Strangers From Hell คับที่อยู่ได้ แต่คับเกินไป...ทนไม่ไหวนะครับ
2019-11-06 13:42:48
Advertisement
คลิก!!!

 

คะแนน ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐ 9/10

สาวโสดหนุ่มโสดคะ? ลองจินตนาการดูว่า คุณเป็นมนุษย์เงินเดือนผู้น้อย พกพาร่างกายเหี่ยวๆ หัวใจเหี่ยวๆ จากที่ทำงานกลับมายังหอพักรูหนูสุดซอมซ่อเหมือนดังปกติ แต่ทันใดนั้นเอง!! หนุ่มหล่อข้างห้องก็เปิดประตูมายิ้มให้คุณ แล้วบอกว่า “ผมแอบสนใจคุณอยู่นะครับ ... ที่รัก” ยัง ...ยังไม่พอ คุณพบว่าหนุ่มหล่อคนนั้นคือ อี!!! ดง!!! อุค!!!

คุณจะทำอย่างไรคะ?

ก. กรี๊ดดดด ดีใจ “แต่งงานกันเมื่อไหร่ดีคะ”

ข. วิ่งหนีไปปากซอยเพราะเขินหนักมาก

ค. ตัวเย็นเฉียบ ขนลุกซู่ ยืนนิ่งด้วยความเสียวสันหลัง

 

คำถามนี้ถ้าเกิดขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อน ยุคที่พี่อีดงอุคยังถูกมะรุมมะตุ้ม เป็นตัวแทนโปรดิวเซอร์แห่งชาติขวัญใจเหล่าเด็กชายวัยขบเผาะ ในรายการ Produce X 101 คุณอาจจะบอกว่า ใส่ช้อยส์ข้อ 3 เข้ามาเพื่อ??? เพราะชาตินี้เราไม่เคยเตรียมใจที่จะมองความหล่อเหลาขาวอมชมพู ของเทพบุตรนามว่า อีดงอุค เป็นความน่าสะพรึงกลัวได้เลย เรารักเขาในบท ลุงยมสุดเท่ ในซีรีส์ Goblin ไม่สิ... อันที่จริงเรารักผู้ชายคนนี้ตั้งแต่ซีรีส์ My Girl วันที่เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชื่อของเขาอ่านว่ายังไง ลีดองวุค อีดงฮุค ลีดงวุค ... ใช่แล้วค่ะ ช่างเป็นความรักที่ปราศจากข้อแม้ แต่ช้าก่อนค่ะ!!! ถ้าคุณได้ดู Strangers From Hell ซีรีส์ที่มีความยาวเพียง 10 ตอน คุณอาจเลือกตอบข้อ 3 ก็เป็นได้

เราตั้งใจรีวิวซีรีส์ Strangers From Hell ด้วยบรรยากาศสนุกสนาน เพราะกลัวว่าหากรีวิวด้วยฟิลลิ่งตามท้องเรื่อง บางคนที่ผ่านมาอ่าน อาจจะช็อกตาตั้งไปเลยก็ได้ โดยเฉพาะสัปดาห์สุดท้ายที่สยองขวัญสั่นประสาท จนได้เรต19 ไปครอง ซึ่งนานๆ จะมีซีรีส์เกาหลีในทีวีที่กำหนดเรตไว้ถึงระดับนี้ และแม้แต่เทียบกับซีรีส์เรต 19 ด้วยกัน ภาพที่เห็นในเรื่องนี้ ก็อาจจะรุนแรงชวนสะอิดสะเอียนมากกว่า

 

#เว็บตูนสุดสยอง ครองอันดับ 1 ถึง 39 สัปดาห์

Strangers From Hell ดัดแปลงจากเว็บตูนสยองขวัญ “นรกคือคนอื่น” ที่ขึ้นแท่นอันดับ 1 ยาวนานถึง 39 สัปดาห์ บวกกับโปรดักชั่นช่อง OCN ที่ได้ชื่อว่าเป็นเอกอุทางด้านการทำ “ละคร” ให้เหมือน “หนังโรง” และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือ ฝีมืออันฉกาจฉกรรจ์ของทีมนักแสดง นี่คือผลงานคัมแบ็คสู่ถนนสายพลเรือน ของ “อิมชีวาน” พระเอกตัวเล็กพลังเยอะ และยังเป็นการพลิกบทบาทครั้งสำคัญ ของ อีดงอุค อีกด้วย การที่อีดงอุค มีชื่อปรากฏอยู่ใน Trailer เป็นคนสุดท้าย หลังชื่อนักแสดงคนอื่นๆ ยิ่งทำให้ฉงนใจว่า บทบาทนี้จะเป็นเพียง “นักแสดงรับเชิญ” หรือ “Last Boss” กันแน่

ตามปกติถ้าเจอซีรีส์คุณภาพคับกล่องขนาดนี้ เราคะยั้นคะยอคนรอบตัวให้มาดู แต่กับ Strangers From Hell เราจะขอให้คุณสำรวจตัวเองก่อนค่ะ หากคุณมีโรคประจำตัว เช่น โรคซึมเศร้า หรือกำลังอยู่ในช่วงหดหู่ เครียด มีปัญหารุมเร้าใจอย่างหนัก ซีรีส์เรื่องนี้อาจเป็นกำลังเสริมให้คุณยิ่งจ่อมจมกับความทุกข์ทรมาน (คล้ายๆ กับภาพยนตร์ Jocker นั่นแหละค่ะ ผลงานดี มีคุณภาพ แต่อาจหดหู่เกินไปสำหรับบางคน)

 

คุณคิมยงกิ เจ้าของผลงานเว็บตูน “นรกคือคนอื่น” ได้กล่าวไว้ว่า Strangers From Hell สร้างขึ้นจากเรื่องจริงบางส่วนของเขา ตอนที่เข้ามาทำงานในโซลใหม่ๆ ความที่เพิ่งเรียนจบ ไม่มีเงินก้อนสำหรับมัดจำหอพักดีๆ แทนที่เขาจะได้เช่าหอพักใกล้ที่ทำงานย่านแทฮังโน กลับต้องไปเช่า “โคชีวอน” หรือหอพักรูหนูสุดซอมซ่อ ในย่านอึนพยองที่ห่างออกไปจากตัวเมือง แม้หอคุณคิมยงกิในตอนนั้นไม่มีอันตราย แต่ความเก่าคร่ำคร่าน่าสะพรึง ก็ทำให้คนเราจินตนาการไปมากมาย ผนังห้องเก่า ส่งกลิ่นเหม็นอับ จากที่ไม่มีผี ก็รู้สึกเหมือนจะมีผี ห้องแคบเท่าโลงศพ จากที่จะกลับมาพักกายใจหลังเลิกงานหนัก กลับรู้สึกหดหู่จนอยากร้องไห้ คนข้างห้องที่ดูเย็นชา ก็ดูเหมือนอาชญากร ยิ่งเจ้าตัวเป็นนักเขียนนิยายสยองขวัญด้วยแล้ว สิ่งน่ากลัวเหล่านี้จึงถูกประกอบสร้างขึ้นในสมองไม่ยากเย็น แม้แต่ในโลกความเป็นจริง ก็มีข่าวให้เห็นบ่อยๆ ว่า “ผู้อาศัยในโคชีวอน ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า” และหลายรายจบลงด้วยการฆ่าตัวตาย

#จากเว็บตูน สู่จอแก้ว

ในเวอร์ชั่นซีรีส์ ศูนย์กลางของเรื่องอยู่ที่ ยูนจงอู (รับบทโดย อิมชีวาน) ชายหนุ่มจากปูซาน เขาเรียนจบมาหลายปี แต่ยังหางานไม่ได้ จนวันหนึ่งรุ่นพี่มหาวิทยาลัย ชักชวนให้เข้ากรุงโซลมาทำงานในบริษัททำละครเวที ที่ตัวเองเป็นเจ้าของ ยูนจงอู บอกกับครอบครัวว่าจะมาอาศัยบ้านเพื่อน แต่ความจริง แม้แต่แฟนสาวที่ดูเหมือนจะเป็น “โอเอซิส” เพียงแห่งเดียวในเมืองหลวง ก็กลับเย็นชาใส่ ยูนจงอูผู้ถังแตก มีทางเลือกชีวิตไม่มากนัก จึงออกเสาะหา “โคชีวอน” หรือหอพักรูหนู เป็นที่ซุกหัวนอน แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ โคชีวอนดีๆ ก็ยังราคาแพงเกินไป

 

ในที่สุด ยูนจงอู ก็เจอหอพักราคาย่อมเยา ชื่อ “เอเดนโคชีวอน” ที่ต้องแลกมากับสิ่งที่ไม่ชวนพิสมัยเอาเสียเลย หอพักอยู่บนเนินเขาสูง เก่าแก่ รกร้าง เหม็นอับ เหมือนฉากในหนังฆาตกรรม อันที่จริงพื้นที่นี้ต้องรื้อถอนรอรัฐปรับปรุงด้วยซ้ำ แต่หอพักเอเดนกลับรอดหูรอดตาไปได้ นอกเหนือจากห้องแคบๆ ที่แม้แต่สูดลมหายใจให้เต็มปอดยังลำบาก “ผู้คน” ที่อยู่ในหอพักนี้ ยังทำให้ ยูนจงอู หวาดระแวง ตั้งแต่คุณป้าเจ้าของหอ ที่พยายามคะยั้นคะยอให้เขากินอาหารทำจาก “เนื้อคน” , คุณลุงจิ๊กโก๋หัวร้อน , เฮียแว่นที่ดูไม่ออกว่าเป็นโรคจิตดูหนังโป๊ หรือฆาตกรโรคจิตกันแน่ , ฝาแฝดนรก ที่เพียงเสียงหัวเราะ ก็หลอนจับใจ ดูเหมือนหอพักแห่งนี้ จะมีเพียง “คุณหมอซอมุนโจ” (รับบทโดย อีดงอุค) คนเดียวที่ดูแตกต่างจากคนอื่น เขาเป็นทันตแพทย์รูปหล่อ สะอาดสะอ้าน และมีรอยยิ้มให้กับ “ยูนจงอูที่รัก” อยู่เสมอ ทว่า ยูนจงอูกลับสัมผัสได้ว่า รอยยิ้มนี้แหละ อันตรายที่สุด

 

สถานการณ์ใน Strangers From Hell จะสั่นประสาทขึ้นเรื่อยๆ ในทุก EP ค่ะ ในที่สุดผู้คนรอบตัวในหอพัก ก็จะผลัก ยูนจงอู หนุ่มแสนซื่อ สู่ขุมนรกที่ลึกเกินกว่าเขาจะป่ายปีนขึ้นมาได้ เราแอบไปดูรีวิวที่อื่น แล้วก็เห็นด้วยกับที่เขาว่า บรรยากาศในซีรีส์เรื่องนี้ คล้ายภาพยนตร์ Metamorphosis (ปีศาจเปลี่ยนหน้า) เวอร์ชั่นที่ไม่มีผี แต่ก็ประคองความรู้สึก “ไม่น่าไว้วางใจ” ไว้ได้ตลอดเวลาเช่นกัน แล้วก็เห็นด้วยที่มองเห็น ยูนจงอู เป็นตัวแทนของ “คนชายขอบ” คล้ายกับ “จงซู” พระเอกภาพยนตร์ Burning (มือเพลิง) ผู้ยอมเป็นหมากตัวน้อยๆ บนกระดาษของชนชั้นที่เหนือกว่า ทั้งคู่ต่างมีคำถามในใจมากมาย ต้องพยายามแค่ไหน ถึงจะลืมตาอ้าปากจากสถานะสังคมที่เป็นอยู่นี้ แล้ววันหนึ่ง คำถามที่ไม่เคยได้ปริปาก ก็กลายเป็นเชื้อเพลิงที่สุมอยู่ในใจ ระเบิดออกมา วันนั้นแหละคือ “นรก” ของแท้ ทุนนิยมอันบิดเบี้ยว ได้สร้าง “ปีศาจ” ในสังคมเพิ่มขึ้น สำเร็จ!!!

#โคชีวอน สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า “หอพักรูหนู”

โดยส่วนตัวแล้วก็ต้องบอกว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้อินกับ Strangers From Hell มากขึ้นไปอีกก็เพราะตัวเองเคยอาศัยอยู่ในหอพักรูหนู “โคชีวอน” มาตั้งปีกว่าๆ หนำซ้ำช่วงถังแตกยังเคยอยู่ในหอราคาถูกที่มีบรรยากาศและความเก่าคล้ายกับ “หอเอเดน” นานถึง 2 เดือน (เหมือนขนาดที่ว่า แม้แต่ปลอกหมอนยังลายเดียวกับยูนจงอู อ่ะค่ะ) การรับชมซีรีส์เรื่องนี้จึงไม่ได้มีแค่ภาพและเสียงค่ะ แต่ยังมี “กลิ่น” อันไม่น่าพิสมัยของหอพักนั้นติดตามมาอีกด้วย กลิ่นที่เราไม่โอเคกับมันตั้งแต่นาทีแรกที่ก้าวเท้าเข้ามาที่นี่ แต่เรากลับโอเคกับมันเมื่อเจ้าของหอพักบอกราคาค่าเช่าห้อง เราไม่ได้เลือกหอพัก หอพักก็ไม่ได้เลือกเรา แต่ที่เรามาอยู่ที่นี่ เพราะเราไม่มีทางเลือก ความจนให้ช้อยส์เรามาแค่นี้

 

ช่วงที่ดู Strangers From Hell เราก็ดูซีรีส์ Hotel Del Luna กับ What Wrong With Secretary Kim (เลขาคิม)ควบเกี่ยวไปด้วย เป็นบรรยากาศที่ขัดแย้งกันสุดๆ ในขณะที่เรื่องนึงมีโรงแรมหรูหราใหญ่โต อีกเรื่องมีบ้านใหญ่เหมือนราชวัง (แถมพระเอกอาศัยอยู่คนเดียวอีกต่างหาก) แต่พระเอกอีกเรื่องกลับไปอยู่ในห้องพักเก่าและเล็ก เหมือนกับโลงศพ เป็นบรรยากาศที่ไม่ค่อยเห็นในซีรีส์เกาหลี (บทคนจนๆ ที่เห็นกันส่วนมาก ถ้าไม่เช่าห้องบนดาดฟ้า ก็ห้องเหม็นอับชั้นใต้ดิน ซึ่งอย่างน้อยก็ยังมีพื้นที่ให้หายใจหายคอมากกว่านี้) ซึ่งว่ากันตามจริงแล้ว เปอร์เซ็นต์ของคนที่อาศัยอยู่ในโคชีวอน มีมากกว่าคนอยู่บ้านหรูแบบพระเอกเรื่องเลขาคิมแน่ๆ

เดิมทีแล้ว หอพักโคชีวอน ไม่ได้ถือกำเนิดมาเพื่อเป็นที่อาศัยถาวรหรอกค่ะ แต่เป็นเพราะสมัยก่อนคนเกาหลีอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ นอนห้องเดียวกันทั้งพ่อ แม่ ลูกๆ เมื่อลูกสักคนเตรียมสอบ หรือทำโปรเจ็กต์ ย่อมต้องการสมาธิเป็นพิเศษ (คนเกาหลีเรียนหนักอย่างไรให้ไปดูซีรีส์ Sky Castle เลย) เด็กบางคนไปเช่าโต๊ะอ่านหนังสือ 독서실 (ทกซอชิล) ที่คล้ายๆ Co-working space บ้านเรา เพื่ออ่านหนังสือหามรุ่งหามค่ำที่นั่น แต่บางคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากกว่านั้น ก็จะเช่าห้องขนาดเล็ก 고시원 (โคชีวอน) กินอยู่หลับนอนในนั้นเลย พอสอบเสร็จก็หอบของกลับบ้าน

โคชีวอนแห่งแรกที่เรา(ผู้เขียน) เคยใช้ชีวิตอยู่ ก็มีลักษณะแบบโคชีวอนยุคแรกเริ่มนั่นล่ะค่ะ คับแคบ ราคาถูก ไม่ได้ตกแต่งสวยงาม แต่เดินทางสะดวกใกล้มหาวิทยาลัยทุ่นเวลาเดินทางมากๆๆ ข้างห้องมีแต่นักศึกษาที่ดูยุ่งอยู่ตลอดเวลา ห้องนักศึกษานิติศาสตร์ พอเปิดออกมาก็เจอแต่หนังสือประมวลกฎหมาย (หนังสือเยอะยิ่งกว่าเสื้อผ้าซะอีก) อีกห้องเป็นสาวแฟชั่นดีไซเนอร์ ก็มีแต่แบบสเก็ตซ์ติดเต็มฝาผนัง กับกองผ้าที่แทบล้นออกมานอกห้อง หอพักแบบนี้จะมีห้องครัว ที่หุงข้าวสวย กับทำกิมจิเตรียมไว้ให้ผู้เช่าด้วยค่ะ ในขณะที่เราสำแดงฝีมือทำอาหารสุดฤทธิ์ ชาวหอคนอื่นก็หยิบกล่องเครื่องเคียง (กิมจิ ปลาแห้ง สาหร่าย ฯลฯ) ที่แช่ไว้ในตู้เย็นมาโปะข้าวแล้วกินง่ายๆ ซ้ำกันแทบทุกมื้อ เวลาทุกนาทีมีค่าค่ะ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบเสร็จ โปรเจ็กต์จบ พวกนางก็ย้ายข้าวของกลับบ้านแสนสุข

 

ความที่เราใหม่มากกับเกาหลี โคชีวอนแห่งแรกก็ทำเราช็อกไปเหมือนกัน อยู่ที่นั่นแค่เดือนกว่าก็ย้ายออกมา อ่านถึงตรงนี้อาจเดาว่าเราย้ายไปห้องใหญ่กว่า ไม่เลยค่ะ ห้องกว้าง 1.40 เมตร ยาว 1.80 เมตร เล็กกว่าเดิมนิดหน่อยด้วยซ้ำ เตียงขนาดเล็กพิเศษ 2 ฟุตครึ่ง ที่ต้องสอดเท้าเข้าไปใต้ตู้ถึงจะนอนเหยียดขาได้ (ซึ่งเราไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องความยาว แต่แรกๆ มีปัญหา “กลิ้ง” ตกเตียง ประจำค่ะ) แต่หอนี้ติดวอลเปเปอร์น่ารักหวานๆ บรรยากาศดูกุ๊กกิ๊ก ไฟสว่างๆ หอแบบนี้เป็นที่ถูกใจของนักเรียนต่างชาติค่ะ เพราะราคาถูกและไม่ต้องจ่ายค่ามัดจำ (ถ้าจะเช่าห้องสตูดิโออพาร์ตเม้นท์ แบบที่เรียก One Room จะต้องวางมัดจำ 6 เดือน 12 เดือน แล้วแต่ตกลง) บางห้องก็ใหญ่พอใช้ได้นะคะ ราวๆ 2.5 คูณ 3 เมตรก็มี แต่ราคาก็สูงราวๆ 500,000 วอน (15,000 บาทในตอนนั้น) ส่วนห้องของเราถูกสุด ราคา 320,000 วอน (เกือบๆ 10,000 บาท) อ้อ นอกจากนักศึกษาต่างชาติ คนเกาหลีต่างจังหวัดที่มาทำธุระสั้นๆ ในโซล 1-2 เดือนก็นิยมหอแบบนี้ค่ะ

เพราะบรรยากาศที่นั่นน่ารัก และเราก็ไม่ได้กลัวการอยู่ที่แคบ จึงอยู่ในโคชีวอนแห่งที่ 2 ได้นานเกือบปี ซึ่งบรรยากาศต่างจากหอแรกสุดๆ หอแห่งนี้ครัวไม่เคยว่างค่ะ เป็นที่ประลองฝีมืออาหารนานาชาติยังกับมาสเตอร์เชฟ ยัยคนจีนก็ชอบมาเต๊าะขอสูตรวิธีทำไข่เจียวให้ฟูจากเรา (ก็แค่ตีไข่มันยากตรงไหนนน) ยัยคนญี่ปุ่นก็มาขอชิมผัดกะเพรา ส่วนปัญหาของหอแบบนี้ก็มีเหมือนกัน ความที่ผู้คนต่างวัฒนธรรม และไม่คุ้นชินกับการอยู่ในที่แคบ กำแพงบางเฉียบ ก็จะมีปัญหาอยู่บ่อยๆ ช่วงหน้าร้อน ยัยรัสเซียทนไม่ไหวที่หอไม่ยอมเปิดแอร์ซักที (เป็นแอร์ท่อ เปิดเฉพาะตอนบ่าย กับหลังสองทุ่ม) ไปพิมพ์ข้อความภาษาอังกฤษประจานหอพักในเว็บบอร์ดค่ะ เจ้าของหอกลัวก็เลยเปิดแอร์ทั้งวันทั้งคืน ผลปรากฏว่า ยัยไทยแลนด์ (อิฉันเอง) เป็นหวัดหลอดลมอักเสบอยู่เป็นเดือนๆ เลยเจ้าค่ะ อีกปัญหาที่พบบ่อยคือ สาวๆ ยุโรปชอบโทรคุยกับแฟนตอนดึกตี 2-3-4 เพราะไทม์โซนบ้านเขาได้พอดี ใครอยู่ข้างห้องคือหนวกหูมากก แล้วเป็นภาษาที่เราฟังไม่เข้าใจ ซิมซาลาบิม ซิมซิมไปอีกก

แม้บรรยากาศโคชีวอนที่ 1 และ 2 จะต่างกัน แต่ก็มีจุดร่วมของผู้อาศัยข้อหนึ่งคือ “เดี๋ยวก็ได้ออกจากที่นี่แล้ว” ทำโปรเจ็คต์ส่งอาจารย์เสร็จก็ได้กลับบ้านไปเจอที่นอนอุ่นๆ ข้าวแม่อร่อยๆ แล้ว เรียนจบก็ได้กลับประเทศตัวเองแล้ว (เผลอๆ มัวแต่ลัลล้ากับชีวิตโลกกว้างในเกาหลี จนลืมไปเลยว่าหอพักมันแคบ) แต่โคชีวอนแห่งที่ 3 ที่เราไปอยู่ตอนถังแตกนี่สิคะ คือโคชีวอน (เกือบจะ) แบบเดียวกับในซีรีส์ Strangers From Hell เลย ไม่ได้อยู่ใกล้มหาลัย มีแต่ลุงๆ ที่ทำงานในตลาดอาศัยอยู่ แทบไม่มีผู้หญิงเลยค่ะ (เราก็ยังอุตส่าห์มองโลกในแง่ดีว่าห้องน้ำหญิงว่างตลอด) สภาพตึก 5 ชั้น เปิดเป็นหอพักชั้น 3-4 แต่ว่าหลังคาตึกถูกรื้อออกไปแล้ว ย้ำอีกครั้งว่า ไม่มีหลังคาค่ะ!!! หลังคาของชั้น 4 ก็คือ พื้นเก่าของชั้น 5 ฝนตกทีนึง ที่ชั้น 4 ก็จะมีกระป๋องกระแป๋งรองน้ำเต็มไปหมด เราไม่เจอปัญหานี้เพราะอยู่ชั้น 3 แต่ชั้น 3 มีห้องครัวค่ะ!!! ความที่ตึกนี้แทบไม่มีหน้าต่างระบายอากาศ กลิ่นของครัวก็เลยลอยคลุ้งไปทั่วชั้น “กลิ่นคนจนเหมือนกันทั้งบ้าน” ในภาพยนตร์ Parasite (ชนชั้นปรสิต) นั้นเป็นตลกร้ายจริงๆ เพราะถ้าเราอยู่โคชีวอนแห่งนี้ไปนานๆ ไม่ว่าเราจะเดินออกไปที่ไหน จะแต่งตัวสวยแค่ไหน แต่มันก็จะมีกลิ่นนี้

 

ก่อนจะย้ายมาอยู่โคชีวอนที่ 3 เราเสิร์ชหาข้อมูลว่าปลอดภัยแค่ไหน ก็พบว่า เคยมีคนเป็นโรคซึมเศร้าและฆ่าตัวตาย เพราะอยู่ในโคชีวอนลักษณะนี้ด้วย โคชีวอนที่เราอยู่ดีกว่าตรงที่อยู่ติดสถานีรถใต้ดิน เราเลือกที่นั่นเพราะอย่างน้อยก็เดินทางสะดวก แต่โคชีวอนในซีรีส์ Strangers From Hell อยู่บนเนินเขาสูง ลองคิดดูสิคะ เหลือช้อยส์ที่เป็นข้อดีอะไรให้คนเลือกอาศัยที่นั่นบ้าง นอกเสียจากราคาถูก หลายคนถูกกดดันจากที่ทำงาน กลับมาก็เจอภาวะอึดอัดในโคชีวอนอีก บางคนเป็นบัณฑิตเตรียมสอบเข้ารับราชการ หรือทำงานบริษัทใหญ่ๆ (ใช่แล้วค่ะ เป็นการอ่านหนังสือและติวเข้ม เหมือนสอบเข้ามหาลัยอีกครั้ง) มุอ่านหนังสือทุกวันจนสติแตก การอยู่อาศัยในที่คับแคบแบบไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน ไม่รู้จุดสิ้นสุดที่จะออกไป บวกกับแรงบีบคั้นทางสังคม คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้สถานที่แห่งนี้ คือนรกบนดิน

ในซีรีส์ Strangers From Hell อาจเห็นว่ายูนจงอู พระเอกของเราก็มีแฟนด้วย น่าจะเป็นแรงใจรายวันให้เขาสู้ชีวิตในเมืองหลวงไม่ใช่เหรอ? แต่ไม่เลยค่ะ นี่คือปมที่ทำให้ ยูนจงอู ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อย ปกติถ้าผู้ชายไทยจะแต่งงาน เขาก็มักดูว่า บวชแล้วหรือยัง มีบ้านมีรถหรือยัง แต่ผู้ชายเกาหลีถ้าจะแต่งงาน บางทีฝั่งผู้หญิงจะถามว่า มีเงินมากพอสำหรับจ่าย 전세 “ชอนเซ” แล้วหรือยัง ชอนเซ เป็นการเช่าบ้าน/อพาร์ตเมนต์สไตล์เกาหลีรายปี โดยผู้เช่าจะต้องมีเงิน Key Money (보증금 โพจึงกึม) ก้อนใหญ่ๆ ไปวางให้เจ้าของ แล้วเจ้าของก็จะให้อยู่บ้านฟรีๆ ปีหนึ่งเลย แต่ถ้าไม่มีเงิน Key Money ตรงนี้ ก็ต้องไปจ่ายค่าเช่ารายเดือน 월세 “วอลเซ” คนเกาหลีมองว่าหากยังต้องจ่ายเงินค่าเช่าห้องทุกเดือน ก็เท่ากับไม่มีความมั่นคงอะไรเลย ยูนจงอูก็เป็นคนแบบนั้นในระดับคูณสิบค่ะ อย่าว่าแต่เช่าบ้าน ชอนเซ เล้ยย ... เงินจะเช่าโคชีวอนที่ดีกว่าหอพักเอเดนยังไม่มี

 

อาจจะสงสัยว่าแล้วเจ้าของบ้านที่ให้อยู่เปล่าๆ นั้นได้ประโยชน์อะไร คนที่ใจบุญก็อาจจะมีบ้าง แต่เห็นว่าส่วนใหญ่หมุนเงินไม่ทันก็เลยประกาศเช่าชอนเซค่ะ หวังได้เงินก้อนใหญ่เอามาหมุนก่อน และบางคนก็หมุนไม่ทันอีกรอบ ต้องไปกู้เงินมาจ่ายคืนเป็นค่าโพจึงกึมให้ผู้เช่าหลังหมดสัญญาก็มี เง้อออ สมัยนี้เลยฮิตการใช้เช่าที่พักแบบ 반전세 “พันจอนเซ” (반 แปลว่า ครึ่งหนึ่ง) โดยจ่ายเงินโพจึงกึมก้อนใหญ่ครึ่งหนึ่ง แล้วจ่ายค่าเช่ารายเดือนในราคาที่ถูกลง Win-Win ทั้งสองทาง ซึ่งถ้าลองสังเกตดีๆ โซล และเมืองที่ประชากรหนาแน่นสุดๆ อย่าง โตเกียว ฮ่องกง จะมีสำนักงานอสังหาริมทรัพย์ (เกาหลีเรียกว่า 부동산 พูดงซาน) เยอะมากๆ เป็นคาแรกเตอร์ที่จะพบได้เพียงแค่ในเมืองที่ราคาที่ดินแพงระยับ และแม้ว่าสำนักงานอสังหาริมทรัพย์ จะมีห้องว่างเหลืออยู่เสมอ แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเข้าไปจับจองที่แห่งนั้นได้ คนที่เข้ามาทำงานในโซล ไม่น้อยเลย ยังคงอาศัยอยู่ในโคชีวอนบนภูเขา นักศึกษาทำงานพาร์ทไทม์ในโตเกียว เช่าหอพักแคปซูลอยู่ชั่วคราว และคุณลุงจำนวนไม่น้อยในฮ่องกง ที่อาศัยอยู่ใน “บ้านกรง” หรือ “บ้านกล่อง”

ตอนวัยรุ่นเราเคยดูซีรีส์ F4 แล้วก็สงสัยว่า ทำไมแม่ซันไช่ (นางเอก) ที่จ๊นจน ถึงต้องกู้หนี้ยืมสิน ส่งลูกสาวเรียนมหาวิทยาลัยไฮโซ เพื่อให้ลูกได้เจอผู้ชายดีๆ มีระดับ ความคิดแบบนี้มันถูกเหรอ จนตอนนี้ดู F4 รีเมคล่าสุด ไปพร้อมๆกับ Strangers From Hell แล้วกลับรู้สึกแปลกออกไป มันอาจจะดีก็ได้นะ ถ้าการอยู่ในที่ดีๆ เปิดโอกาสให้เราได้พบเจอกับคนดีๆ เพราะถ้าเราเลือกอยู่ในที่ที่เป็น “นรก” แล้วคอยบอกตัวเองว่าต้องอดทนผ่านไปให้ได้ อดทนอย่างไม่รู้จบ วันหนึ่งถ้าเราไม่โดนนรกลงทัณฑ์ ตัวเราเองนั่นแหละ จะกลายเป็น “นรกของคนอื่น” เสียเอง

คุณสามารถชมซีรีส์ Stranger From Hell ได้ที่ >>>http://bit.ly/2kktltg

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X