|
อีซึงกิ (Lee Seung Gi) ได้ร่วมให้ถ่ายแบบและให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร GQ Korea!
การสัมภาษณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ อีซึงกิ ประกาศแต่งงานกับ อีดาอิน (Lee Da In) เพียงไม่กี่ชั่วโมง ผู้สัมภาษณ์บอกว่าคงจะต้องขอเป็นนักข่าวก่อนในตอนนี้ และขอสัมภาษณ์ความรู้สึกของเขาหน่อย อีซึงกิตอบว่า
“ผมรู้สึกสงบและปลอดโปร่งครับ เราตัดสินใจว่าจะแต่งงานกันมาซักพักแล้ว ตั้งแต่วินาทีที่ผมตัดสินใจจะอยู่กับเธอ ผมก็รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก”
เขาพูดต่อ
“เธอเป็นคนที่ผมรักมาก คนที่เคียงข้างผม แต่คุณคิดไม่ถึงแน่ว่าผมรู้สึกกังวลแค่ไหนตอนที่เขียนจดหมาย...[ประกาศแต่งงาน]”
เมื่อถามว่าความรักเปลี่ยนแปลงเขาอย่างไร อีซึงกิเล่าว่า
“ผมรู้สึกกล้าหาญและมั่นใจมากขึ้น พลังในการต่อสู้ของผมเปลี่ยนไป มันมีเหตุผลชัดเจนแล้วว่าทำไมผมถึงไม่ควรยอมแพ้ และผมมีความรู้สึกอยากจะทำให้สำเร็จและไม่อยากยอมแพ้”
พูดถึงเรื่องคดีความของเขากับอดีตต้นสังกัด Hook Entertainment ที่อีซึงกิบอกว่าจะนำเงินที่เขาเคยไม่รับทั้งหมดบริจาคให้กับสาธารณะประโยชน์ และจนถึงตอนนี้ อีซึงกิได้บริจาคเงินไปแล้วทั้งสิ้น 5000 ล้านวอน (ประมาณ 134 ล้านบาท) ให้แก่ โรงพยาบาลเด็กประจำมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล, สภากาชาติเกาหลี, สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูงของเกาหลี และอีกมากมาย
อีซึงกิพูดถึงความคิดเห็นของสาธารณะต่อการบริจาคของเขาว่า
“เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้เดินทางไปต่างประเทศโดยนั่งเครื่องบินชั้นประหยัด คือการนั่งชั้นประหยัดผมก็นั่งเป็นครั้งคราวนะครับถ้าไม่มีที่นั่งอื่นเหลืออยู่แล้ว” เขาหัวเราะ “แต่คนพูดกันว่า ‘อีซึงกิบริจาคเงิน 5 ล้านวอน แล้วยังนั่งเครื่องบินชั้นประหยัดอีก น่าทึ่งมากเลย’ ผมรู้สึกดีที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้คนที่ปกติไม่ได้สนใจผม และคนที่ถึงกับไม่ชอบผม มันทำให้ผมมีพลัง จนถึงขั้นร้องไห้เลยครับ เพราะว่ามันเหมือนกับผมไม่ได้สู้อยู่ตัวคนเดียว”
ผู้สัมภาษณ์ถามถึงเรื่องที่เขาเดินทางไปยังสถานที่ที่เขาบริจาคเงินด้วยตัวเอง อีซึงกิอธิบายความหมายของการบริจาคเงินในครั้งนี้ว่า
“ผมต้องบอกก่อนว่าการบริจาคทั้งหมดเป็นเรื่องดี แต่ว่าการบริจาคในครั้งนี้นั้นแตกต่างออกไป เงินจำนวนนั้นมีค่าสำหรับผมมากๆ ถ้าจะพูดให้เว่อร์ก็คือ เป็นเงินที่แลกมาด้วยเลือดเนื้อ เพราะเป็นเงินที่ได้มาจากความเครียด ความเจ็บปวด และความสิ้นหวังในวัยหนุ่มของผม นั่นเป็นเหตุผลที่ผมอยากจะบริจาคเงินนี้โดยไม่อยากทำให้ตัวเองรู้สึกว่าต้องสูญเสียสิ่งเหล่านี้มากไปกว่านี้แล้ว ผมอยากจะบริจาคเงินไปยังสถานที่ที่ผมได้เห็นกับตา 2 ตาว่าเงินนี้จะถูกเอาไปใช้อย่างไร”
เมื่อพูดคุยกันถึงวิธีการที่อีซึงกิรับมือกับคำวิจารณ์ของสาธารณะชน เขาอธิบายมุมมองของเขาเกี่ยวกับความมั่นใจของมนุษย์ที่เป็นแรงผลักดัน
“ผมคิดว่าคนถูกหลอกด้วยคำว่า ‘ให้ทำอะไรเงียบๆ’ คุณอาจจะคิดว่าพวกเขาเงียบ เพราะคุณมองพวกเขาจากที่ไกล แต่จริงๆแล้วคนพวกนั้นไม่ได้ทำอะไรเงียบๆ คุณต้องต่อสู้กับเขา ผมเชื่อว่า การทำอะไรเงียบๆที่ไม่รู้สึกเสียใจ ทำให้ดี ทุ่มเททุกหยาดเหงื่อ นั่นคือความหมายทั้งหมดของการทำอะไรเงียบๆครับ”
สำหรับเรื่องความมั่นใจ อีซึงกิบอกว่าตอนนี้เขามั่นใจมากที่สุด
“ตอนนี้ผมมีใครบางคน, มีบริษัท มีทีมงานที่ต้องปกป้อง” เขาพูดต่อ “ผมคิดว่าความมั่นใจคือการที่ไม่รู้สึกอายในงานที่ผมทำ”
เมื่อ 10 ปีที่แล้ว อีซึงกิเคยบอกว่าเขาไม่ค่อยมีความรู้ด้านรายการวาไรตี้ แต่ยังจับจุดการแสดงไม่ได้เลย เขาได้พูดถึงการถ่ายทำล่าสุดของเขา อีซึงกิอธิบายว่า เขาก็ยังรู้สึกไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับการแสดง
“ถึงแม้จะเหนื่อยกาย แต่ผมรู้สึกว่าใจผมรู้สึกสบายใจกว่าเวลาทำงานรายการวาไรตี้”
อย่างไรก็ตาม อีซึงกิบอกว่าตอนนี้เขาอยากทำงานด้านดนตรีมากที่สุด
“เพราะว่าปีหน้าผมเดบิวต์ครบรอบ 20 ปีแล้ว ตอนนี้ผมค่อยๆเปิดเครื่องทีละน้อย”
อีซึงกิเปิดเผยว่า
“ผมจะทำการแสดงสดให้มากขึ้นและทัวร์เอเชียด้วย ผมไม่รู้ว่าอิสระที่ผมมีในตอนนี้จะทำให้ผลงานเพลงของผมเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร”
ผู้สัมภาษณ์ถามถึงรายการเซอร์ไววัลค้นหาไอดอลที่อีซึงกิกำลังทำหน้าที่พิธีกรว่า “คุณกำลังติดปีกอิสระของคุณในรายการ Peak Time” และ อีซึงกิตอบว่า “จากนี้เป็นต้นไปครับ”
ติดตามภาพถ่ายและบทสัมภาษณ์ของอีซึงกิได้ในนิตยสาร GQ ฉบับเดือนมีนาคม
ที่มา (1)