‘แม่ของซอลลี่’ และ ‘ทิฟฟานี่’ เปิดเผยความรู้สึกที่มีต่อซอลลี่ภายในรายการสารคดีเรื่องใหม่ของ MBC
2020-09-11 17:24:03
Advertisement
คลิก!!!

[คำเตือน: บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการทำร้ายตัวเอง และการฆ่าตัวตาย]

 

สื่อยักษ์ใหญ่ของประเทศเกาหลีใต้ ‘MBC’ เปิดตัวรายการสารคดีเรื่องใหม่ ที่รวบรวมการสัมภาษณ์ ‘คุณแม่ของซอลลี่’ และ ‘ทิฟฟานี่’ ไว้ในรายการด้วย

ในวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา สถานีโทรทัศน์ MBC ได้เปิดตัวรายการสารคดี ‘Why Were You Uncomfortable With Sulli?’ พร้อมเริ่มต้นออกอากาศในตอนแรก ด้วยการสอดแทรกเนื้อหารายการเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาของซอลลี่ ทั้งเรื่องราวในวัยเด็ก เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก และความสัมพันธ์กับอดีตแฟนหนุ่มแร็ปเปอร์ รวมไปจนถึงการรับทราบข่าวการเสียชีวิตของลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอ ผ่านมุมมองความคิด และคำบอกเล่าจากตัว ‘คุณแม่ของซอลลี่’ เอง 

เริ่มแรก คุณแม่ของซอลลี่เปิดเผยว่า “ฉันหย่ากับสามีอย่างเป็นทางการตอนที่ซอลลี่มีอายุได้เพียง 7 ขวบ และเพราะการหย่าร้างนั้น ฉันต้องเริ่มหางานที่มั่นคง เพื่อหาเงินส่งเสียเลี้ยงดูซอลลี่ที่อยู่ในวัยสำหรับการเรียนเข้าเรียนในโรงเรียนอนุบาลแล้ว” แต่อย่างไรก็ตาม คุณแม่ของซอลลี่กล่าวว่า “ฉันคิดว่ามันจะเป็นดีกว่าถ้าฉันส่งเธอไปเรียนที่สถาบันเพื่อการศึกษาเฉพาะทาง ดังนั้น ฉันจึงส่งเสียให้ซอลลี่เข้าเรียนที่สถาบันด้านการแสดงในเมืองปูซานแทน และที่นั่น ผู้อำนวยการสถาบันชื่นชอบ และประทับใจซอลลี่มาก ๆ เขาบอกอีกด้วยว่า ‘ซอลลี่จะประสบความสำเร็จในอนาคต (วงการบันเทิง) อย่างแน่นอน’ ส่งผลให้ฉัน และผู้อำนวยการตัดสินใจส่งซอลลี่ไปเรียนในเมืองโซลแทน”

อย่างไรก็ตาม ด้วยค่าครองชีพในกรุงโซลที่แพงมาก ๆ สถานะทางการเงินของคุณแม่ของซอลลี่เริ่มเข้าสู่ช่วงยากลำบาก “แต่หลังจากที่ซอลลี่เข้าเรียน (ในโซล) ได้เพียง 6 เดือน พวกเราก็เริ่มรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว ซึ่งนั่นหมายความว่าซอลลี่ต้องหยุดเรียน ส่งผลให้ซอลลี่ร้องไห้อย่างหนัก และพูดออกมาว่า ‘แต่หนูอยากเรียนต่อ’ กับฉัน” และในขณะนั้นเอง ในช่วงเดือนสุดท้ายที่ของการเรียนในสถาบัน ก่อนที่คุณแม่ของซอลลี่จะไม่สามารถจ่ายเงินเพื่อส่งเสียซอลลี่ให้เข้าเรียนในโซลได้อีกในเดือนต่อไป ซอลลี่ก็ได้รับโอกาสให้เข้าร่วมแสดงในละครเรื่อง ‘Ballad of Seodong’

ผู้กำกับละครเรื่อง ‘Ballad of Seodong’ อย่าง ‘ลี บยองฮุน’ พูดถึงซอลลี่ว่า “ซอลลี่มีทักษะด้านการแสดงที่ดี เธอมีความมั่นใจ เธอเป็นเด็กที่สดใส โดยเฉพาะเวลาที่เธอยิ้ม เธอจะกลายเป็นเหมือนเจ้าหญิงตัวน้อย ๆ” ในขณะเดียวกันนั้นเอง ทางสื่อ และบุคคลในวงการบันเทิง (ทีมงานเบื้องหลัง) แนะนำว่าซอลลี่ควรใช้ชื่อที่เป็น ‘stage name’ (ชื่อในวงการบันเทิง) มากกว่าที่จะใช้ชื่อจริงของตัวเองในการโปรโมท (ณ ขณะนั้น ซอลลี่ใช้ชื่อจริงของเธอ ‘ชเว จินรี’ ในการโปรโมทผลงานละคร) และตั้งแต่นั้นมา ‘ชเว จินรี’ ก็กลายมาเป็น ‘ซอลลี่’ อย่างสมบูรณ์ 

โดยหลังจากที่ละครเรื่อง ‘Ballad of Seodong’ ได้รับการออกอากาศ และกำลังอยู่ในช่วงโปรโมท ทีมงานของค่ายต้นสังกัด SM Entertainment ก็ติดต่อมาที่ทีมงาน (ที่ดูแลซอลลี่อยู่) และบอกว่า “พวกเราจะดูแล และสนับสนุนให้เธอกลายเป็นดั่งดาราดังที่เปรียบเสมือนกับภาพลักษณ์ของค่าย” และด้วยเหตุนั้นเอง ในท้ายที่สุด ซอลลี่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของค่าย SM Entertainment และได้เริ่มต้นการใช้ชีวิตอยู่ในหอพักตั้งแต่อายุยังน้อย    

ต่อมา รายการตัดภาพมาที่ ‘ทิฟฟานี่’ หนึ่งในสมาชิกวง Girls’ Generation ที่ได้ชื่อว่าสนิทสนมกับซอลลี่มากที่สุดคนหนึ่ง เนื่องจากการพักอยู่ในหอพักเดียวกัน และดูแลซึ่งกันและกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ ในฐานะเด็กฝึกหัดของค่าย โดยทิฟฟานี่บอกเล่าความประทับใจแรกที่มีต่อซอลลี่ว่า “ฉันได้เจอกับซอลลี่ครั้งแรกในตอนที่เธอกำลังโปรโมทละครเรื่อง ‘Ballad of Seodong’ อยู่ ตั้งแต่วินาทีแรกที่รู้จักกัน ซอลลี่ก็เป็นดาราเด็กที่มีชื่อเสียงมาก ๆ คนหนึ่งอยู่แล้ว”

ทิฟฟานี่ยังได้นึกย้อนไปถึงช่วงเวลาในอดีต ในขณะที่ทั้งคู่ได้เดบิวต์อย่างเป็นทางการแล้ว และมีโอกาสเข้าร่วมรายการวาไรตี้โชว์ด้วยกันในปี 2011 ภายในรายการดังกล่าว มีช่วงเวลาหนึ่งที่ซอลลี่ได้เริ่มต้นบอกเล่าว่า “เพราะฉันต้องเริ่มใช้ชีวิตอยู่ในหอพักตั้งแต่ยังเด็ก ตอนนั้นฉันเพิ่งอยู่ ป.5 และเพราะแบบนั้น ฉันจึงรู้สึกขอบคุณพี่ ‘ทิฟฟานี่’ และ ‘แทยอน’ มาก ๆ ที่คอยดูแลฉันเป็นอย่างดี” และเมื่อได้รับชมภาพวิดีโอย้อนหลัง ที่แสดงให้เห็นซอลลี่ที่กำลังพูดข้อความนั้นอีกครั้งหนึ่ง ทิฟฟานี่จึงได้กล่าวออกมาว่า “หลังจากที่เห็นแบบนี้แล้ว มันเหมือนกับพวกเราทุกคนต้องการความช่วยเหลือ แม้แต่ฉันเองก็ด้วย”  

ทิฟฟานี่อธิบายต่อว่า “เพื่อที่จะได้มาซึ่งโอกาสในการเดบิวต์ ฉันคิดว่า (แรงกดดัน) นั่นทำให้ซอลลี่ต้องรู้สึกหวาดระแวง และคอยระมัดระวังตัวเองจากผู้คนรอบตัวอยู่เสมอ (ในขณะที่เป็นเด็กฝึกหัด)” หลังจากคำพูดของทิฟฟานี่ รายการตัดภาพมาที่คุณแม่ของซอลลี่อีกครั้ง ซึ่งคุณแม่ของซอลลี่ได้พูดถึงกรณีนี้ว่า “เด็กคนหนึ่ง ที่ครั้งหนึ่งเคยเล่าให้ฉันฟังเกี่ยวกับว่าพี่ ๆ ของเธอว่า ‘พวกเธอเดินขึ้นไปบนที่ชั่งน้ำหนัก และต้องเจอกับปัญหาหนัก’ และแล้ว เด็กคนนั้นก็ต้องปรสบกับปัญหาเดียวกันนั้นซะเอง”

นอกจากนี้ คุณแม่ของซอลลี่ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “หลังจากที่เรียนจบการศึกษาในระดับประถมศึกษา จู่ ๆ ซอลลี่ก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีส่วนสูงกว่า 172 เซนติเมตร ส่งผลให้เธอต้องประสบกับปัญหาด้านน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากส่วนสูงที่เพิ่มขึ้นของเธอเช่นเดียวกัน” 

“ในตอนแรก พวกเราไม่ได้เซ็นสัญญา (ของซอลลี่) ในฐานะนักร้อง แต่เป็นเพียงสัญญาในส่วนของนักแสดงเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยเพราะส่วนสูงที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของซอลลี่ สถานะการเป็นนักแสดงเด็กของเริ่มได้รับผลกระทบ ส่งผลให้ทางค่าย SM Entertainment บอกกับพวกเราว่า ‘เราจะทำในสิ่งที่เราสามารถทำได้ดีที่สุด’ และนั่นก็คือการเปลี่ยนเส้นทางเดินของซอลลี่ให้มุ่งไปสู่การเป็นไอดอลแทน”

และเรื่อยมาจนกระทั่งในปี 2015 ที่ค่ายต้นสังกัด SM Entertainment ได้ออกมายืนยันความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการของหนึ่งในสมาชิกคู่หูแร็ปเปอร์วง Dynamic Duo อย่าง ‘ชเว-จา’ และซอลลี่ ที่แม้จะมีอายุห่างกันถึง 14 ปี แต่ยังคงมีความรักให้แก่กันในแบบชายหญิง อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์นี้จบลงหลังจากระยะเวลากว่า 2 ปี 7 เดือนให้หลังการยืนยันของทางค่าย 

อีกทั้ง คุณแม่ของซอลลี่ได้เปิดใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์นี้ของลูกสาวอย่างซอลลี่ว่า “ครอบครัวของเรามีความสุขดีทุกอย่าง จนกระทั่งข่าวการคบกันอย่างเป็นทางการระหว่างซอลลี่ และชเว-จา ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ ในตอนแรกที่เห็นรูป (ที่ถูกสื่อปล่อยออกมา) ฉันยังคงไม่คิดเชื่อด้วยซ้ำว่ามันเป็นความจริง ฉันคิดว่าข่าว และบทความต่าง ๆ นั้นถูกแต่งเรื่องขึ้นมา มันดูไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง ฉันได้โทรศัพท์หาซอลลี่เพื่อถามเกี่ยวกับข่าวที่เกิดขึ้น และเธอก็ยืนยันกับฉันด้วยตัวเองว่า ‘ทุกอย่างเป็นเรื่องจริง’ ตามที่มีข่าวออกมา”

ในฐานะคนที่เป็นแม่ คุณแม่ของซอลลี่บอกว่าเธอไม่มีทางเห็นด้วยกับความสัมพันธ์นี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม โดยให้เหตุผลว่า “การที่อยู่ ๆ (ซอลลี่) ก็มีแฟนหนุ่มที่อายุห่างกันมากถึง 14 ปี อย่างกระทันหัน นั่นหมายถึงเธอรีบร้อนในความสัมพันธ์ครั้งนี้มากเกินไป โดยไม่คิดถึงสิ่งอื่น ๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อน เธอยังคงไม่มีความพร้อมมากพอ (และโดยไม่รู้ตัว) ทุก ๆ อย่างของเธอก็จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงทั้งวิถีการใช้ชีวิต วิธีการเข้าสังคม (การดื่มแอลกอฮอลล์) หรือแม้แต่รูปแบบการสนทนา และความสนใจที่เคยมี” 

และเพราะเหตุนี้ สายสัมพันธ์ครอบครัวระหว่างซอลลี่ และคุณแม่ของเธอเองก็เริ่มแย่ลง โดยคุณแม่ของซอลลี่เปิดเผยว่าซอลลี่นั้นรู้สึกไม่พอใจที่แม่ของเธอแสดงการคัดค้านในความสัมพันธ์นี้ของเธอ ส่งผลให้ความไม่พอใจในครั้งนี้กระทบความรู้สึกของซอลลี่ จนซอลลี่ได้พูดออกมาว่า “ฉันหวังว่าแม่จะรู้ว่าฉันต้องทำงานหนักมาโดยตลอด เพื่อให้ได้มาซึ่งเงินพวกนี้” อีกทั้งซอลลี่ยังบอกว่า “นับตั้งแต่รอบจ่ายเงินในครั้งต่อไป ฉันจะดูแลเรื่องเงินจากการทำงานที่ค่ายจะต้องจ่ายให้ด้วยตัวเอง (ซึ่งรวมถึงเงินที่ซอลลี่จะส่งต่อให้กับคุณแม่ด้วย) และแม่ต้องมีใบเสร็จมาให้ฉันทุกครั้ง ว่าใช้จ่ายเงินไปกับอะไรบ้าง”

ด้วยเพราะตัวคุณแม่ของซอลลี่เองก็มีลักษณะนิสัยที่ค่อนข้างอารมณ์ร้อน และฉุนเฉียวง่าย ส่งผลให้หลังจากที่ได้ยินคำพูดนั้นของซอลลี่ คุณแม่จึงตัดสินใจตัดขาดจากซอลลี่ “(นับตั้งแต่นั้นมา) เราพูดคุยกันเป็นเพียงครั้งคราวเท่านั้น รวมถึงเราไม่เคยเจอกันแบบต่อหน้าอีกเลย”

ในเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของซอลลี่ และชเว-จา ทางรายการ ‘Why Were You Uncomfortable With Sulli?’ ได้เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ‘ซอลลี่นั้นได้รับข้อความคิดเห็นด้านลบมากมาย เพราะข่าวความสัมพันธ์นั้น’ และในกรณีนี้ ทิฟฟานี้ได้กล่าวว่า “ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร หรือไปที่ไหน พวกเขาจะถูกแอบถ่ายภาพ เพื่อโพสต์ลงสื่อออนไลน์ และสุดท้าย ก็ต้องแบกรับความเกลียดชังจากสาธารณะชน ทั้ง ๆ ที่พวกเขาก็แค่ใช้ชีวิต และออกเดทในแบบปกติทั่วไป” แต่ในกรณีของซอลลี่ ทิฟฟานี้ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “เพราะพวกเขาถูกสื่อจับตามองในความสัมพันธ์ สิ่งต่าง ๆ มันจึงยากมากขึ้น และซอลลี่ในตอนนั้นมีอายุแค่เพียง 20 ปี เท่านั้น (เพราะยังเด็ก) การต้องเห็น หรือแบกรับความคิดเห็นเกลียดชังพวกนั้นอย่างต่อเนื่องมันทำให้เธอคิดว่าตัวเองเป็นคนที่แย่แบบนั้นตามที่คนอื่นพูดจริง ๆ”

ต่อมา คุณแม่ของซอลลี่เปิดเผยเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปี 2016 ว่าทางค่ายต้นสังกัด SM Entertainment โทรศัพท์หาเธอ และบอกว่าซอลลี่กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล “อยู่ ๆ ทางค่ายก็โทรศัพท์มาหาฉัน พวกเขาบอกว่าซอลลี่ได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่ในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล และอีกไม่นานน่าจะมีข่าวเกี่ยวกับซอลลี่ออกมา” ทางค่ายโทรศัพท์มาแจ้งฉันก่อน โดยหวังว่าฉันจะไม่ตกใจเมื่อทราบข่าวจากสื่อ 

“พวกเขาบอกฉันว่าเธอลื่นล้มในห้องน้ำ แต่ตอนนี้ปลอดภัยดีแล้ว และหากฉันต้องการไปเยี่ยมเธอ ฉันต้องไปโรงพยาบาลเองคนเดียว แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาบอกว่าถ้าหากฉันไปโรงพยาบาล พวกเขาอาจจะไม่สามารถปกปิดอาการบาดเจ็บ (แบบลงรายละเอียดทั้งหมด) ของซอลลี่จากสำนักข่าวได้ ทำให้สุดท้ายฉันตัดสินใจไม่ไปหาเธอที่โรงพยาบาล และทำได้แค่เพียงเสียใจกับตัวเองเท่านั้น ในตอนนั้น ฉันร้องไห้เสียใจอยู่เป็นสัปดาห์”

นอกจากนี้ คุณแม่ของซอลลี่ยังได้อธิบายต่อทั้งน้ำตาว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงไม่นานหลังจากที่ข่าวเกี่ยวกับซอลลี่ และชเว-จา แยกทางกันอย่างเป็นทางการถูกปล่อยออกมา “สำหรับฉัน นี่มันเป็นเหมือนกับความพยายามครั้งสุดท้ายของเธอ สำหรับเธอ (ซอลลี่) ทุกอย่างในชีวิตของเธอไม่มีอะไรแน่นอนอีกต่อไป ชายหนุ่มคนที่เธอรักทิ้งเธอไป ฉันที่เป็นแม่ก็ไม่ได้มีโอกาสอยู่ข้าง ๆ เธอ การต้องแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างนี้ด้วยตัวคนเดียวเป็นเรื่องยากสำหรับเธอ อีกทั้งฉันยังคิดว่าเธอไม่มีคนข้างกายเธอ ใครสักคนที่เธอสามารถพูดคุยด้วยได้ในทุก ๆ เรื่องอย่างสบายใจ และพร้อมรับฟังเธออย่างจริงใจ”

อ้างอิงจากบทสัมภาษณ์ในอดีตของซอลลี่เอง ซอลลี่บอกเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับการที่เธอต้องเข้าโรงพยาบาลว่า “ฉันมักจะแอบหลบอยู่ข้างหลังเพื่อน ๆ ของฉันอยู่ตลอดเวลา ฉันรู้สึกต้องการพึ่งพาพวกเขา แต่อย่างไรก็ตาม ฉันกลับสูญเสียเพื่อน ๆ ของฉันไปทีละคน ๆ พวกเขาต่างจากไป เพราะพวกเขาต่างก็พบกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก พวกเขาต่างก็ต้องปกป้องความรู้สึกของตัวเองเช่นเดียวกัน และสุดท้ายแล้ว ฉันที่พยายามยื่นมือของตัวเองออกไปเพื่อขอรับความช่วยเหลือ ก็ไม่ได้รับการตอบรับใด ๆ กลับมา และในตอนนั้นเองที่ฉันรู้สึกยอมแพ้ เพราะฉันไม่เหลือใครรอบข้างฉันแล้ว”

และแม้เวลาจะเดินต่อไปเรื่อย ๆ ในแต่ละปี ซอลลี่ก็ยังคงต้องแบกรับความคิดเห็นเกลียดชังจากสาธารณะชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมสื่อออนไลน์ที่มีต่อวิธีการแสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเอง (ซอลลี่) ผ่านบัญชีอินสตาแกรม ทั้งการโพสต์รูปแปลก ๆ และการไม่สวมเสื้อชั้นในในขณะที่อยู่ในที่สาธารณะ ส่งผลให้ซอลลี่ต้องออกมาอธิบายถึงกรณีนี้ว่า “สำหรับฉัน ฉันรู้สึกว่า ‘เสื้อชั้นใน’ นั้นเป็นเหมือนเครื่องประดับอย่างหนึ่ง (ที่คนเราเลือกได้ว่าจะใส่มันหรือไม่) ฉันแค่ต้องการที่จะทำลายกรอบความคิดที่เต็มไปด้วยอคติ และการตัดสินคนอื่นนี้ของสาธารณะชน”

นอกจากการผลักดันในเรื่องการสวมเสื้อชั้นในแล้ว ซอลลี่ยังเป็นคนดังเพียงไม่กี่คน (หรืออาจเป็นเพียงคนเดียว) ที่เลือกที่จะออกมาสนับสนุนสิทธิของผู้หญิงอย่างตรงไปตรงมาอีกด้วย ซึ่งครั้งหนึ่ง ซอลลี่เคยเปิดเผยว่า “ฉันเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ผ้าอนามัยที่ทำจากคอตตอน (ผ้าฝ้าย) และแน่นอนว่าในช่วงเวลาที่มีประจำเดือน ผู้หญิงทุกคนควรได้ใช้ผลิตภัณฑ์อนามัยที่ดีที่สุด” และด้วยเหตุนั้น ซอลลี่ได้ทำการบริจาคเงินเป็นมูลค่ากว่า 500 ล้านวอน (หรือราว ๆ 421,100 ดอลล่าร์สหรัฐฯ) เพื่อใช้เป็นเงินทุนในการจัดสรรผ้าอนามัยคุณภาพดีให้กับเด็กผู้หญิงในช่วงอายุวัยรุ่น ซึ่งมาจากครอบครัวที่มีรายได้น้อย 

ต่อมา ทางรายการได้ตัดภาพมาที่ทิฟฟานี่อีกครั้ง และได้กล่าวออกมาว่า “ทั้งในจังหวะชีวิต และสภาพแวดล้อมที่เหล่าบรรดาคนดังในวงการบังเทิงต้องเผชิญ ‘สื่อโซเชียลมีเดียส่วนตัว’ เป็นเหมือนกับสถานที่เพียงที่เดียวที่คุณสามารถเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ เช่นเดียวกัน แม้สำหรับฉันเอง การได้เป็นตัวเองอย่างแท้จริงในพื้นที่ตรงนั้นมันช่วยให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายได้ เพราะแบบนี้ ฉันจึงรู้สึกชื่นชมความกล้าหาญ และความต้องการเป็นตัวเองอย่างซื่อสัตย์ของซอลลี่อยู่เสมอ เพราะนั่นเป็นเพียงวิธีเดียวที่คนอย่างเราจะได้ใช้ชีวิต (ของตัวเองจริง ๆ) – เธอมักจะถามคำถามกับโลกใบนี้อยู่เสมอว่าทำไม แต่คำตอบที่ได้รับก็มีเพียงการบอกเธอว่า ‘ไม่’ (เธอไม่ควรทำแบบนั้น) โดยไม่มีการบอกเหตุผลใด ๆ เท่านั้น”

ในอีกบทสัมภาษณ์ซึ่งเกิดขึ้นในอดีต ซอลลี่เคยกล่าวไว้ว่า “เพราะฉันเริ่มต้นทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย ผู้คนจะคิดว่าฉันโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฉันต้องกลายเป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว เพราะแบบนั้น เวลาที่ฉันบอกกับพวกเขาว่าฉันเหนื่อย จึงไม่มีใครฟังฉันเลย” 

และหลังจากการจากไปของซอลลี่ ซึ่งเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม 2019 คุณแม่ของซอลลี่ได้เดินทางไปที่บ้านของซอลลี่ และต้องพบกับยามากมายหลายชนิด “ที่บ้าน ฉันพบห่อยาจำนวนมาก จำนวนยาพวกนั้นมันมีเยอะมาก มากเกินกว่าที่ร่างกายคนเราจะสามารถรับได้ด้วยซ้ำ การเปิดไอดอลที่ต้องยืนอยู่บนเวทีท่ามกลางแสงไฟคือสิ่งที่คอยหลอกหลอนเธอ เธอป่วยเป็นโรคตื่นตระหนก และโรคซึมเศร้า ฉันนึกไม่ออกเลยว่าที่ผ่านมานั้นเธอจะต้องรู้สึกเหงา และโดดเดี่ยวมากแค่ไหน ฉันเสียใจที่เพิ่งมาเข้าใจทุก ๆ อย่างเอาตอนนี้” 

คุณแม่ของซอลลี่ยังได้เปิดเผยถึงความรู้สึกหลังจากที่ทราบข่าวการเสียชีวิตของซอลลี่ด้วยว่า “ฉันได้รับโทรศัพท์ และพวกเขาบอกว่าซอลลี่ได้จากไปแล้ว – เธออาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นคนเดียวอย่างโดดเดี่ยว ฉันไม่มีโอกาสได้รั้งเธอเอาไว้ ทั้งที่ ๆ ฉันควรจะจับมือของเธอไว้ – ฉันบอกพวกเขาว่าฉันจะไปหาลูกสาวของฉัน เมื่อฉันไปที่บ้าน ฉันก็ได้พบกับเธอที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวในชั้นสองของบ้าน ฉันกุมมือของเธอไว้ ประคับประคองใบหน้าของเธอไว้ ฉันนั่งอยู่ตรงนั้นเป็นชั่วโมง ๆ แต่อย่างไรก็ตาม ฉันได้แต่คิดหวังว่าทำไมในตอนนั้นฉันไม่กอดเธอเอาไว้ทั้งตัว ตั้งแต่หัวจรดเท้า ฉันรู้สึกเสียใจ ฉันยังคงเสียใจที่ไม่มีโอกาสได้บอกลาลูกสาวเพียงคนเดียวเป็นครั้งสุดท้ายในแบบที่ดีกว่านี้ ฉันเสียใจที่ฉันมาช้าเกินไป ฉันได้แต่คิดหวังว่าจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้ กลับไปยังช่วงเวลาดี ๆ เหล่านั้น”

ในอีกด้าน ทิฟฟานี่บอกเล่าความรู้สึกของเธอว่า “มากกว่าจะคิดหาเหตุผลว่าทำไมซอลลี่ถึงเลือกที่จะจากไป ฉันคิดหาเหตุผลกับตัวของฉันเองก่อน ฉันได้แต่ถามตัวเองว่าทำไมฉันถึงไม่เป็นฝ่ายที่เข้าหาเธอก่อน แค่อีกเพียงสักครั้ง ทำไมฉันถึงไม่เป็นฝ่ายเริ่มพูดคุยกับเธอก่อน ฉันรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถอยู่ตรงนั้นเพื่อเธอ และรับฟังเรื่องราวของเธอได้ ฉันควรจะอยู่ข้าง ๆ เธอ” และสุดท้ายทิฟฟานี่ได้กล่าวอีกว่า “พอลองมาคิดดูแล้ว พวกเราทุกคนต่างก็ต้องการความช่วยเหลือใช่ไหมคะ? แม้แต่ตัวฉันเองด้วย ฉันแค่อยากบอกเธอว่า ‘ขอบคุณที่ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างกล้าหาญ สดใส เป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง’ ฉันรู้สึกขอบคุณที่ครั้งหนึ่ง เธอแสดงให้พวกเราถึงสิ่งต่าง ๆ ที่แสนพิเศษเหล่านั้น”

ชเว ‘ซอลลี่’ จินรี เกิดในปี 1994 และได้เริ่มต้นเส้นทางในวงการบันเทิงของตัวเองในฐานะนักแสดงเด็กในปี 2005 และเรื่อยมาจนถึงในปี 2009 ที่ซอลลี่ได้เดบิวต์ในฐานะสมาชิกของวงเกิร์ลกรุ๊ป f(X) อย่างไรก็ตาม ซอลลี่ได้หยุดเส้นทางการเป็นไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปของตัวเองลงอย่างเป็นทางการในปี 2015 และตัดสินใจโฟกัสกับเส้นทางอาชีพในฐานะนักแสดงอย่างจริงจังจวบจนวันสุดท้าย ในวันที่ 14 ตุลาคม 2019 

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X