นงนุช สิงหเดชะ: กรณี"ลูกสาวขี้วีน"ของCEOโคเรียนแอร์ เรื่อง"ถั่วๆ"ที่สร้างหายนะให้องค์กร
2015-01-01 14:33:07
Advertisement
คลิก!!!

บทความพิเศษ
 
มติชนสุดสัปดาห์ 26 ธันวาคม 2557 - 1 มกราคม 2558

เป็นเรื่องฉาวโฉ่ใหญ่อีกครั้งหนึ่งของเกาหลีใต้ที่ถูกประจานไปทั่วโลก
 
กรณีนางโชฮยอน อา วัย 40 ปี รองประธานบริหารโคเรียนแอร์ (สายการบินแห่งชาติเกาหลีใต้) ลูกสาวคนโตของ นายโช ยาง โฮ (ประธานบริหาร) โคเรียนแอร์ ได้กระทำเกินกว่าเหตุด้วยเรื่องเพียงเล็กน้อย จนทำให้สายการบินโคเรียนแอร์ต้องล่าช้าราว 20 นาที
 
เพราะกัปตันต้องหันหัวเครื่องบินที่กำลังวิ่งเข้าสู่รันเวย์เพื่อเตรียมบินขึ้นกลับมายังท่าเทียบอาคารโดยสารเพื่อให้พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่เธอไม่พอใจการบริการลงจากเครื่องบิน
 
เหตุการณ์อัปยศนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่5ธันวาคม เมื่อโคเรียนแอร์ เที่ยวบินที่จะออกจากสนามบินเจเอฟเค ในนิวยอร์ก เพื่อมุ่งหน้าสู่สนามบินอินชอน ของเกาหลีใต้ สร้างความเดือดร้อนให้ผู้โดยสารทั้งลำ เพียงเพราะลูกสาวของสายการบินแห่งนี้ซึ่งนั่งอยู่ในชั้นเฟิร์สต์คลาส ไม่พอใจที่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเสิร์ฟถั่วแม็กคาเดเมีย ให้เธอทั้งถุงโดยไม่แกะเทใส่จานเสียก่อน
 
ตามคำให้การของผู้อยู่ในเครื่องบินบอกว่าเธอเอะอะเสียงดังผลักอกพนักงานและขว้างหนังสือคู่มือใส่พร้อมกับบังคับให้พนักงานรายนั้นคุกเข่าขอโทษเธอต่อหน้าผู้โดยสารคนอื่น ซึ่งพนักงานก็ทำตาม
 
เท่านั้นยังไม่พอ เธอยังออกคำสั่งให้กัปตันเลี้ยวเครื่องบินกลับไปยังท่าเทียบอาคารโดยสารเพียงเพื่อไล่พนักงานรายนั้นลง
 
 
ใครที่เคยนั่งเครื่องบินคงพอจะนึกภาพออกว่าการเลี้ยวเครื่องบินกลับไปยังที่เดิมไม่ใช่เรื่องง่ายและเสียเวลาเนื่องจากไม่ง่ายเหมือนเลี้ยวรถยนต์ และกว่าเครื่องบินจะวิ่งจากท่าเทียบอาคารโดยสารไปถึงรันเวย์นั้น ใช้เวลาค่อนข้างนาน
 
โดยปกติคนที่มีอำนาจสูงสุดในการตัดสินใจว่าจะทำอะไรกับเครื่องบินเที่ยวนั้นต้องเป็นกัปตันเท่านั้น
 
แต่นี่นางโชจอมวีนใช้อำนาจความเป็นลูกสาวเจ้าของประธานสายการบินบังคับให้กัปตันทำตามคำสั่ง โดยที่แม่นางไร้วุฒิภาวะคนนี้ไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยด้านการบินหรือแม้กระทั่งความปลอดภัยของผู้โดยสาร หรือเครื่องบินลำอื่นๆ
 
ภายหลังเกิดข่าวฉาวโฉ่ขึ้น ดูเหมือนสังคมเกาหลี ก็ยังคงมุ่งเน้นไปแค่เรื่องของการทำให้สายการบินแห่งชาติเสียภาพลักษณ์ หรือไม่ก็ว่าเธอทำกับพนักงานเกินกว่าเหตุ
 
แต่ประเด็นสำคัญกว่าที่ไม่ค่อยมีใครให้น้ำหนักก็คือ1.เรื่องความปลอดภัยการบิน2.วุฒิภาวะของนางโชซึ่งเป็นถึงผู้บริหารระดับสูงของสายการบินแห่งนี้
 
การที่เธอออกคำสั่งให้กัปตันเลี้ยวเครื่องบินกลับน่าจะเข้าข่ายมีความผิดละเมิดกฎหมายความปลอดภัยด้านการบินเพราะเธอไม่มีอำนาจแถมยังอาจสร้างความโกลาหลหรืออันตรายต่อเครื่องบินลำอื่นที่ต้องการขึ้นหรือลงจอดในเวลาใกล้เคียงกัน
 
การกระทำของนางโชถือว่าไม่มีวุฒิภาวะหากสายการบินแห่งนี้ยังให้นางมีส่วนร่วมในการบริหารต่อไปอาจถึงหายนะในไม่ช้า เพราะแสดงให้เห็นว่าเธอขาดวุฒิภาวะ และขาดวิจารณญาณในการตัดสินใจที่ดี
 
เพราะหากเธอไม่พอใจและต้องการลงโทษพนักงานจริงมีทางเลือกที่ดีกว่านี้คือรอให้เครื่องบินถึงจุดหมายปลายทางก่อนแล้วค่อยจัดการกับพนักงานคนนั้น
 
หรือในเวลานั้นหากเธอเกรงว่าพนักงานรายนั้นจะไปทำผิดพลาดกับผู้โดยสารคนอื่นในชั้นเฟิร์สต์คลาสในเที่ยวบินนั้นอีกก็เพียงแค่สั่งย้ายพนักงานคนนั้นไปให้บริการชั้นประหยัดแทนชั่วคราวก็ยังได้
 
แต่การที่ดุด่าพนักงานต่อหน้าสาธารณะและยังทำให้เป็นเรื่องใหญ่จนสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของสายการบินและต่อต้นทุนการบิน (อย่างน้อยก็เปลืองค่าน้ำมันมากขึ้น) นั้นสะท้อนให้เห็นว่าเธอไม่ใช่นักบริหารมืออาชีพ แต่เป็นแค่ "คุณหนูที่เอาแต่ใจ" เพราะเกิดมาสุขสบายและถูกพ่อแม่ตามใจ ได้ดำรงตำแหน่งสูงๆ
 
ไม่ใช่เพราะความสามารถหรือผ่านความยากลำบากมา จึงไม่เห็นอกเห็นใจคนอื่นหรือมองพนักงานอย่างมนุษย์คนหนึ่ง
 
 
สื่อเกาหลีใต้วิจารณ์ว่าเหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงการใช้อภิสิทธิ์อำนาจบาตรใหญ่ของบรรดาลูกหลานเจ้าของบริษัทผูกขาดขนาดใหญ่(แชโบล) ในเกาหลีใต้ ที่มองว่าตัวเองเป็นนายเหนือหัวของพนักงาน
 
ในเว็บไซต์ของสหภาพนักบินเกาหลีใต้ มีนักบินเข้ามาเขียนข้อความว่า "ผมยินดีต้อนรับการโจมตีจากสังคม ผมหวังว่าการสอบสวนจะเปิดเผยให้เห็นความไม่ยุติธรรมในบริษัทนี้ ส่วนเน่าๆ จะได้ถูกกำจัดออกไปเพื่อให้ส่วนที่สดใหม่ได้เติบโต"
 
อีกคนเขียนว่า
 
"เหตุการณ์นี้ทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทผมเสียหาย ทำให้สายการบินแห่งนี้กลายเป็นตัวตลกนานาชาติ อดีตรองประธานคนนี้กำลังจะถูกสอบสวน แต่ผมแปลกใจตัวเองว่าทำไมถึงได้รู้สึกโล่งอกอย่างนี้"
 
 
หลังจากถูกโจมตีอย่างหนักทำให้ในวันที่12ธันวาคม สองพ่อลูก นายโช ยาง โฮ พร้อมด้วย นางโช ฮยอน อา บุตรสาว ได้ออกมาโค้งคำนับแทบหัวจรดพื้นเพื่อขอโทษต่อสังคม ผ่านกองทัพนักข่าวที่กระทรวงคมนาคม
 
นายโช วัย 65 ปีบอกว่า "ขอโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น มันเป็นความผิดของผมในฐานะพ่อที่เลี้ยงดูอบรมลูกไม่ดี"
 
หนังสือพิมพ์เกาหลีใต้ให้ชื่อใต้ภาพนี้อย่างประชดประชันว่า"แค่เรื่องถั่ว"
 
ตอนเกิดเรื่องใหม่ๆลูกสาวจอมวีนรับผิดชอบแค่ลาออกจากตำแหน่งผู้ดูแลงานบริการบนเครื่องบิน แต่ยังไม่ลาออกจากตำแหน่งรองประธานบริหาร
 
แต่เมื่อแรงต่อต้านจากสังคมหนักหน่วงขึ้นเธอจึงยอมลาออกจากทุกตำแหน่งในกิจการที่อยู่ในเครือของโคเรียนแอร์ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมเคเอแอลเน็ตเวิร์ก, วังซัน ดีเวลล็อปเมนต์ และฮันจิน แทรเวล ซึ่งเธอดำรงตำแหน่งประธาน
 
วันเดียวกันนั้น เจ้าหน้าที่จากสำนักงานอัยการเกาหลีใต้ ได้ยกทีมบุกสำนักงานใหญ่โคเรียนแอร์ เพื่อเก็บรวบรวมหลักฐานประกอบการสอบสวน หากพบว่าการกระทำของ นางโช ฮยอน อา เข้าข่ายผิดกฎหมายความปลอดภัยการบิน เธออาจถูกจำคุก 10 ปี
 
ซึ่งตอนนี้อัยการมีคำสั่งห้ามเธอเดินทางออกนอกประเทศแล้ว พร้อมทั้งจะนำกล่องดำของเที่ยวบินดังกล่าวมาตรวจสอบด้วย เนื่องจากเกรงว่าจะมีการทำลายหลักฐานหรือสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมา
 
เพราะรู้กันดีว่าพวกแชโบลนั้น อิทธิฤทธิ์เยอะ เส้นสายใหญ่ เนื่องจากอิงกับการเมือง
 
 
ล่าสุดวันที่ 16 ธันวาคม กระทรวงคมนาคมเกาหลีใต้ บอกว่าจะยื่นฟ้องนางคนนี้ต่ออัยการ พร้อมเอาผิดทางอาญา อีกทั้งโคเรียนแอร์ อาจถูกห้ามบริการในบางเส้นทาง 1 เดือน หรืออาจถูกปรับ 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 65 ล้านบาท) เรื่องนี้เลยกลายเป็นปัญหาถั่วซองเดียวที่มีราคาแพงสุดในโลก
 
สายการบินแห่งชาติโคเรียนแอร์แต่เดิมจัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาลก่อนจะแปรรูปเป็นเอกชนโดยที่ตระกูลของ นายโช ยัง โฮ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ถือเป็นแชโบล หรือธุรกิจขนาดใหญ่ที่ผูกขาดโดยคนไม่กี่ตระกูลโดยมีการเมืองหนุนหลัง มักจะมีธุรกิจสารพัดอย่างอยู่ในมือ แผ่กว้างไกลออกไปฮุบทุกอย่างเหมือนหนวดปลาหมึกยักษ์
 
แม้ประธานบริหารโคเรียนแอร์จะไล่ลูกสาวคนโตออกไปจากทุกตำแหน่งแต่ความสยองยังไม่หมดไปเพราะเขายังมีลูกอีกสองคนทำหน้าที่บริหารในสายการบินแห่งนี้
 
ถ้าสองคนนั้นยังมีนิสัยเหมือนพี่สาวก็คงรับประกันได้ว่าสายการบินนี้จะถึงหายนะในไม่ช้า
 
เหตุการณ์นี้เชื่อว่าจะทำให้สังคมเกาหลีใต้เกลียดและต่อต้านแชโบลมากขึ้น
 
นี่อาจจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับสายการบินแห่งชาติของไทยอีกทางหนึ่ง โดยเฉพาะการยัดลูกคุณท่านหลานเธอเข้าไปทำงานเต็มไปหมด พวกชอบยัดน่าจะเลิกพฤติกรรมนี้ได้แล้ว เพราะนี่เป็นยุคปฏิรูป


ที่มา  มติชนออนไลน์

 
.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X