ใครที่เป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กหรือทำอาชีพพ่อค้าแม่ขายคงเข้าใจดีว่าเงินทุนเป็นเรื่องสำคัญขนาดไหน ทั้งเงินทุนก้อนแรกในการเริ่มต้นธุรกิจและเงินทุนหมุนเวียนที่ต้องใช้จ่ายอยู่ทุกวัน ทั้งค่าที่ ค่าลูกน้อง ค่าของ ค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่น ๆ เพราะเงินก้อนนี้จึงส่งผลต่อขนาดของกิจการและสภาพคล่องของธุรกิจโดยตรง แต่เมื่อธุรกิจเกิดการชะลอตัวไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม หลายคนจึงเริ่มมองหาสินเชื่อธุรกิจขนาดเล็กเข้ามาช่วยกอบกู้วิกฤต แต่หากยังไม่รู้ว่าจะเลือกสินเชื่อจากที่ไหนดี วันนี้เรามีข้อมูลช่วยประกอบการตัดสินใจมาฝากกัน

สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนเลือกสินเชื่อธุรกิจขนาดเล็ก

1. ความน่าเชื่อถือของสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้

เป็นสิ่งแรกที่ควรพิจารณา เพราะปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อธุรกิจขนาดเล็กออกมาให้เลือกมากมาย ก่อนจะใช้บริการกับที่ไหน ควรเช็กให้ดีเสียก่อนว่ามีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยหรือไม่ ซึ่งแนะนำให้เลือกสถาบันการเงินที่มีความมั่นคง เช่น ธนาคาร สถาบันการเงินอื่น ๆ ที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย มีเอกสารใบอนุญาตชัดเจน

2.ให้บริการครอบคลุมในทุกพื้นที่

การมีสาขาให้บริการครอบคลุมก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน เพราะทำให้เราสามารถดำเนินการหรือติดต่อสอบถามกับเจ้าหน้าที่ของสถาบันการเงินได้สะดวก ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไกลหรือโทรสอบถามคอลเซนเตอร์ซึ่งอาจไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนเท่าการไปพบกับเจ้าหน้าที่ที่สาขา

3. วงเงินที่อนุมัติและอัตราดอกเบี้ย

ก่อนตัดสินใจยื่นกู้ ควรศึกษาก่อนว่าสถาบันการเงินแห่งนั้นอนุมัติวงเงินสูงสุดเท่าไหร่ เพียงพอต่อความต้องการของเราหรือไม่ และอัตราดอกเบี้ยคิดอย่างไร สมเหตุสมผลไหม เราสามารถชำระได้หรือไม่ เพื่อเป็นการคำนวณความสามารถในการชำระหนี้ก่อนกู้นั่นเอง

4. เอกสารที่ต้องใช้และระยะเวลาในการอนุมัติ

สำหรับผู้ประกอบการ SME ยิ่งใช้เอกสารน้อยและอนุมัติเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี เนื่องจากระหว่างที่รอเวลาให้สินเชื่อได้รับการอนุมัติ เจ้าของธุรกิจย่อมมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งปัจจุบันก็มีบางสถาบันการเงินที่สามารถแจ้งผลอนุมัติสินเชื่อได้ไวภายใน 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การจะอนุมัติช้าหรือเร็ว ก็ต้องขึ้นอยู่กับการเตรียมตัวของผู้กู้ด้วยเช่นกัน

เตรียมตัวยังไงให้กู้สินเชื่อธุรกิจขนาดเล็กผ่าน?

สำหรับใครที่กำลังเตรียมตัวกู้สินเชื่อธุรกิจขนาดเล็กแล้วอยากให้ผ่านง่าย ๆ คุณต้องเริ่มต้นจากการจดทะเบียนการค้าให้ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นจดทะเบียนพาณิชย์หรือจดทะเบียนนิติบุคคลซึ่งเป็นเงื่อนไขพื้นฐานที่สถาบันการเงินส่วนใหญ่กำหนดไว้ เป็นการยืนยันว่าเราดำเนินธุรกิจจริง ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายและมีการเดินบัญชีอย่างสม่ำเสมอ เพิ่มความน่าเชื่อถือให้เห็นว่ามีเงินเข้าออกจริง มีประวัติการจ่ายหนี้ที่ตรงตามกำหนดเวลา ไม่มีประวัติติดเครดิตบูโร และสุดท้ายคือการขอสินเชื่อให้เหมาะกับตัวเอง พิจารณาจากรายรับ รายจ่าย หนี้ปัจจุบัน เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมในการชำระหนี้ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต