โกงเนียน! ชายมะกันตั้งโปรแกรมเลขแจ็กพอต จนถูกหวย ‘ฮอต ลอตโต้’ 462 ล้าน
2015-07-21 16:18:50
Advertisement
คลิก!!!

(นายเอ็ดดี ทิปตัน)

ดิ้นไม่หลุด...‘เอ็ดดี ทิปตัน’ ชายอเมริกัน โดนคณะลูกขุนศาลรัฐไอโอวา ตัดสินกระทำความผิดในคดีฉ้อโกง หลังแอบตั้งโปรแกรมตัวเลขหวยแจ็กพอตของ ‘ฮอต ลอตโต้’ แล้วไปซื้อเลขให้ตรงจนถูกแจ็กพอต ร่วม 462 ล้านบาท

เมื่อ 21 ก.ค.58 สื่อต่างประเทศ รายงานความคืบหน้าเรื่องราวโอละพ่อของนายเอ็ดดี ทิปตัน ชายชาวอเมริกัน วัย 52 ซึ่งถูกแจ็กพอต หวย ‘ฮอต ลอตโต้’ (Hot Lotto) จะต้องได้รับเงินรางวัล 14 ล้านดอลลาร์ หรือร่วม 462 ล้านบาท ที่รัฐไอโอวา ประเทศสหรัฐฯ เมื่อ 5 ปีก่อน แต่สุดท้ายความแตก จนนายทิปตัน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ด้านระบบความปลอดภัยข้อมูล ที่สมาคมลอตเตอรี่ในหลายรัฐ ซึ่งเป็นหน่วยงานออกหวย ‘ฮอต ลอตโต้’ ต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงนั้น

ในที่สุด คณะลูกขุนที่ศาลในเมืองเดส มอยเนส รัฐไอโอวา ได้ตัดสินว่า นายทิปตันกระทำความผิดจริงเมื่อวันจันทร์ที่ 20 ก.ค.58 (ตามเวลาท้องถิ่น) โดยใช้โปรแกรม ‘สตีลธ์’ เพื่อเข้าไปสุ่มตั้งเลขรางวัลแจ็กพอตในระบบคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็ลบข้อมูลทิ้งเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกจับได้ แล้วก็ไปซื้อเลขให้ตรงกับตัวเลขแจ็กพอตที่ตั้งไว้ โดยมีหลักฐาน ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นว่า นายทิปตันได้ไปซื้อหวยฮอต ลอตโต้ เมื่อเดือน ธ.ค. 2553 

โดยตามกฎของหวยฮอต ลอตโต้นั้น นายทิปตันไม่ได้รับอนุญาตให้เล่นหรือได้รับเงินรางวัลหากถูกหวย เขาจึงได้ให้เพื่อนของเขาพยายามไปรับเงินรางวัลแจ็กพอต 462 ล้านบาท ที่รัฐเทกซัส และแคนาดา โดยที่ไม่ยอมแจ้งชื่อว่าใครเป็นผู้เล่น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับเงิน เพราะตามกฎ ผู้ถูกแจ็กพอต ‘ฮอต ลอตโต’ จะต้องแสดงตัวว่าเป็นใคร ดังนั้น จะไม่มีการจ่ายเงินให้

ข่าวแจ้งว่า คณะลูกขุนได้ใช้เวลาหารือกันนานถึง 5 ชั่วโมง ก่อนจะตัดสินว่านายทิปตันทำความผิดในข้อหาฉ้อโกง โดยนายร็อบ แซนด์ ผู้ช่วยอัยการสูงสุดของรัฐไอโอวา กล่าวว่า เขาคิดว่าคณะอัยการมีหลักฐานพยานแวดล้อมที่แน่นหนามากในการมัดตัวนายทิปตันได้กระทำความผิดในคดีนี้ แม้จะไม่มีหลักฐานโดยตรง เพราะโปรแกรมตั้งเลขแจ็กพอตได้ถูกลบทิ้งไปแล้วก็ตามที แต่จากพยานหลักฐานแวดล้อมก็สามารถชี้ชัดว่า จำเลยได้กระทำความผิด ทว่า ด้านทนายของนายทิปตัน โต้แย้งว่า ลูกความของเขาจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินต่อไป เนื่องจากเห็นว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะตัดสินว่านายทิปตันกระทำผิด

 

ที่มา : mirror.co.uk

ขอขอบคุณที่มา  ไทยรัฐออนไลน์

 

 

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X