หลังจากที่เรารู้ว่าปมความขัดแย้งของอัยการและตำรวจ
เป็นปัญหาที่ยืดเยื้อยาวนานมาหลายสิบปี
และยังไม่มีบทสรุปที่ชัดเจน ทำให้อำนาจการสั่งการคดี
ยังเป็นของอัยการอยู่ ใน EP นี้ เราจึงได้เห็นการปะทะกันยกแรก ระหว่าง อัยการ กับตำรวจ แต่ปัญหา คือ ฝั่งอัยการตั้งธงมาแล้วก่อนเข้าร่วมหารือ ว่าต่อให้สถานการณ์จะเป็นยังไง
ก็จะไม่ยอมอ่อนข้อให้แน่นอน
.
ซึ่งหนทางเดียวที่จะสร้างความชอบธรรมให้ฝั่งอัยการ
คือการพิสูจน์ให้ได้ว่า ฝั่งตำรวจมีข้อบกพร่องในการทำงาน
และคดีที่ถูกยกมาใช้ เพื่อทำลายความน่าเขื่อถือของกรมตำรวจในครั้งนี้ ก็คือ การฆ่าตัวตายของซงกีฮยอนนั่นเอง
.
ต่อไปนี้ คือ ภาพรวมของ EP4 ครับ
=========================
1.การหารือที่ล้มเหลว
การเดินเรื่องใน EP4 เริ่มต้นจากฉากปิดท้ายของ EP3
นั่นคือการหารือข้อตกลงครั้งแรก ระหว่่างอัยการกับตำรวจ
แต่การหารือไม่ทันจะเริ่ม ก็เกิดประเด็นถกเถียงขึ้นเกี่ยวกับเรื่อง "สิทธิ์ในการขอหมายศาล"
.
สำรับคนที่ไม่ได้ทำงานด้านกฏหมายอาจจะไม่เข้าใจว่า
ทำไมสิทธิ์ในการขอหมายศาลถึงกลายเป็นข้อพิพาทได้
ตรงนี้ จะเห็นวาซีรีส์ได้ยกเอาประวัติศาสตร์การรัฐประหารของประเทศเกาลีใต้ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2504
และผลจากการทำรัฐประหารนั้น ได้ก่อให้เกิดการสถาปนา "สภาสูงสุดเพื่อการฟื้นฟูบูรณะชาติ" ขึ้นมา และเป็นธรรมดาที่รัฐธรรมนูญย่อมถูกเขียนขึ้นโดยผู้มีอำนาจทางการเมือง
.
ฝ่ายตำรวจเห็นว่า การให้อำนาจฝั่งอัยการในเรื่องนี้ มาจากกฏหมายที่ไม่เป็นประชาธิปไตบ จึงได้เลือกจะหยิบขึ้นมาคัดค้าน และยังเทียบเคียงไปถึง คดีที่เกิดขึ้นอีก 2 คดี คดีแรกเป็นคดีที่อัยการปกป้องกันเองเมื่อ 10 ปีก่อน และคดีที่สอง คือ คดีที่จางกอน กำลังเดินเรื่องขอหมายศาลเพื่อควบคุมตัวคนร้ายที่จับไว้ได้ แต่ยังไม่ไปถึงไหนสักที
.
ประเด็นนี้ ชีมก ยกเหตุผลขึ้นมาโต้แย้งได้อย่างดี
เขาบอกว่า "ศาลออกหมายแบบปรนัย ตั้งแต่ออกหมาย ก็ถือเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน
ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องตรวจสำนวนด้วยการสอบสวนแบบอัตนัย" ซึ่งในที่นี้ก็หมายความว่า
ศาลออกหมายโดยอำนาจหน้าที่ที่มี
แต่การตรวจสอบความถูกต้อง เหมาะสม
ในการออกหมายนั้น เป็นของอัยการ
เพื่อไม่ให้เกิดการจับคนมากักขังตามอำเภอใจ
จึงต้องมีคนคอยตรวจสอบก่อนผู้พิพากษาจะออกหมาย
ที่ลิดรอนสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน
2.สงครามภายในของ ฮันโจกรุ๊ป
สำหรับใครที่ยังมองภาพความขัดแย้งภายในของ ฮันโจกรุ๊ป ไม่ออก ใน EP นี้ น่าจะทำให้เห็นภาพความขัดแย้งมากยิ่งขึ้นนะครับ เพราะมีตัวละครอันดับ 3 มาเพิ่ม นั่นคือ "คิมบยองฮยอน" ผู้ถือหุ้น 7% ของฮันโจกรุ๊ป เป็นรองแค่ อีซองแจ และอียอนแจ เท่านั้น
.
ตรงนี้ เราจะเห็นภาพความสัมพันธ์ของอำนาจ
เพราะบยองฮอน คือ ประธานของซองมุนเดลี่
สื่อเจ้าดังที่เขียนข่าวโจมตี อีชางจุน กับอียอนแจ
ว่าสมรู้ร่วมคิดกันวางอุบายหักหลัง "อียุนบอม" ในซีซั่นแรก
.
ซึ่งใน EP นี้ เราได้เห็นความกลัวที่เกิดขึ้นภายในใจของ ยอนแจ เมื่อเธอรู้ว่าสถานการณ์ของตัวเองไม่สู้ดีนัก และกำลังจะถูกบีบออกจากตำแหน่งประธานฮันโจกรุ๊ป การขอแยกประธานในที่ประชุม ออกจากประธานของบริษัทฯ และการพยายามจะกลับคืนสู่อำนาจของ "อียุนบอม" เป็นข้อพิสูจน์อย่างดี ถึงความกังวลในครั้งนี้
.
และอีกตัวละครจากฝ่งอัยการที่ตั้งแต่ซีซั่น 1 จนถึงซีซั่น 2 ยังคงเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานไม่เปลี่ยนแปลง คือ ซอดงแจ เขาเอาตัวเองเข้าไปหา ยอนแจ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับตัวเองทั้ง 2 ทาง เพื่อรับความดีความชอบจากฝั่งอัยการ และฮันโจกรุ๊ป
3.เมื่อตำรวจฆ่ากันเอง
ดูเหมือนว่า คดีที่เกิดขึ้นที่สถานีตำรวจเซกก
จะกลายเป็นชวนเหตุสำคัญที่ดึงให้ อัยการ และตำรวจ
ต้องออกมาตามหาตัวพยานที่เหลือพอจะให้ปากคำได้
ซึ่งในการเดิมหมากสำคัญครั้งนี้ คนที่ได้เปรียบ
ก็คือ "ฮันยอจิน" ที่เข้าถึงตัว โกชางยง ได้ก่อน
และรู้ว่าต้องตามหาตัว "คิมซูฮัง" เพื่อหาเบาะแสเพิ่มเติม
.
ตรงนี้ซีรีส์พาเราย้อนกลับไปเห็นภาพของ ซงกีฮยอน
ที่ถูกเพื่อนตำรวจสถานีเดียวกันคอยกลั่นแกล้งอยู่เสมอ
ทำให้เราได้สำรวจสภาพจิตใจของตัวละครไปด้วย
.
และเหมือนกับที่ ยอจิน บอกกับ ชเวบิทเอาไว้ในตอนท้าย
ต่อให้เหตุการณ์นี้จะเป็นการฆ่าตัวตาย แต่ก็เป็นการถูกฆาตกรรรมเช่นกัน เพราะสภาพจิตใจของ ซงกีฮยอน มีความเสี่ยงที่พร้อมจะฆ่าตัวตายอยู่แล้ว จากโรคซึมเศร้าที่เป็นอยู่
.
เราจะเห็นว่า ตัวอย่างใน EP5 ยิ่งเข้มข้นมากขึ้น
เมื่อ ชีมก ซึ่งตอนนี้อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ยอจิน
ถูกขอร้องให้ไปล้วงความลับมาจากฝั่งตำรวจ
ที่กำลังเดินเกมแย่งชิงโอกาสในการเข้าถึงคดีนี้ก่อนอัยการ
.
ส่วนเรื่องราวใน EP5-6 จะเป็นอย่างไรนั้น
ต้องมาติดตามไปพร้อมกันในสัปดาห์หน้าครับ
=========================
รับชมซีซั่น 1 และ 2 แบบถูกลิขสิทธิ์ได้ที่ : https://www.netflix.com/title/80187302?s=i&trkid=13747225