มีคำกล่าวว่า การต้องเข้ากรมรับใช้ชาติ คือ การดับความฝัน และอนาคตของผู้ชายคนเกาหลีใต้ที่กำลังประกอบอาชีพลงอย่างฉับพลัน ชนิดที่ต่อให้ออกจากกรมมา ก็อาจจะไม่สามารถกลับไปมีอนาคตที่สดใสได้เหมือนเดิม เพราะบางสิ่งต้องทำในช่วงวัย และอายุเท่านี้จริง จึงจะประสบความสำเร็จได้อย่างที่ตั้งใจ หากเป็นประเทศไทย คำถามที่หลายคนมักจะพูดกัน คือ จะไปรบที่ไหน ยุคนี้ไม่มีสงครามแล้ว จะเกณฑ์ไปทำอะไร แต่สำหรับประเทศเกาหลีใต้ที่พรมแดนติดกับประเทศเกาหลีเหนือ ความเปราะบางตามแนวชายแดน และความตึงเครียดทางการเมือง มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่กองทัพต้องเตรียมกองกำลังให้พร้อมเข้าสู่ภาวะสงครามเสมอ
.
แน่นอนว่า สังคมทหารก็เหมือนกับสังคมทั่วไป มีทั้งคนดี คนเลวอาศัยอยู่ปะปนกันภายในกองทัพ มียศ ชนชั้น ตำแหน่ง และอำนาจทางการทหารที่แบ่งแยกลำดับชั้น และการเติบโตในสายอาชีพของแต่ละคน เหมือนกับที่องค์กรใหญ่ๆหลายองค์กรมีการแข่งขันกัน ทว่าในบรรดาเรื่องราวเหล่านั้น มีทหารกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้ใช้ชีวิตในกองทัพ แต่ต้องออกตระเวนไล่ล่าทหารหนีทัพ ที่ทนแบกรับความกดดัน และความเลวร้ายที่ถูกซ่อนไว้ภายในค่ายทหารไม่ไหว ชื่อเรียกย่อๆของพวกเขา คือ หน่วย D.P. หน่วยล่าทหารหนีทัพที่มีตัวตนอยู่จริงในประเทศเกาหลีใต้
.
ประเด็นแรกที่อยากพูดถึง คือการเดินเรื่องของซีรีส์ ด้วยความที่เป็นมินิซีรีส์ความยาวเพียง 6 ตอนในมุมหนึ่งก็มีข้อดี คือ ไม่เสียเวลามากในการดู แต่ในอีกมุมหนึ่งก็มีข้อเสียคือมิติของตัวละครสำคัญไม่ได้ถูกเล่าถึงความเป็นมา และปมที่อยู่เบื้องหลังได้อย่างครบถ้วนมากพอ โชคดีที่ซีรีส์ชดเชยจุดนี้ด้วยการลำดับเนื้อหาไว้ได้อย่างลงตัว โดยไล่จากเบาไปหาหนัก ทำให้เนื้อเรื่องมีความเข้นข้นขึ้นเรื่อยๆ ไม่แผ่วลงในช่วงท้าย เหมือนมินิซีรีส์บางเรื่องที่วางลำดับการเล่าไว้ไม่ดีพอ
.
ในส่วนความรุนแรงของเนื้อหานั้น ก็ต้องบอกว่า พอเห็นเลือดบ้างประปรายแต่ไม่ได้มาแบบถี่ๆทุกตอน ส่วนมากจะไปเยอะที่ฉากทำร้ายร่างกายระหว่าง ทหารรุ่นพี่กับรุ่นน้องมากกว่า เหมือนที่เราบอกไว้ว่า ซีรีส์เรื่องนี้จะพาคุณฝ่ารั้วลวดหนาม และกำแพงของค่ายทหาร เพื่อไปสำรวจความดำมืดที่ซ่อนอยู่ในโรงนอนของกองทัพอย่างลึกซึ้งทุกแง่มุม โดยเฉพาะพัฒนาการของทหารใหม่อย่าง อันจุนโฮ รับบทโดย จองแฮอิน และคู่หูจอมเก๋า ฮันฮยอล รับบทโดย คูคโยฮวาน ที่จับพลัดจับพลูกลายมาเป็นคู่หูในหน่วย D.P. กันโดยบังเอิญ
.
บอกเลยว่าความสนุกของซีรีส์เรื่องนี้ ก็ได้สองพี่น้องต่างที่มาคู่นี่แหละ ที่คอยแบกทั้งเส้นเรื่องหลัก และเส้นเรื่องรองเอาไว้ เพื่อไม่ให้ผู้ชมรู้สึกดาร์คหรือหม่นหมองจนเกินไป เมื่อต้องเห็นด้านโหดร้ายที่มนุษย์กระทำต่อกัน ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ซีรีส์ไม่ได้พยายามยัดเยียดว่ากองทัพเลวร้าย หรือไม่น่าเข้าไปขนาดนั้น แต่ซีรีส์เลือกจะบอกเล่าผ่านเรื่องราวในชีวิตของเคสทหารหนีทัพแต่ละคน ที่มีจุดประสงค์ต่างกันออกไป บางคนหนีเพราะทนอยู่ต่อไม่ไหว บางคนหนีเพื่อแสวงหาความสุขเล็กๆอย่างเช่น เวลานอนที่เสียไป หรือบางคนก็ไปไกลถึงขนาดที่ว่าพลิกกลับสภาพจิตใจไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากถูกทารุณกรรมมานานนับปี
.
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบความสมจริง อยากดูพล็อตใหม่ๆ และด้านที่ต่างออกไปของการเป็นทหาร D.P. คือมินิซีรีส์ที่ตอบโจทย์นั้นได้แน่นอน ถึงแม้ว่าตัวซีรีส์จะดูซีเรียส หม่นหมองแค่ไหน ระหว่างทางคุณจะได้ยิ้ม และสนุกไปกับการออกปฏิบัติภารกิจของคู่หูหน่วย D.P. แน่นอน

รับชมซับไทยและพากย์ไทยแบบถูกลิขสิทธิ์ได้ที่ Netflix