เป็นที่ทราบกันดีว่าการเข้าถึงตัว ดาราและศิลปินเกาหลีนั้น ถือว่าเป็นเรื่องยากมากๆ ยิ่งการเดินทางทัวร์คอนเสิร์ต หรือโชว์ตัวในต่างประเทศนั้น จะมี "บอดี้การ์ด" ตัวใหญ่ยักษ์ยืนล้อมหน้าล้อมหลังนับสิบ นอกจากนี้ ในการเดินทางแต่ละครั้งก็มักจะเลือกลงสนามบินด้วยช่องทาง VIP เมื่อถึงเวลาจะได้ดูคอนเสิร์ต ก็ต้องเจอมาตรการตรวจเข้มถึงขั้นลูบคลำร่างกายของสงวนเพื่อป้องกันการแอบซ่อนกล้อง จนเป็นประเด็นดราม่าในสังคมออนไลน์มาแล้ว

แฟนคลับใส่หน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อไวรัส เมอร์ส ตามที่มีประกาศ

อย่างไรก็ดี หลังจาก ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้นำเสนอรายจ่ายที่สาวกเกาหลีทุ่มเทให้กับศิลปินที่ชื่นชอบกันไปแล้ว "เปิดเป๋าตังค์ติ่ง ! จริงหรือไม่ เสียเงินเป็นแสน แขนไม่ได้จับ" ในตอนนี้จะพาไปทำความเข้าใจกับกฎเกณฑ์และข้อจำกัดต่างๆ ของศิลปินเกาหลี พร้อมแจงหลักปฏิบัติที่ถูกต้องในการค้นตัวก่อนเข้าคอนเสิร์ต รวมไปถึงทำความรู้จักตั๋วผีกันให้ชัดเจน

แบ่งระดับศิลปิน ผู้จัดคิดหนักใครเปรี้ยง! พี่จอง

นายกิตติวัฒน์ มโนสุทธิ CEO บริษัท อวาลอน ไลฟ์ (Avalon Life Thailand) ผู้มีประสบการณ์การจัดคอนเสิร์ตเกาหลีระดับซุป'ตาร์อย่าง เรน (Rain) หรือ ทงบังชินกิ (TVXQ) เผยถึงการคัดเลือกศิลปินที่จะมาจัดคอนเสิร์ตที่ไทย ว่า ศิลปิน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ตัวท็อป ที่มีกลุ่มฐานแฟนคลับแน่น การันตีได้ว่าบัตรขายหมดเกลี้ยง ทางผู้จัดจะดูแค่เรื่องของค่าบัตร ซึ่งแน่นอนว่าจะมีราคาสูง กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มดาวรุ่งกำลังมาแรง ที่ต้องลุ้นกันว่าจะถูกใจแฟนคลับชาวไทยหรือไม่ จะเป็นกลุ่มที่คุยง่ายราคาไม่แพงมาก แล้วแต่ว่าจะฮอตแค่ไหน ส่วนกลุ่มสุดท้ายคือ กลุ่มที่อยู่นานแล้ว จะถูกจัดให้อยู่ในระดับกลาง การนำเข้ามาจะขึ้นอยู่ที่ผู้จัดทั้งสิ้น

การนำศิลปินเข้ามาจัดคอนเสิร์ต หากเป็นบริษัทที่เคยทำงานกันมาก่อน ทางเกาหลีจะติดต่อเข้ามา หากในปีต่อไป ต้นสังกัดมีเกณฑ์จะทำทัวร์ต่างประเทศ แต่หากเป็นกรณีที่ไม่เคยร่วมงานกันมาก่อนเลย ทางไทยจะเป็นผู้ติดต่อ แต่ทั้งสิ้นแล้วขึ้นอยู่กับฐานแฟนคลับเป็นหลัก

ที่มาของตั๋วแพง ผู้จัดแข่งกันบิด ราคาใครสวยคนนั้นได้

"เพราะผู้จัดไทยแข่งขันกันเอง บิดราคา เกทับกัน หรือเรียกว่าประมูล เกาหลีก็นั่งยิ้มเลย เพราะราคาขึ้น บริษัทไหนให้มากกว่า เขาก็สนใจ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นบริษัทที่เคยทำด้วยกันมาก่อน พักหลังดูเหมือนว่าราคาบัตรคอนเสิร์ตเกาหลี จะค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นมา จนล่าสุดราคาบัตรพุ่งสูงถึง 8,500 บาท ทำให้แฟนคลับเด็กๆ บ่นกันอุบ ว่าแพงแสนแพง เมื่อเทียบกับต่างประเทศ"

คุณกิตติวัฒน์ กล่าวว่า ราคาบัตรอ้างอิงจากหลายปัจจัย ส่วนแรกคือเรื่องของค่าโปรดักชั่นของไทยที่แพงกว่าเกาหลี ญี่ปุ่น เพราะบริษัทที่จัดทำมีน้อย จึงสามารถเรียกค่าจ้างได้แบบเต็มๆ บวกกับภาษีที่ต้องจ่าย ส่วนที่สอง เป็นสิ่งที่ขึ้นแล้วไม่มีวันลง นั่นคือค่าตัวศิลปิน ที่บรรดาผู้จัดต่างแข่งขันราคากันหนักมาก

ศิลปินเรื่องมาก หรือผู้จัดเรื่องเยอะ

ดารา และศิลปินเกาหลี จะค่อนข้างมีข้อจำกัดที่ชัดเจนระบุไว้ในสัญญาว่าสามารถทำอะไรกับศิลปินได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนมากเรื่องที่เข้มงวดจะเป็นอาหาร ที่ระบุไว้ว่า ต้องเป็นอาหารเกาหลี หากเป็นร้านอาหารไทยก็จะถูกเลือกเป็นพิเศษ รวมไปถึงที่พัก แต่ก็ขึ้นอยู่กับบางวง เพราะมีด้วยกันหลายดีกรี บางวงไม่เรื่องมาก พักที่ไหนก็ได้ แต่บางวงก็ระบุอย่างชัดเจน

ศิลปินเกาหลีเป็นที่โจษขานในเรื่องการเข้าถึงได้ยาก มาเป็นอันดับต้นๆ คุณกิตติวัฒน์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นกติกาที่ทางต้นสังกัดจากประเทศเกาหลีได้วางไว้ เพื่อเป็นการสร้างรูปแบบให้ศิลปินดูมีคุณค่า ยิ่งเข้าถึงยากแฟนคลับก็ยิ่งกรี๊ดอยากเจอ รวมไปถึงป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับศิลปิน เพราะเคยเกิดกรณีที่ศิลปินได้รับอันตรายจากแฟนๆ มาแล้วในต่างประเทศ และประเทศไทยก็เคยเกิดขึ้นเช่นกัน จึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดภาพบอดี้การ์ดนับสิบคนคอยเป็นกำแพงกันระหว่างศิลปินกับแฟนคลับไว้เสมอ เมื่อมีการเดินทางไปสถานที่ต่างๆ

นั่งเป็นระเบียบ ภายใต้การควบคุมของพี่การ์ด

เข้มงวดสุดยอด แค่ดูคอนเสิร์ต แต่กฎเป็นสิบ

นอกจากความเข้มงวดในการที่จะเข้าถึงศิลปินแล้ว แม้แต่การชมคอนเสิร์ตเองก็ยังมีกฎระเบียบนับสิบข้อ ให้บรรดาแฟนคลับต้องท่องจำให้ขึ้นใจ แล้วปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็น มือถือต้องมีขนาดหน้าจอไม่เกิน 7 นิ้ว ถุงกระดาษห้ามใหญ่กว่าขนาด A4 ป้ายไฟ เป็นต้น

บางข้อก็สร้างความไม่พอใจให้กับแฟนคลับ โดยเฉพาะการถ่ายภาพ CEO บริษัท อวาลอน ไลฟ์ ให้ความคิดเห็นว่า เป็นเรื่องนโยบายจากทางเกาหลีซะส่วนใหญ่ ที่จะเคร่งครัดในเรื่องของลิขสิทธิ์ และความปลอดภัย ในกรณีของต่างประเทศที่เอากล้องเข้าได้ น่าจะเกิดจากการเล็ดลอด และการตรวจที่ไม่เข้มงวดมากกว่า ส่วนข้อสงสัยที่ว่า ทางผู้จัดไม่ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายภาพเองหรือเปล่า คุณกิตติวัฒน์ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า ไม่มีการซื้อขายสิทธิ์นี้อยู่แล้ว และไม่ได้มีบอกไว้ว่าผู้ชมจะสามารถเอากล้องเข้าได้ระบุไว้อีกด้วย

ไม่เพียงแต่ข้อห้ามที่ไม่ถูกอกถูกใจ ยังมีประเด็นดราม่าที่เคยเกิดขึ้น นั่นคือ การค้นตัวแฟนคลับ ที่มีการลูบ คลำ จับ จนแฟนคลับร้องโห ว่าต้องทำขนาดนี้เชียวหรือ ? ทีมข่าวได้สอบถามถึงข้อเท็จจริง และได้คำตอบว่า การค้นตัว มองได้ 2 เรื่อง เรื่องแรก คือความปลอดภัย เรื่องที่สองคือลิขสิทธิ์ ส่วนจุดประสงค์ที่พนักงานจะล่วงเกินคงไม่มี เนื่องจาก ณ สถานการณ์นั้นต้องอาศัยความเร็วในการตรวจค้น ความละมุนละม่อม หรือความเบามือของเจ้าหน้าที่จึงไม่สามารถทำได้ อีกทั้งยังโดนกำชับให้ตรวจอย่างละเอียดจากทางเกาหลีและผู้จัดชาวไทย จึงต้องทำแบบนั้น

รู้ไว้ก่อน กันดราม่า ขอค้นตัว ทำได้แค่ไหน

ทนายวิรัช หวังปิติพาณิชย์ ทนายความชื่อดัง ยืนยันว่าการขอตรวจค้นร่างกายด้วยการใช้มือสัมผัสไม่สามารถทำได้ ถึงแม้จะมีการชี้แจงก่อนก็ตาม เพราะในความเป็นจริงยังมีวิธีอื่น เช่น ใช้เครื่องตรวจอาวุธในลักษณะที่เป็นประตูให้เดินผ่าน หรือไม้ตรวจอาวุธ ที่สามารถตรวจหาโลหะได้ หากพบผิดสังเกต จึงค่อยขอตรวจในลักษณะพิเศษเป็นรายบุคคล มิใช่ใช้วิธีดังกล่าวกับผู้ชมคอนเสิร์ตทุกคน ด้วยข้อกล่าวอ้างเรื่องลิขสิทธิ์

เจ้าหน้าที่ขอตรวจอย่างเคร่งครัด

เมื่อรู้สึกว่าถูกลวนลามจะทำอย่างไร ? ทนายวิรัช แนะนำว่า ให้รวบรวมหลักฐานและส่งไปยังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หรือในกรณีที่รู้สึกถูกล่วงเกินค่อนข้างมาก จะถือว่าเป็นความผิดอาญา สามารถเข้าแจ้งความยังสำนักงานตำรวจในพื้นที่ที่จัดแสดงคอนเสิร์ตได้

เจ้าหน้าที่ขอตรวจร่างกายอย่างละเอียด

ทาง SM TRUE ออกระเบียบการค้นตัวก่อนเข้าชมคอนเสิร์ต

นั่งรอ เตรียมพร้อม รอให้กำลังใจศิลปิน

อัพหนัก ! ระวังให้ดี กลายเป็นตั๋วผี อาจมีความผิด

เมื่อศิลปินเป็นที่นิยม ทำให้บัตรคอนเสิร์ตถูกจำหน่ายหมดภายในเวลาไม่นาน เดือดร้อนบรรดาติ่งต้องเร่งออกหาบัตร ทำให้เกิดโอกาสดีของเหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้าหัวใส รีบจัดหนักขึ้นราคาชนิดที่ว่า สามารถซื้อตั๋วเครื่องบินไปเกาหลีได้เลย เพราะบางใบถูกอัพราคาเป็น 1-2 หมื่นบาท ซึ่งทางผู้จัดคอนเสิร์ตก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ทีมข่าวจึงสอบถามไปยังร.ต.ไพโรจน์ คนึงทรัพย์ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง เกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว ได้รับคำตอบว่า การเอาบัตรคอนเสิร์ตไปขายเกินราคา เรียกว่าขาย ตั๋วผี มีความผิด เนื่องจากค้ากำไรเกินควร แต่ในกรณีที่เป็นการขายแบบบุคคลต่อบุคคล และเต็มใจที่จะซื้อบัตรในราคาดังกล่าว ถึงแม้สาเหตุจะเกิดจากการไม่มีทางเลือกอื่น กฎหมายของ สคบ.ก็ไม่สามารถเข้าจัดการหรือเอาผิดได้ แต่หากเป็นกรณีของผู้ประกอบการธุรกิจที่จัดทำเป็นกระบวนการ กว้านซื้อมาโก่งราคา ทาง สคบ.ถึงจะสามารถจัดการให้คืนเงินเต็มจำนวนแก่ผู้เสียหายได้

วินาทีที่ศิลปินปรากฎตัว ต้องรีบเก็บภาพความประทับใจ

ตามติ่ง ฟินต้อนรับโอปป้า EXO

ล่าสุด ทีมข่าวไทยรัฐเฉพาะกิจออนไลน์ มีโอกาสได้ลงพื้นที่ร่วมสัมผัสประสบการณ์เฝ้ารอรับศิลปินเกาหลีวง Exo ร่วมกับเหล่าบรรดาแฟนคลับอีกมากมายหลายร้อยชีวิต รวมถึงได้ร่วมวงสนทนากับเหล่าแฟนคลับ โดยแฟนคลับกลุ่มหนึ่งเผยกับทางทีมข่าวฯ ว่า วันนี้ตั้งใจมารอรับเหล่าศิลปินที่ชื่นชอบและคลั่งไคล้ ตั้งแต่บ่ายโมง เพื่อต้องการมาให้กำลังใจศิลปินที่รักอย่างใกล้ชิด เพราะอยากเจอ รวมถึงอยากมาต้อนรับการมาเยือนเมืองไทยอีกครั้ง ถึงแม้ส่วนใหญ่จะมีบัตรเข้าชอมคอนเสิร์ต รวมทั้งรู้ดีว่าอาจจะพลาดโอกาสที่จะไม่ได้เห็นหรือสัมผัสไอดอล ในระยะใกล้ชิดก็ตาม แต่ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้สึกมีความสุขที่สุดแล้วที่ได้มารอพบศิลปินในดวงใจนอกจากนี้

อุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ กล้องถ่ายรูปและโทรศัพท์มือถือ

อย่างไรก็ดี จากการสังเกตบรรดาแฟนคลับที่มาเฝ้ารอเหล่าศิลปินวงดังกล่าวนั้น พบว่า เหล่าบรรดากลุ่มแฟนคลับส่วนใหญ่สวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสเมอร์สตามที่ได้มีประกาศออกมา พร้อมทั้งมีอุปกรณ์คู่ใจเป็นกล้องถ่ายรูปหรือมือถือ นั่งกันเป็นระเบียบเรียงรายหลายร้อยชีวิต ภายใต้การควบคุมของบอดี้การ์ดนับ 10 คน

ศิลปินทักทายแฟนคลับช่วงเวลาสั้น ก่อนขึ้นรถไปยังที่พัก

และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง ในเวลาประมาณ 21.30 น. ศิลปิน EXO ก็ปรากฏตัวที่บริเวณประตูทางออกวีไอพีของสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมกับโบกมือทักทายแฟนคลับเพียงสั้นๆ ประมาณ2-3นาที ก่อนที่จะขึ้นรถตู้ที่มารอรับไปทันที บรรดาสาวกโอปป้าต่างส่งเสียงกรี๊ดให้กำลังใจกันลั่นสนามบินสุวรรณภูมิ และมีกลุ่มแฟนคลับบางคนถึงกับกลั้นน้ำตาแห่งความปิติเอาไว้ไม่ไหวกับที่สุดแห่งความฟินในครั้งนี้

แค่ได้เห็นศิลปินก็มีความสุขแล้ว

ศิลปินกำลังจะมา ต้องรีบวิ่งเดี๋ยวพลาด

ใช้ไม้แบดมาประยุกต์ เป็นไม้เซลฟี่ ไว้เก็บภาพศิลปิน

เตรียมของมาเชียร์ แค่ได้เห็นก็ดีใจมากแล้ว

นี่คือทั้งหมดของกว่าจะมาเป็น "ติ่ง" ถึงต้องเจอราคาบัตรแสนแพง การตรวจเข้ม หรือกฎเกณฑ์จะเข้มงวดขนาดไหน พวกเขาก็พร้อมสู้ แม้จะไม่ได้สัมผัสตัวคนโปรด แต่แค่ได้เห็นก็ฟินแล้ว!?! 

ขอขอบคุณที่มา  ไทยรัฐออนไลน์