อย่างหมดจด ซึ่งเราจะพาคุณไปรู้จักกับอุปกรณ์ในการซักผ้าด้วยมือชิ้นสำคัญ นั่นคือแปรงซักผ้า โดยพาไปรู้จักว่ามีกี่ประเภท และเหมาะกับการใช้งานแบบใด รวมไปถึงแนะนำแหล่งสำหรับซื้อให้แก่คุณด้วย หากสนใจตามไปอ่านในบทความของเรากันได้เลย

แปรงซักผ้าที่นิยมใช้กันโดยทั่วไปมีกี่ประเภท?

1. แปรงซักผ้าแบบไนลอน ที่จับไม้

เป็นแปรงสำหรับใช้ซักผ้าที่ได้รับความนิยมและมีใช้กันแทบทุกบ้านเลย โดยลักษณะด้านบนของแปรงจะผลิตจากวัสดุที่เป็นไม้ ซึ่งส่วนมากจะใช้เป็นไม้ยางพาราคัดเกรดผ่านการอบและกำจัดเสี้ยนมาอย่างดี จึงทำให้มีน้ำหนักเบา และหยิบจับสะดวก ในส่วนของขนแปรงนั้นอ่อนนุ่มเป็นพิเศษ ช่วยกำจัดคราบบนเสื้อผ้าได้อย่างง่ายดาย

2. แปรงซักผ้าไนลอน ที่จับพลาสติก

แปรงซักผ้าอีกหนึ่งชนิดที่นิยมใช้กันโดยทั่วไปคือ แปรงสำหรับซักผ้าไนลอน ที่จับพลาสติก ด้านบนของแปรงจะผลิตจากวัสดุเกรดเอ จึงมีความแข็งแรงทนทาน อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบา ส่วนขนแปรงเป็นไนลอนที่มีความนุ่มและมีการแบ่งเป็นก้อน ๆ จึงทำให้ไม่ทำร้ายเนื้อผ้า ทั้งยังสามารถทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึก ด้ามจับมักจะได้รับการออกแบบมาให้จับถนัดมือ เพื่อการใช้งานได้อย่างสะดวกอีกด้วย

3. แปรงซักผ้าแบบอเนกประสงค์ มีด้าม

แปรงสำหรับซักผ้าชนิดสุดท้ายที่เราอยากจะแนะนำ คือ แปรงซักผ้าแบบอเนกประสงค์ เป็นแปรงซักผ้าที่ผลิตจากวัสดุพลาสติก มีด้ามจับยื่นออกมา เพื่อการจับใช้งานได้อย่างถนัดมือ สามารถใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดเสื้อผ้า หรือข้าวของเครื่องใช้ที่มีส่วนประกอบเป็นผ้า เพื่อการถนอมใยผ้าให้สามารถใช้งานได้นานยิ่งขึ้น

แนะนำแหล่งซื้อแปรงซักผ้าง่าย ๆ หาซื้อได้ทางออนไลน์

สำหรับแหล่งที่เราอยากจะแนะนำ คือ Makro Click ที่คุณสามารถหาซื้อข้าวของเครื่องใช้ในบ้านต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแปรงสำหรับซักผ้า ผงซักฟอก หรืออื่น ๆ อีกมากมายได้ไม่ยาก ทั้งยังสะดวก รวดเร็ว ผ่านทางเว็บไซต์ของ Makro Click นั่นเอง