ในยุคดิจิทัลที่ผู้คนส่วนใหญ่เข้าถึงข้อมูลข่าวสารผ่านอินเทอร์เน็ต การทำธุรกิจออนไลน์จึงมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ หนึ่งในกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพและได้รับความนิยมมากที่สุด คือ SEO หรือ Search Engine Optimization เรียกได้ว่าทุกวันนี้ แทบจะไม่มีนักการตลาดคนใดไม่รู้จักกลยุทธ์ SEO แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถทำเองแล้วเกิดประสิทธิภาพได้ เพราะการทำ SEO นั้น ต้องอาศัยทั้งความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์โดยตรง เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นไปในทางที่เหมาะสม
คลิก!!!
|
SEO คืออะไร
Search Engine Optimization หรือที่รู้จักกันสั้น ๆ ในชื่อ SEO คือ กระบวนการปรับแต่งเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับการทำงานของ Search Engine เพื่อให้เว็บไซต์ปรากฏในอันดับต้น ๆ ของผลการค้นหาเมื่อมีการค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไม่ว่าธุรกิจไหน ๆ ก็คงอยากจะให้เว็บไซต์ของตนเองขึ้นเป็นอันดับแรกบนหน้า Search Engine กันทั้งนั้น เพราะจะได้มีจำนวนคนเข้าเว็บไซต์มากขึ้น อันนำมาซึ่งโอกาสเพิ่มยอดขายที่จะมากขึ้นตามไปด้วย
ความสำคัญของการทำ SEO คืออะไร
การทำ SEO มีความสำคัญต่อธุรกิจออนไลน์หลายประการ ดังนี้
● เพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ – เว็บไซต์ที่ติดอันดับต้น ๆ ของผลการค้นหาย่อมมีโอกาสถูกมองเห็นและคลิกเข้ามาเยี่ยมชมมากกว่าเว็บไซต์ที่อยู่ท้าย ๆ ส่งผลให้มีจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์เพิ่มขึ้น
● เพิ่มโอกาสในการขาย – เมื่อผู้เข้าชมเว็บไซต์สนใจในสินค้าหรือบริการของธุรกิจ ก็มีโอกาสสูงที่พวกเขาจะทำการสั่งซื้อหรือติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งอาจนำไปสู่การปิดการขายได้
● ลดต้นทุนการทำการตลาด – การทำ SEO คือ การทำการตลาดแบบธรรมชาติ (Organic Marketing) ซึ่งไม่เสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเหมือนการทำการตลาดแบบจ่ายเงิน (Paid Marketing)
เทคนิคการทำ SEO มีอะไรบ้าง
การทำ SEO แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ On-page SEO และ Off-page SEO
1. On-page SEO
On-page SEO คือ การปรับแต่งเนื้อหาและโครงสร้างของเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับปัจจัยที่ Search Engine พิจารณา ได้แก่
การเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมและเกี่ยวข้องกับธุรกิจ
คีย์เวิร์ด (Keyword) ถือเป็นหัวใจสำคัญในการทำ SEO เลยก็ว่าได้ โดยคีย์เวิร์ดคือคำหรือวลีที่ผู้คนใช้ค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต การเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมและเกี่ยวข้องกับธุรกิจจะช่วยให้เว็บไซต์ของเราปรากฏในผลการค้นหาเมื่อผู้คนค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดเหล่านั้น
ในการเลือกคีย์เวิร์ดควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เช่น
● ความเกี่ยวข้องของคีย์เวิร์ดกับธุรกิจ
● ปริมาณการค้นหาของคีย์เวิร์ด
● ระดับการแข่งขันของคีย์เวิร์ด
การเขียนเนื้อหาคุณภาพสูง
เนื้อหาที่มีคุณภาพสูงเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ Search Engine ใช้พิจารณาในการนำเว็บไซต์มาจัดอันดับ โดยคุณสมบัติของเนื้อหา SEO ที่ดี คือ ต้องมีความชัดเจน กระชับ เข้าใจง่าย เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน และที่สำคัญ ควรมีการแทรกคีย์เวิร์ดอย่างเหมาะสม ไม่มากเกินไป หรือแทรกไว้ติด ๆ กันจนทำให้เนื้อหาดูไม่เป็นธรรมชาติ
โครงสร้างเว็บไซต์เป็นระเบียบและใช้งานง่าย
โครงสร้างเว็บไซต์ที่ชัดเจนและใช้งานง่ายจะช่วยให้ผู้เข้าชมสามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยควรมีการแบ่งหมวดหมู่และหัวข้ออย่างชัดเจน รวมถึงมีการเชื่อมโยงระหว่างหน้าต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เข้าชมสามารถเลื่อนดูแต่ละหน้าได้ง่าย
การปรับปรุงความเร็วในการโหลดหน้าเว็บฯ
ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บฯ เป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่ Search Engine พิจารณา โดยหน้าเว็บฯ ที่โหลดช้าอาจทำให้ผู้เข้าชมปิดเว็บไซต์ไปก่อนที่จะได้อ่านเนื้อหา ดังนั้น เจ้าของเว็บไซต์จึงควรตรวจสอบความเร็วในการโหลดหน้าเว็บฯ และปรับปรุงให้เร็วขึ้นอยู่เสมอ
2. Off-page SEO
Off-page SEO คือ การสร้างลิงก์จากเว็บไซต์อื่น ๆ ไปยังเว็บไซต์ของเรา โดยลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพสูงจะช่วยให้เว็บไซต์ของเรามีอันดับที่ดียิ่งขึ้นในผลการค้นหา สามารถทำได้หลายวิธี เช่น
● เขียนบทความและเผยแพร่บนเว็บไซต์อื่น ๆ
● เข้าร่วมกิจกรรมและแลกเปลี่ยนลิงก์กับเว็บไซต์อื่น ๆ
● ลงทะเบียนเว็บไซต์ของเราในไดเรกทอรีเว็บไซต์
สรุป
การทำ SEO คือ กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่สำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจออนไลน์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด และเพิ่มโอกาสในการขายได้ ผู้ประกอบการจึงควรให้ความสำคัญกับการทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ ของผลการค้นหาและดึงดูดผู้เข้าชมให้มาเยี่ยมชมเว็บไซต์มากขึ้น