นักเขียนญี่ปุ่นไม่มีแขนไม่มีขา แต่ซุก “กิ๊ก” 5คน

2016-04-07 19:08:32

<p>Your browser does not support iframes.</p> <p>ขออภัยด้วยค่ะ ไม่สามารถแสดงผลบนเบราเซอร์ของคุณได้ค่ะ</p>
	คลิก!!!

        ฮิโรทาดะ โอโตทาเคะ นักเขียนไร้แขนขาชาวญี่ปุ่น ผู้ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนทั่วโลกและเจ้าของหนังสือขายดี ยอมรับผิดว่านอกใจภรรยา และมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นอย่างน้อย 5คน

       นิตยสารข่าวรายสัปดาห์ “ชูคัน ชินโช” เปิดโปงว่า ฮิโรทาดะ โอโตทาเคะ นักเขียนไร้แขนขาชื่อดัง เดินทางไปท่องเที่ยวปารีสและตูนีเซียกับหญิงสาววัย 20 กว่าปีเมื่อเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว และทั้งคู่ได้เข้าพักในห้องเดียวกันในโรงแรม

       หลังข่าวอื้อฉาวถูกเปิดเผย ฮิโรทาดะ โอโตทาเคะ ยอมรับผ่านเว็บไซต์ส่วนตัวว่าเขาได้มีความสัมพันธ์ทางเพศกับหญิงสาวตามที่ถูกระบุ และยังยอมรับผิดด้วยว่าได้นอกใจภรรยา โดยมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นถึง 5คน

นักเขียนญี่ปุ่นไม่มีแขนไม่มีขา แต่ซุก “กิ๊ก” 5คน

        ฮิโรทาดะ โอโตทาเคะ มีความพิการแต่กำเนิดโดยไม่มีแขนและขา แต่เขาไม่ย่อท้อต่อชีวิต และได้ถ่ายทอดประวัติชีวิตของตัวเองเป็นหนังสือที่ชื่อว่า “โกะไท ฟุมันโซะคุ” 五体不満足 จนกลายเป็นหนังสือขายดีมากที่สุด 1 ใน3 ของประเทศญี่ปุ่นนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2สิ้นสุด

       ชีวประวัติของเขายังได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษในชื่อว่า No One's Perfect และอีกหลายภาษา ทำให้เขากลายเป็นคนดังที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วโลก

        หลังจากนั้น โอโตทาเคะได้เป็นนักข่าวกีฬา และผันตัวเป็นครู รวมทั้งตั้งองค์กรสาธารณกุศลเพื่อทำความสะอาดถนนในเขตชินจุกุ ในกรุงโตเกียวที่เป็นบ้านเกิดของเขา

       ความโด่งดังของเขาทำให้พรรค LDP ของนายกฯชินโซ อะเบะ ทาบทามเขาให้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาในการเลือกตั้ง กลางปีนี้

        ข่าวอื้อฉาวครั้งนี้ส่งผลสะเทือนต่อภาพลักษณ์ของวีรบุรุษผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาอย่างมาก จนทำให้เขาต้องยอมรับผิดผ่านทางเว็บไซต์ส่วนตัวว่า “ถึงภรรยาและผู้สนับสนุนผม รวมทั้งผู้ที่มีผมเป็นแรงบันดาลใจ ผมได้ประพฤติตนทรยศต่อท่านทั้งหลายอย่างให้อภัยมิได้”

       ทั้งนี้ โอโตทาเคะได้แต่งงานตั้งแต่ปี 2011 และมีทายาทถึง 3 คน

       อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ทำท่าจะจบลงด้วยดี เมื่อภรรยาสุดประเสริฐได้ให้อภัยเขาผ่านทางเว็บไซต์ โดยระบุว่า “ในฐานะที่เป็นสามีและเป็นพ่อ ฉันยินดีต้อนรับคุณกลับสู่ครอบครัว”.

ที่มา http://manager.co.th/Japan/ViewNews.aspx?NewsID=9590000031207