ข้อมูลภาพยนตร์ "Magic Mike’s Last Dance - แมจิค ไมค์ เต้นจบให้จดจำ"
2023-01-31 20:08:31
Advertisement
Pyramid Game

ผลงานภาคต่อตอนที่ 3 ของภาพยนตร์แฟรนไชส์เรื่องดัง “Magic Mike” มาทันช่วงวาเลนไทน์นี้ ในรูปแบบมิวสิเคิลคอมเมดี้ “Magic Mike’s Last Dance” ทีมงานเบื้องหลังผู้สร้างสรรค์ผลงานจากภาคแรกที่ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์และผู้ชมกลับมาร่วมกันสร้างความมหัศจรรย์ขึ้นอีกครั้ง แชนนิ่ง เททั่มกลับมารับบทไมค์ เลน สตีเวน โซเดอร์เบิร์กกลับมาทำหน้าที่ผู้กำกับฯ และบทภาพยนตร์โดยรี้ด แคโรลิน ที่เคยเขียนบทในภาพยนตร์ทั้ง 2 ภาค นักแสดงร่วมกับเททั่มยังรวมถึงซัลม่า ซัลมา  ปิโนต์ ฮาเย็ค (“House of Gucci,” “Hitman’s Wife’s Bodyguard”)

เมจิก ไมค์ เลน (เททั่ม) ขึ้นเวทีอีกครั้งหลังจากเว้นช่วงมาอย่างยาวนาน อันเป็นผลจากเส้นทางธุรกิจที่ไม่ราบรื่น ทำให้เข้าเปลี่ยนทิศทางสู่การเป็นบาร์เทนเดอร์ในฟลอริด้าชั่วคราว และสิ่งที่เขาหวังเอาไว้ก็ดูเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ยิ้มได้ ไมค์มุ่งหน้าสู่ลอนดอนพร้อมกับผู้มีชื่อเสียงในวงสังคม (ซัลมา  ปิโนต์ ฮาเย็ค) ที่มาพร้อมข้อเสนอที่เขายากจะปฏิเสธได้ลง... ซึ่งตรงกับสิ่งที่เธอหวังเอาไว้ เมื่อเล่าผ่านไปไมค์ได้พบว่าแท้จริงแล้วเธอคิดอะไรอยู่ เขาและเหล่านักเต้นหน้าใหม่ที่เร่าร้อนจะฟอร์มทีมถ่ายทอดผลงานออกมาได้หรือไม่?

ทีมผู้สร้างภาพยนตร์ ได้แก่ นิค เวชส์เลอร์, เกรกอรี่ จาค็อบส์, เททั่ม, แคโรลิน และ ปีเตอร์ เคียร์แนน จูลี่ เอ็ม แอนเดอร์สันทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างบริหารฯ

ทีมนักแสดงร่วมกับเททั่มและซัลมา  ปิโนต์ ฮาเย็ค ได้แก่ อายูบ ข่าน ดิน (“Ackley Bridge”) นักแสดงหน้าใหม่เจเมเลีย จอร์จ, จูเลียต โมทาเม็ด (“We Are Lady Parts”) และวิคกี้ เปปเปอร์ไดน์(“Johnny English Strikes Again”)

ทีมงานฝ่ายสร้างสรรค์ของโซเดอร์เบิร์ก ได้แก่ ผู้ออกแบบฉาก แพท แคมป์เบล (“The Bastard Son & The Devil Himself”) ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย คริสโตเฟอร์ ปีเตอร์สัน (“The Irishman”) และผู้ควบคุมด้านเสียงดนตรี ซัน เคนท์ (“KIMI,” “Let Them All Talk”) พร้อมด้วยผู้ออกแบบท่าเต้น อลิสัน ฟอลค์ และ ลุค บรอดลิค ทั้งคู่เคยมีส่วนร่วมในแฟรนไชส์ “Magic Mike” มาแล้ว

ภาพยนตร์จากวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส เรื่อง “Magic Mike’s Last Dance”  เข้าฉาย 9 กุมภาพันธ์ ในโรงภาพยนตร์ จัดจำหน่ายทั่วโลกโดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส

 

 

 

รายละเอียดการถ่ายทำ

แม็กซานดร้า: ชอบการเป็นชงเหล้ามั้ย?

ไมค์: อันที่จริงไม่ได้ทำงานนี้

แม็กซานดร้า: แล้วทำงานอะไร?

 

            ลืมความรู้สึกผิดแล้วสัมผัสความสุข

10 ปีหลังจากที่ “เมจิก ไมค์” สร้างความเซอร์ไพรส์ให้ผู้ชม นักแสดงแชนนิ่ง เททั่มและทีมผู้สร้างเรื่องแรกได้กลับมาร่วมกัน ครั้งนี้อยู่ที่ไมอามี่และลอนดอน เพื่อพูดคุยกับไมค์ เลน ผู้กำกับฯ สตีเวน โซเดอร์เบิร์กกลับมาทำหน้าที่กำกับฯ พร้อมด้วยผู้สร้างฯ และผู้เขียนบทฯ รี้ด แคโรลิน ที่กลับมาเขียนบทภาพยนตร์ และชวนไปสัมผัสความรักครั้งใหม่ของไมค์ รับบทโดยซัลม่า ซัลมา  ปิโนต์ ฮาเย็ค

ในเรื่องจะพบไมค์ในไมอามี่ช่วงที่ไร้หนทางและไม่มีเงิน เขาปิดตัวธุรกิจเฟอร์นิเจอร์มารับงานชงเหล้า จนเขาได้พบกับผู้หญิงลึกลับอย่าง แม็กซานดร้า เม็นโดซ่าที่ต่อมาได้รู้จักกันในคืนหนึ่ง เธอเสนอโอกาสที่ไมค์ปฏิเสธไม่ลงและจะเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดกาล

โซเดอร์เบิร์กเล่าว่า “สำหรับที่ผ่านมาหนังเรื่องนี้มีความพิเศษที่จะพาผู้ชมไปสัมผัสความสนุกระหว่างดูการแสดงของแดนเซอร์ที่น่าทึ่ง แต่เป็นการเต้นที่เข้าถึงความคิดของคนอื่นได้ด้วย”

ผู้กำกับฯ เล่าเสริมว่า สำหรับรอบสุดท้ายนี้ผู้สร้างภาพยนตร์ยกระดับความตื่นเต้นโดยการให้ไมค์พบกับทางเลือกที่จะได้ทุกอย่าง... หากเขากล้าคว้ามันเอาไว้ “ความปรารถนาคืออะไร มันหมายถึงอะรไ? ความรักและคาวมผิดชอบหมายถึงอะไรกันแน่ในโลกของเรา? ในเรื่องมีการรวมท่าเต้นที่ชวนทึ่งและน่าตื่นเต้นมากมาย ในหนังพยายามเข้าไปสำรวจว่ามิตรภาพหมายถึงอะไรกันแน่ในปัจจุบันนี้”

เททั่มผู้ทำหน้าที่ผู้สร้างฯ ด้วยเล่าว่า “หนังเรื่องแรกเกี่ยวกับไมค์ที่คิดว่าฉันอยากรู้ว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตตัวเองได้บ้าง ส่วนภาคสองพวกเขาได้อยู่บนแท่นและสร้างความโดดเด่นให้ตัวละคร แต่ยังเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ชายเหล่านี้อยู่ หลังจากนั้นผู้หญิงในเรื่องมีความเปิดใจมากขึ้น กล้าพูดสิ่งที่พวกเธอต้องการมากขึ้น และเรามีการสร้างไลฟ์โชว์ขึ้นมา สิ่งที่เราได้เรียนรู้ทำให้เราอยากสร้างภาคที่ 3 ขึ้นและออกแบบความเป็นเมจิกไมค์ขึ้นมาใหม่ เราอยากได้แดนเซอร์ที่เก่งสุดในโลก อยากได้นักแสดงนำหญิงที่เข้มแข็ง ผู้มีความสำคัญของเรื่องและสำคัญไม่แพ้กับไมค์ในเรื่อง”

ซัลมา  ปิโนต์ ฮาเย็คตื่นเต้นที่ได้เซ็นต์สัญญา เธอสังเกตเห็นความคล้ายกันอย่างคาดไม่ถึงระหว่างตัวเธอกับไมค์ แม็กซานดาพบกับไมค์ช่วงที่เธอรู้สึกหลงทางเช่นกัน และเธอได้ทำบางอย่างที่ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดเอาไว้ เพราะชีวิตเธอผ่านอะไรหลายอย่าง แต่มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอและเธอได้แรงผลักดันมาจากเขา เขาทำให้เธอนึกถึงช่วงที่เธอสูญเสีย และขาทำให้เธอแกร่งจนพบอีกด้านของตัวเอง”

เททั่มกล่าวเสริม “ทั้งคู่มาพบกันในช่วงเวลาที่น่าสนุกของชีวิต ไมค์พาบริษัทเฟอร์นิเจอร์ของเขาไปได้ไกลและปิดตัวลง ส่วนแม็กซ์แต่งงานหลายปีและแยกตัวออกไป พวกเขาต่างอยู่ในจุดที่มาพบกันและคิดว่าตอนนี้เป็นใครตอนนี้ทำอะไร?’ นั่นคือจุดที่เราพบกับเขาและพวกเขาได้พบกัน

และไม่ใช่แค่ไมค์กับแม็กซ์ที่สื่อถึงกันได้ เททั่มกับซัลมา  ปิโนต์ ฮาเย็คเองก็สนิทกันในฉากเร็วมาก” “ซัลม่ามีพลังเวลาที่อยู่ด้วย” เขายิ้ม “เธอทำให้ทุกฉากออมาดีขึ้นและเธอมีอะไรมากกว่าความพิเศษ ไม่แปลกใจเลยที่เธอมีความโดดเด่น เธอมาทำงานทุกวันพร้อมกับแมชชั่นที่มีอย่างเต็มตัวจริงๆ”

ฉันรักการร่วมงานกับแชนนิ่งค่ะ” เธอกล่าว “เขามีความเป็นมืออาชีพ ใจดี และสนุกที่ได้แสดงด้วย เขาเป็นคนสบายๆ ง่ายๆ อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มีอะไรที่ดูแล้วฝืนตัวเองเลย เขาเป็นคนช่างคิด เป็นนักวางแผนที่เก่ง เราสนุกกับการค้นหาตัวละครร่วมกัน ในเรื่องจะมีเรื่องราวความรักที่เห็นได้ชัดด้ย ฉันคิดว่าผู้ชมซึ่งเป็นผู้หญิงจะรักความเซ็กซี่แน่นอน รวมถึงความโรแมนติกและความซับซ้อนในเรื่องความสัมพันธ์ด้วย”

โซเดอร์เบิร์กเล่าว่าเคมีระหว่างนักแสดงนำทั้งคู่เห็นได้ชัดบนหน้ากล้อง “ในช่วงฉากแรกตอนที่ไมค์และแม็กซ์เจอกันครั้งแรก พวกเขายังสวมเสื้อผ้าอยู่ แต่แชนนิ่งและซัลม่าสื่ออารมณ์ได้ดีมาก ในภาพยนตร์อเมริกันไม่ค่อยเห็นกรสื่อออารมณ์หรือความเย้ายวนในหนังโดยที่ไม่สื่อให้เห็นอย่างชัดเจน แต่พวกเขาสามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างงดงามมาก”

ในเรื่องนี้เป็นการร่วมงานกันครั้งที่ 6 ระหว่างเททั่มและโซเดอร์เบิร์ก และไม่ใช่ครั้งแรกที่ซัลมา  ปิโนต์ ฮาเย็คได้ร่วมงานกับผู้กำกับฯ “เราร่วมงานกันมาแล้วตอนที่ฉันได้รับบทในเรื่อง ‘Traffic’ แต่ครั้งนี้เหมือนเป็นการผจญภัยทุกวินาทีที่ได้เห็นเขา ฉันได้เห็นการทำงานของเขาอย่างชัดเจน และรู้สึกอุ่นใจมากที่อยู่ในการดูแลของเขา เขาทำให้เรารู้สึกเป็นอิสระเพราะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร เหมือนกับฝันที่เป็นจริงเลยค่ะ”

นักแสดงอีกคนในเรื่องคืออายับ คาน ดิน ผู้รับบทวิคเตอร์, เจมีเลีย จอร์จ ผู้รับบท ซาดี้ แรททิแกน ลูกสาววัยรุ่นช่างสังเกตของแม็กซ์ , อีธาน ลอว์เรนซ์ ผู้รับบทวูดดี้ และจูเลียต โมทาเม็ด ผู้รับบทฮานนาห์ นักแสดงละครเวทีผู้ช่วยไมค์และแม็กซ์ทำให้เวทีลอนดอนเป็นที่โด่งดัง จากมุมด้านบนแฟนๆ ของ”เมจิก ไมค์” จะเห็นใบหน้าที่ชวนหลงใหลด้วยเช่นกัน

แน่นอนว่าไม่มีภาคต่อเรื่องไหนที่จะสมบูรณ์ได้โดยไม่มีองค์ประกอบการเต้นที่หวือหวา โซเดอร์เบิร์กเล่าว่าไมต้องสงสัยเลยสำหรับ “การเต้นครั้งสุดท้าย” นี้ ผู้สร้างภาพยนตร์รู้ดีว่าต้อง “จัดหนักการเต้นให้ดูอลังการ”

ท้ายที่สุดผู้ออกแบบท่าเต้น อลิสัน ฟอล์ค และ ลุค บรอดลิค ได้กลับมาร่วมงานกันและพาทีมนักเต้น “เมจิก ไมค์ ไลฟ์” มาจับมือกับผู้ช่วยออกแบบท่าเต้นของพกเขาและทีม “เมจิก ไมค์ ไลฟ์” อย่างพี่น้องชาร์ลส และ แอนโธนี บาร์ตเล็ตต์

 

 

 

 

 

 

 

เราจะปลุกพวกเขาขึ้นมาด้วยกระแสความหลงใหล

ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน!

เมจิก ไมค์ ไลฟ์” เปิดตัวที่ Hard Rock Hotel ในลาสเวกัสเมื่อเดือนเมษายน 2017, Hippodrome London ในเลเชสเตอร์ สแควร์เดือนพฤศจิกายน  2018 ที่ซิดนีย์ ออสเตรเลียเดือนธันวาคม 2020 และที่เบอร์ลิน เยอรมันนีเดือนกันยายน 2021 ซึ่งเป็นการระดมความคิดและควบคุมโดยแชนนิ่ง เททั่ม และ รี้ด แคโรลิน พร้อมการร่วมงานของอลิสัน ฟอล์คในฐานะผู้ร่วมกำกับฯ และนักออกแบบท่าเต้นร่วมกับทีมของเธอ 

ครั้งนี้เรื่อง “Magic Mike’s Last Dance” จะได้เห็นเรื่องราวอย่างเต็มรูปแบบ เมื่อไมค์เดินทางไปลอนดอนเพื่อจัดโชว์เต้นที่เหมือนโชว์จริงในแบบที่เททั่มและทีมคิดค้นขึ้นมา สำหรับการเตรียมความพร้อมของภาพยนตร์ที่สตูดิโอเต้นในอิสลิงตัน ลอนดอนทางตอนเหนือ กลุ่มนักเต้นของเรื่องกำลังอยู่บนเวทีและเตรียมความพร้อมเรื่องจังหวะของพวกเขา

นักเต้นที่คัดเลือกมาในเรื่องเพื่อแสดงโชว์สดบนเวที มีทั้งหนุ่มๆ จากลอนดอน ลาสเวกัส และเบอร์ลินโชว์ รวมถึงชาร์ลสและแอนโธนี บาร์ตเล็ตต์ที่แสดงออสเตรเลียโชว์ นั่นแปลว่าฟอล์คและทีมงานของเธอไม่ได้มีเพียงเหล่านักเต้น แต่ยังมีการแสดงสดในหลากหลายรูปแบบด้วย ทำให้ทีมออกแบบท่าเต้นมีจุดเริ่มต้นที่ชัดเจนสำหรับการดัดแปลงภาพที่จะเหมาะสมกับเรื่องราว จากนั้นผู้ออกแบบท่าเต้นจะสร้างช่วงเวลาที่ให้นักเต้นได้แสดงเดี่ยว และแสดงความสามารถพิเศษ เพื่อถ่ายทอดจุดเด่นของตัวละครออกมา

และเนื่องจากพวกเขาต้องการให้มันยิ่งใหญ่มากที่สุด จึงมีการรรวมสไตล์การเต้นที่หลากหลายเข้ามาในเรื่อง ทั้งฮิปฮอป เบรกกิ้ง ครัมปิ้ง แจ๊ซ คอนเทมโพรารี พาร์ทเนอริง ซัลซ่า ปอปปิ้ง  และสิ่งที่ฟอล์คเรียกว่า “การเต้นแนวกีฬา” นอกจากนั้นยังมีอีสเตอร์เอ้กสำหรับแฟนไลฟ์โชว์ด้วย เป็นการเต้นที่มีการเคลื่อนไหวเป็นเอกลักษณ์ในเรื่องที่รวม “The Old Faithful” และ “The Dolphin Dive”

ก่อนเริ่มเปิดกล้องนักเต้นฝึกซ้อมกันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยทุกวัน เมื่อ “แอ็คชั่น” ดังขึ้น พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นอยู่เบื้องหลังของนักแสดง ช่วงซัมเมอร์ที่มีความร้อนระอุ กลุ่ม Clapham Grand ถึงกับเหงื่อไหลไปพร้อมกับผู้ชมและนักเต้นบนเวที

สำหรับเททั่มการย้อนกลับไปสวมบทบาทไมค์หมายถึงการฝึกซ้อมอย่างเข้มงวด รวมถึงการเข้าเวิร์คชอปและคิดการเต้นตั้งแต่แรกเริ่มร่วมกับทีมออกแบบท่าเต้น

ตอนอายุ 42 ต่างจากตอนที่เต้นอายุ 19 อย่างสิ้นเชิง เททั่มหัเราะ “มันเหมือนการทำงานฟูลไทม์ 100% และสำหรับผมแล้วนักเต้นคือเหตุผลที่ทำให้ผมอยากทำหนัง พวกเขาเหมือนเพชฌฆาต แต่ละคนสามารถทำบางสิ่งที่คนอื่นบนโลกทำเหมือนเขาไม่ได้ พวกเขาไม่เหมือนใคร และเนื่องจากการแสดงสดทั่วโลกมีนักเต้นมากมาย มันเลยเป็นเรื่องยากมากที่จะเลือกว่านักเต้นคนไหนที่เราต้องการในเรื่องนี้”

หนึ่งในฉากการแสดงที่เร้าอารมณ์มาก เททั่มเรียกมันว่า “เป็นการเต้นที่ดึงดูดความสนใจได้มากจนทำให้คุณแทบหยุดหายใจ” มีการใช้น้ำปริมาณมากเข้ามาช่วย “การเต้นไปพร้อมกับน้ำเป็นเรื่องเสี่ยงมาก เพราะเราไม่รู้ว่าจะลื่นตอนไหน เราต้องเรียนรู้วิธีเต้นกับน้ำนานหลายเดือน จนร่างกายและวิญญาณเป็นหนึ่งเดียวกับมัน

ก่อนที่จะเดินทางไปถ่ายภาพยนตร์ที่ลอนดอน เททั่มใช้เวลากลับไปออกกำลังกายและฝึกซ้อมนานหลายชั่วโมงเป็นเวลาพักใหญ่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาทำอย่างต่อเนื่องตลอดกาลถ่ายทำจนไปถึงที่ลอนดอน

 

ไปลอนดอนกับฉันไปกันเถอะ!

สำหรับการช่วยสร้างฉากขึ้นมา และเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างจะดูกลมกลืนกัน โซเดอร์เบิร์กขอความช่วยเหลือจากผู้ออกแบบฉาก แพท แคมป์เบล และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายคริสโตเฟอร์ ปีเตอร์สัน รวมถึงนักแต่งเพลงซีซัน เคนท์

การถ่ายทำใช้สถานที่สำคัญในชายหาดไมอามี่ ฟลอริด้า และรอบลอนดอน ประเทศอังกฤษช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2022 พระอาทิตย์ส่องแสงสว่างสดใสในช่วงที่โซเดอร์เบิร์กและทีมงานเก็บภาพ Rolls Royce Cloud Three สีเงินปี 1962 แนววินเทจข้ามใจกลางลอนดอน มุ่งสู่เธมส์ ทาวเวอร์บริดจ์ โบสถ์เซนต์พอล และลอนดอนอาย ถ่ายทอดภาพของไมค์ในช่วงนั้น

ลอนดอนคือหัวใจสำคัญของการถ่ายทำและภาพยนตร์ กองถ่ายอิงจาก Hyde Park ซึ่งเป็น 1 ใน 8 Royal Parks ของลอนดอน สำหรับการจัดงานฉลองของราชินี จากนั้นเทรลเลอร์ได้เคลื่อนตัวไปที่ Battersea Park ทางตอนใต้ของแม่น้ำติดกับ Power Station ที่เป็นเอกลักษณ์ในอดีต

เวสต์บอร์น เทอร์เรซรับบทเจ้าของบ้าน 4 ชั้นขนาดใหญ่ของแม็กซานดร้า สร้างขึ้นเมื่อปี 1940 บนถนนใหญ่จาก Hyde Park ไปถึง Paddington Station บ้านหลังนี้เป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความงดงามให้ท้องถนน ด้านในมีห้องโพรงกระต่ายขนาดใหญ่ เพดานสูง และมีของตกแต่งสมัยก่อน แผนกศิลป์ดัดแปลงพื้นที่เพื่อสะท้อนถึงความเป็นตัวตนของซาดี้และแม็กซานดร้า นอกเหนือจากสไตล์ด้านศิลปะของแม็กซ์แล้ว ยังมีตราประจำตระกูลของสามีที่ไม่ถูกคอกันของเธอ และโปสเตอร์โรงละครแรตติแกนตกแต่งผนัง

ไมค์และแม็กซ์ดื่มชาร่วมกันที่ร้าน Fortnum and Mason’s Royal Exchange โดยไมค์เลือกจิบแชมเปญท่ามกลางบรรยากาศของการดื่มชาอังกฤษแบบคลาสสิค ทีมงาน The Fortnum and Mason ร่วมให้คำแนะนำฝายศิลป์และศิลปินผู้อยู่เบื้องหลังที่เล่นดนตรี ทีมงานกองถ่ายอยากแน่ใจเรื่องการนำเสนอความไฮคลาส ภาพลักษณ์และบริการที่มีชื่อเสียงระดับโลกของ Fortnum ซึ่งพวกเขาสร้างความภูมิใจตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1707 ที่ The Royal Exchange นับเป็น London Stock Exchange  แห่งแรก เปิดขึ้นโดยควีนเอลิซาเบธที่ 1 เมื่อปี 1570 ตึกเดิมไยไปแล้วช่วงไฟไหม้ครั้งใหญ่ในลอนดอนเมื่อปี 1666 หลังเกิดไฟไหม้ครั้งที่ 2 ตึกปัจจุบันเปิดเมื่อปี 1844 โดยควีนวิคตอรี่ย ฟอร์ทนัมและเมสันนั่งกลางห้องโถงที่รายล้อมไปด้วยร้านค้าของดีไซน์เนอร์

ไมค์ถูกจับแปลงโฉมใหม่ที่ Liberty ใน London’s West End ร้านค้าสำหรับดีไซน์เนอร์ที่เปิดเมื่อปี 1875 ตึกพิเศษนี้เปิดเมื่อปี 1924 วันนี้ Liberty มีขนาด 6 ชั้น รวมเสื้อผ้าที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถันและงดงามจากช่างฝีมือระดับโลกเอาไว้ แผนกเครื่องแต่งกายและแผลกศิลป์สนุกที่ได้ร่วมงานกับทาง Liberty เพื่อถ่ายทอดบรรยากาศร้านค้าให้ดูไร้ที่ติร่วมกับทีมการออกแบบฉากและเสื้อผ้าของไมค์ การถ่ายทำเกิดขึ้นเช้าวันอาทิตย์ก่อนร้านค้าจะเปิดปกติ ทีมงานรีบเก็บภาพแผนกเสื้อผ้าผู้ชายสำหรับการถ่ายทอดออกมาอย่างรวดเร็ว

สำหรับช่วงดินเนอร์ของไมค์กับแม็กซานดร้า กองถ่ายใช้บรรยากาศของ Sandro Silva and Marta Seco’s Amazónico Restaurant ในจัตุรัสเบิร์กลีย์ ใจกลางลอนดอนย่านเมย์แฟร์ที่มั่งคั่ง โดยที่ Amazónico จะสร้างประสบการณ์ของการทานอาหารที่ได้แรงบันดาลใจจากป่าฝน ต้นไม้และการตกแต่งบรรยากาศแบบเป็นธรรมชาติได้รับกรออกแบบจากศิลปินผู้มีชื่อเสียงระดับโลกอย่างลาซาโร โรซา-ไวโอแลน

ไมค์และแม็กซ์เฟ้นหานักเต้นที่มีฝีมือตามท้องถนน จนมาพบกับกลุ่มนักเต้นที่กำลังแสดงใน Piccadilly Circus ทางแยกขนาดใหญ่ใน London’s Soho ของลอนดอนที่ขึ้นชื่อเรื่องความยิ่งใหญ่ ป้ายโฆษณาที่ส่องสว่างและมีรถบัสสีแดง แท็กซี่สีดำ และพาหนะอื่นๆ ของลอนดอนวิ่งผ่านตลอดเวลา สถานีรถไฟใต้ดินชื่อเดียวกันอยู่ด้านล่างมีทางออกเชื่อมถึงกันหมด สำหรับการเก็บภาพแชนนิ่ง เททั่มและซัลม่า ซัลมา  ปิโนต์ ฮาเย็ค รวมถึงนักเต้นคนอื่นๆ ทีมงานต้องเริ่มถ่ายทำกันตั้งแต่เช้ามืด โซเดอร์เบิร์กต้องสลับมาเก็บภาพก่อนที่ชาวลอนดอนและนักท่องเที่ยวจะยึดพื้นที่

ในช่วงบ่ายที่มีแสงแดดส่องสว่าง ไมค์และแม็กซ์ได้พบกับนักเต้นที่ชายหาดที่ Battersea Park ระหว่างมองไปที่มุมสวนผ่านแม่น้ำ ทีมงานชวนกันกินไอศกรีมโคนระหว่างที่นักเต้นฝึกซ้อมเทคนิคการเต้นกันบนหญ้า

Clapham Junction คือศูนย์รวมยานพาหนะขนาดใหญ่ทางตอนใต้ของลอนดอน รถไฟขบวนต่างๆ จะมาบรรจบกันที่รถไฟใต้ดินลอนดอน ซึ่งตรงข้ามกับสถานีที่มีความวุ่นวายอย่าง Clapham Grand ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1900 เพื่อเป็นหอดนตรี ห้องใหญ่เป็นโรงภาพยนตร์ ห้องบิงโก และไนต์คลับ The Clapham Grand เป็นที่จัดแสดงวงร็อคแห่งตำนานตั้งแต่ The Kinks จนถึง Public Enemy วันนี้ที่นั่นรวมทุกสิ่งตั้งแต่ค่ำคืนสำหรับ LGBTQ+ ที่มีตัวแม่ระดับโลกอย่าง “Ru Paul’s Drag Race” ไปจนถึงค่ำคืนของบทเพลงภาพยนตร์สำหรับ “Magic Mike’s Last Dance” จะถูกปรับโฉมสู่ The Rattigan Theatre โรงละครที่แม็กซานดร้าต่อรองได้มาจากการหย่า แผนกศิลป์มีการตกแต่งด้านนอกที่มีความยิ่งใหญ่ เพิ่มกันสาดหรูสีดำและแดง รวมถึงเครื่องใหม่ “แรตติแกน” ขนาดใหญ่ด้านหน้า พร้อมด้วยป้ายบิลบอร์ด “Isabel Ascendant” ที่กำลังจัดแสดงอยู่

บรรยากาศภายใน The Grand ถูกปรับโฉมย้อนกลับไปหาอดีตและได้เป็นโรงภาพยนตร์อีกครั้ง ห้องขายตั๋วถูกสร้างขึ้นมาในล็อบบี้ มีการตกแต่งพื้นสีแดงและการออกแบบด้วยโทนสีทองและแดงตามพื้นที่ตางๆ เมื่อไมค์และแม็กซ์พัฒนาโชว์ไลฟ์แดนซ์ขึ้นมา The Grand จึงเปลี่ยนแปลงไปในท้ายที่สุด

ในส่วนของเครื่องแต่งกายที่จะแปลงโฉมนักแสดงให้เข้ากับบทบาทที่โดดเด่นของตัวเอง ผลงานของดีไซน์เนอร์เสื้อผ้า คริสโตเฟอร์ ปีเตอร์สัน .  “ไมค์เปลี่ยนจาก Carhartt, Levis และ Converse เป็น Liberty of London, The Row, John Elliott และ Margaret Howell รวมถึงข้าวของต่างๆ จากแบรนด์ระดับสูง นับเป็นการปรับโฉมที่น่าสนใจผ่านฝีมือแม็กซานดร้าและจินตนาการของเธอว่าไมค์ควรเป็นแบบไหน เพราะช่วงแรกเขาต่อต้าน แต่สุดท้ายเขามองตัวเองในกระจกและผ่านสายตาของเธอ”

ปีเตอร์สันสนุกกับการออกแบบตัวละครที่ดูรวยและมีสไตล์ของซัลมา  ปิโนต์ ฮาเย็ค เขาเล่าว่า “แม็กซานดร้าพึงพอใจในความเนี๊ยบ แต่เธอมีความอ่อนแออยู่ในตัว การแต่งตัวแบบนี้เหมือนการหยิบเกราะขึ้นมาสวมใส่ ซึ่งเป็นเกราะที่สวยมาก เพราะไม่มีอะไรน่ากลัวกว่าผู้หญิงที่แต่งตัวดีอีกแล้ว นอกจากผลงานหลายชิ้นจากแบรนด์ Kering ยังมี  Balenciaga และ McQueen เราเลือกใช้เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่เนี๊ยบจาก Chanel  และ YSL ซึ่งเราดูแล้วว่าเหมาะกับเธอมาก เธอมักจะสวมอะไรบางอย่างที่สื่อถึงคามร่ำรวย ความงดงาม และความหวัง จนสื่อถึงทัศนคติของเธอด้วยเช่นกัน”

หลายความรู้สึกยังถ่ายทอดผ่านดนตรีของโซเดอร์เบิร์กและผู้ควบคุมดนตรี ซีซัน เคนท์ ที่เลือกใช้ในเรื่อง พร้อมกับเพลงของ Ginuwine ที่ต้องได้ยินอย่าง “Pony” มีการสร้างลิสต์เพลงของหลากหลายศิลปินขึ้นมา ทั้ Lucky Daye เจ้าของเพลง “Careful” ที่ร่วมงานกับเททั่มและเป็นคนแต่งเพลงต้นฉบับแรกให้กับภาพยนตร์แฟรนไชส์ “Magic Mikeรวมถึง Elvis Crespo, Jack Rayner, Robbie Dupree, David Holmes, Ne-Yo, Usher, James Brown, Diplo, Young Franco และอีกหลายคน

 

###

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X