ไม่เชื่อเรื่องแปลกอะไร หากจะบอกว่าความคิดของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ดังนั้นถึงแม้จะเป็นคนรักก็ไม่ได้หมายความว่าต้องเห็นพ้องต้องกันไปหมดเสียทุกเรื่อง อาจมีเห็นต่างบ้างในบางคราว แต่ติดปัญหาอยู่ที่ว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาส่วนใหญ่ก็จะกลายเป็นความขัดแย้ง จนนำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้ง หรือกระทั่งผู้ชายบางคนต้องยอมจำนนและทำตามความคิดของฝ่ายหญิง เพราะไม่อยากมีเรื่อง พูดไปยังไงก็ไม่มีวันชนะ ฉะนั้นวันนี้เรามีทริคพลิกสถานการณ์ร้ายให้กลายเป็นดีได้ดังนี้
1. พูดกันตรง ๆ
จริง ๆ แล้วเวลาที่เกิดความขัดแย้งหรือความคิดไม่ตรงกันนั้น ไม่มีฝ่ายใดที่ผิดหรือถูกเสียทั้งหมด เนื่องจากต่างคนต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง ฉะนั้นควรบอกเธอไปตรง ๆ หรืออาจจะเกริ่นนำไปก่อนว่า เข้าใจความรู้สึกและสถานการณ์ของเธอดี แต่ไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่นัก หลังจากนั้นค่อยอธิบายที่มาที่ไปกับเหตุผลของตัวเอง พร้อมกับทำให้เธอเข้าใจด้วยว่าไม่ได้จะโยนความผิดให้เธอแต่อย่างใด
2. ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์
ในสถานการณ์แบบนี้คนส่วนใหญ่มักยึดความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้งไว้ก่อน พร้อมมองว่าอีกฝ่ายผิดเสมอ ซึ่งเมื่อเกิดการโต้เถียงกันจะใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งมากกว่าการใช้เหตุผล ทำให้เรื่องราวยิ่งบานปลายกันไปใหญ่จนถึงกับไม่พูดไม่จากันไปนานเลยทีเดียว หรือลามไปถึงเรื่องอื่น ๆ โดยการหยิบยกปัญหาเก่า ๆ เรื่องเดิม ๆ มาพูดอีกครั้ง ดังนั้นควรแยกตัวออกไปสงบสติอารมณ์สักพักให้ใจเย็นลงก่อน แล้วค่อยกลับมาเคลียร์เรื่องที่กำลังเป็นปัญหาให้จบ
3. พูดจาด้วยคำสุภาพ
ถึงแม้ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นจะทำให้อารมณ์เสีย หงุดหงิด โกรธเคืองมากแค่ไหน ก็ไม่ควรพูดจากันด้วยการใช้คำหยาบคาย ประชดประชัน เสียดสี หรือดูถูกทำให้อีกฝ่ายน้อยเนื้อต่ำใจ เสียใจ เพราะอย่างที่รู้กันดีว่าผู้หญิงน้อยใจง่าย และมักเก็บมาคิดมาก ฉะนั้นหากเป็นไปได้ควรพูดจากันดี ๆ ใช้คำสุภาพจะเหมาะสมและทำให้เคลียร์ปัญหาได้ง่ายกว่า
4. คิดถึงผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย
คนส่วนใหญ่อาจรู้สึกว่าการโต้เถียงเป็นการแข่งขันอย่างหนึ่งที่จะต้องมีผู้แพ้และผู้ชนะ เพราะต่างฝ่ายต่างก็คิดถึงสิ่งที่ตัวเองจะได้รับมากกว่า ทั้งที่จริงแล้วควรคิดถึงผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย จากนั้นค่อย ๆ ปรับจูนความคิดให้ตรงกัน วิธีนี้จะช่วยให้ความรักนั้นยั่งยืน และมีความสัมพันธ์ที่มั่นคงมากขึ้น
5. คิดก่อนพูด
การใช้คำพูดคำจาที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่อาจได้ความสะใจในช่วงสั้น ๆ แต่ไม่สามารถจะช่วยไขปัญหาในระยะยาวได้ นอกจากนี้คนฟังอาจคิดว่าคุณรู้สึกตามที่พูดออกมา ถึงแม้จริง ๆ แล้วเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบก็ตาม ดังนั้นควรไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน พร้อมกับพยายามหลีกเลี่ยงคำต้องห้าม และการเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยคำที่ไม่เหมาะสม
6. ฟังมากกว่าพูด
ทุกคำพูดจะไม่มีความหมายใด ๆ เลยหากไม่มีคนฟัง เพราะต่างฝ่ายต่างก็ต้องกาะอธิบายเหตุผลของตัวเองและคิดว่ามันถูกต้องที่สุดแล้ว สุดท้ายจึงจบลงด้วยการทะเลาะกัน คงจะดีกว่าหากได้ลองเปิดใจรับฟังเหตุผลของอีกฝ่ายแบบไม่มีอคติบ้าง พร้อมกับเก็บมาคิดทบทวน เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาต่อไป
หลายคนอาจคิดว่าความขัดแย้งนำมาซึ่งความแตกแยก แต่จริง ๆ แล้วสิ่งนี้แหละที่จะทำให้พวกคุณเข้าใจกันและกันมากขึ้น ใช่ว่าจะเป็นสิ่งเลวร้ายเสมอไป เพียงแต่ต้องใช้วิธีการประนีประนอมแทนการใช้ความรุนแรง หรือคำหยาบคาย ยอมเปิดใจรับฟังอีกฝ่ายบ้าง ไม่ใช่ยึดติดอยู่กับความคิดของตัวเองฝ่ายเดียว เพียงเท่านี้ความรักก็ยั่งยืนยาวนานจนคู่อื่น ๆ ต้องแอบอิจฉาเลยล่ะครับ