เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม, บีทีเอส (BTS) ได้เข้าร่วมสัมภาษณ์พิเศษกับผู้ประกาศข่าว คิมยงแท ในรายการข่าวช่วงค่ำ News 8 โดยปกติรายการจะออกอากาศเวลา 20.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นเกาหลี) แต่ในตอนนี้ถูกเลื่อนช้ากว่าปกติประมาณ 1 ชั่วโมง เนื่องจากการแข่งจันกีฬาโอลิมปิกโตเกียว

ช่วงสัมภาษณ์ บีทีเอส ได้พูดถึงเพลง Butter ที่ติดชาร์ตอันดับ 1 บน Billboard Hot 100 เป็นเวลา 7 สัปดาห์ ก่อนจะส่งต่อให้เพลง Permission to Dance เพลงใหม่ของพวกเขา อาร์เอ็ม (RM) บอกว่า “มันเหมือนความฝันครับ ช่วงเวลาเคยเป็นอย่างที่มันเป็น จนกระทั่งเราปล่อยเพลง Butter เราไม่เคยจินตนาการว่ามันจะขึ้นอันดับ 1 เป็นเวลา 7 สัปดาห์ติดต่อกัน หลังจากมันติดชาร์ตเป็นเวลา 7 สัปดาห์ เราเล่นมุกกันว่า คงจะดีถ้ามันจะส่งไม้ต่อให้กับเพลงใหม่ได้เลย และรู้สึกเป็นเกียรติมากครับที่เรื่องที่เราคิดเล่นๆกลายเป็นจริง”

จิน (Jin) บอกว่า “ทุกอย่างต้องขอบคุณอาร์มี่ครับ ผมรู้สึกขอบคุณที่พวกเขาฟังเพลงของเรา เราจะทำงานหนักขึ้นเพื่อตอบแทนความรัก รักนะครับ อาร์มี่”

สำหรับเพลงใหม่ของพวกเขา Permission to Dance ซึ่งได้รับความสนใจจากการใช้ภาษามือสากลในท่าเต้น เจ-โฮป (J-Hope) พูดถึงเรื่องนี้ว่า “การที่ท่าเต้นมีภาษามือสากลรวมอยู่ด้วย เพราะเราอยากจะมอบพลังบวก, ปลอบโยน และความหวังให้กับทั้งโลกครับ”

วี (V) ถูกถามเกี่ยงกับเพลง Blue & Grey เพลงที่เขาแต่ง ซึ่งพูดถึงความรู้สึกว่างเปล่าและเหงาที่วงต้องเผชิญในช่วงที่โลกหยุดชะงักเพราะการแพร่ระบาดของไวรับ COVID-19 เขาบอกว่า “ไม่มีใคร รวมถึงเราด้วยที่คาดการณ์เรื่องนี้ได้ก่อน ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เราเคยรู้สึกเครียดและกังวล และผมอยากจะถ่ายทอดความความรู้สึกนั้นอย่างตรงไปตรงมาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมเลยเขียนทุกอย่างลงในกระดาษ ทั้งความเครียดและกังวลถูกนำเสนอผ่านสีน้ำเงินและสีเทา”

คิมยงแทให้ชูก้า (Suga) ทำนายความสำเร็จของวงอีกครั้ง ชูก้าตอบว่า “ผมก็ยังอยากเป็นผู้เข้าชิง Grammy อีกครั้งครับ ผมอยากจะรับรางวัลนั้น”

เมื่อไม่นานมานี้ บีทีเอส ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูตพิเศษของเกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ในแผนการริเริ่มทูตสาธารณะของประธานนาธิบดีมุนแจอิน ซึ่งทำให้บีทีเอสสามารถเข้าร่วมการประชุมขององค์การสหประชาชาติ ครั้งที่ 75 ซึ่งจะจัดขึ้นที่นิวยอร์ก เดือนกันยายน ปีนี้

อาร์เอ็มบอกว่า “เราเป็นส่วนหนึ่งของคนรุ่นมิลเลนเนียล และเราบอกได้ว่าเราเติบโตมาด้วยกันกับคนหนุ่มสาวในยุคนี้ เราอยากจะพูดถึงสิ่งที่เรารู้สึกและได้เรียนรู้ผ่านกระบวนการที่ผ่านมา เราส่งผลกระทบทั้งในทางตรงและทางอ้อมต่อสังคมทั้งในแง่ของเศรษฐกิจ และวิกฤตการณ์โลกระหว่างเฝ้าดูพ่อแม่ของเรา แม้ว่าเราจะยังขาดตกบกพร่องอีกมากเหมือนเผชิญหน้ากับเรื่องร้ายแรงในปี 2021 แต่เราก็ยังอยากทำสิ่งที่เราทำได้ในฐานะทูตพิเศษในการประชุมองค์การสหประชาชาติ ถือเป็นความรับผิดชอบที่หนักหนา แต่เราจะทำมันด้วยหัวใจที่สนุกสนาน เราจะทำสิ่งที่เราทำได้ เพื่อเติมเต็มหน้าที่ของเรา ก่อนจะกลับบ้าน”

เมื่อถามว่าพวกเขากดดันจากความสำเร็จของตัวเองหรือไม่ จีมิน (Jimin) บอกว่า “บางครั้งเรารู้สึกกดดันไม่ใช่เพราะว่าจะทำให้สำเร็จได้อย่างไร แต่กังวลว่าเราจะตอบแทนแฟนคลับของเราอย่างไรมากกว่า เรายังอยู่ได้เพราะแฟนคลับของผู้ชม แต่เรายังรู้สึกว่าเรายังตอบแทนความรักเหล่านั้นไม่เพียงพอ หัวใจของเราเลยรู้สึกหนักอึ้ง”

สำหรับเป้าหมายของแต่ละคน จองกุก (Jungkook) ตอบว่า “ผมเป็นคนจำพวกอยากทำอะไรหลายอย่าง ผมชอบสิ่งที่ผมทำอยู่ตอนนี้จริงๆ เพราะฉะนั้นสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากการเป็นนักร้อง ก็ไม่มีสิ่งไหนเป็นพิเศษที่ผมอยากทำให้สำเร็จ ผมอยากเจอแฟนคลับของเรา อาร์มี่ ตอนนี้นี่คงเป็นความฝันของผม”

จองกุกยังได้พูดถึงตอนที่เขาอยากยอมแพ้ เพราะไม่มีอะไรเป็นไปตามแผน แต่ก็ได้รับกำลังใจจากแฟนคลับและสมาชิกในวง ชูก้าบอกว่า “การตกลงมามันน่ากลัวครับ แต่พื้นดินไม่ได้เป็นแบบนั้น ผมคิดว่าถ้าคุณอยู่บนพื้นดิน คุณก็สามารถพุ่งขึ้นไปได้อีกครั้ง ถึงแม้มันจะไม่มีความหวัง แต่ถ้ามันเป็นการลงจอดแทนที่จะเป็นการตกลงมา เราก็สามารถเตรียมตัวที่จะโบยบินอีกครั้งได้ ผมคิดว่านี่คงเป็นคำที่เหมาะกับสถานการณ์ของพวกเราในตอนนี้มากที่สุด ผมเลยเข้าใจเรื่องนี้ในเพลง [Permission to Dance]”

การร่วมรายการทางช่อง SBS ครั้งนี้ของ บีทีเอส ถือเป็นการเข้าร่วมรายการครั้งที่ 2 หลังจากครั้งแรกในปี 2018

ที่มา soompi